ตอนที่420ความอ้างว้างสุดล็กใน จิตใจ
หลินซีนเยียนจ้องมองอินฉีอย่าง เหม่อลอยในดวงตาสะท้อนใบหน้า กระสับกระส่ายของเขาทว่าในแววตา ของนางหลงเหลือเพียงความว่าง เปล่าเท่านั้น
มีเสียงต้องตะโกนดังขึ้นมาจาก ด้านหลังรถม้า
ทันใดนั้นดวงตาที่ว่างเปล่าของ หลินซีนเยียนกลับมารับรู้ได้ชัดเจน ทันทีนางรีบเปิดหน้าต่างรถม้ามองไป ทางด้านหลังและมองที่หน้าประตูตำ หนักไท่เฟยมีคนหนึ่งไฟลุกท่วมทั้ง ร่างกระเด็นออกมาทว่าน่าเสียดาย ตอนที่นางเพ่งมองที่หน้าประตูคน ทั้งหมดก็ถึงจุดจบสุดท้ายของชีวิตไป เสียแล้วตอนถึงแก่ความตาย มือคน นั้นยังเอื้อมออกมาไกลราวกับอยาก ปีนป่ายออกจากในประตู
“หยุดรถ!”หลินซีนเยียนมองข้าม ชีวิตคนบริสุทธิ์ไม่ได้เพราะเจ้าของ ร้านยาวิเศษกับหลีฮวนนางทำผิด พลาดครั้งหนึ่งเสียแล้วทั้งชีวิตนางไม่ อาจชดเชยความผิดของตัวเองได้ ฉะนั้นนางจะไม่ให้ตัวเองทำพลาดอีก ครั้งเด็ดขาด
อินฉีขมวดคิ้วแววตาเต็มไปด้วย ความเจ็บปวดแต่เขากลับไม่ให้คนขับ รถม้าหยุดรถม้าและใช้โอกาสตอนที่ หลินซีนยียนเปิดหน้าต่างมองไปด้าน นอกมือก็ฟาดลงไปบนต้นคอนาง
หลินซีนเยียนรู้สึกด้านหน้ามืด สุดท้ายสลบลงไป
ในรถม้าอี้เซิงถลึงตามองอินฉีตีน หลินซีนเยียนสลบไปแล้วเขากัดฟัน กรอดตะคอกใส่อินฉี“เจ้าทำอะไร
อินฉีแหงนมองเขาอย่างเย็นชา พูดว่า“เจ้าเป็นบุรุษจะจิตใจอ่อนไหว เหมือนนางด้วยรึ?ตอนนี้นางไปช่วย คนพวกนั้นไม่ได้ให้ไปดูคนพวกนั้นสู้ ให้ข้าเป็นคนชั่วเสียดีกว่า!”
เขาคิดสิ่งที่เขายืนหยัดคือกกการ มีชีวิตอยู่ในสังคมฉะนั้นตอนที่เขาพูด ออกมาสีหน้าเล่นใหญ่โต แต่ทว่าเมื่อเขาเห็นอี้เซิงค้ำยัน ร่างเหนื่อยอ่อนแล้วปีนไปถึงหน้า ประตูรถตอนผลักประตูออกไปด้าน นอกสีหน้าเขาหวาดผวาทันที
“จับเขาไว้!”อินฉีตะโกนเสียงดัง
คนขับที่ติดตามอินฉีได้ยินคำสั่ง ของอินฉีเอื้อมมือไปจับอี้เซิงที่จะโดด ลงรถม้ากลับมาเขามือยาวอย่างนี้จะ จับเด็กหนุ่มขึ้นมาไม่ใช่เรื่องยาก
ร่างกายอี้เซิงยังไม่หายดีร่างภาย ใต้มือคนขับนั้นผอมกระหร่องอ่อนแอ ราวกับขนนกเห็นแค่คนขับคนนั้นใช้ แรงเล็กน้อยก็เหวี่ยงอี้เซิงเข้าไปในรถ ม้าได้อีกครั้ง
ประตูรถม้าถูกปิดอีกครั้งหัวอี้เซิง ไปกระแทกบนผนังรถเจ็บจนเขาแยก เขี้ยวยิงฟัน
“ไม่ประมาณตนเองเจ้าคิดว่าเจ้า จะช่วยคนพวกนั้นได้?”พฤติกรรมอิน ฉีที่ทำกับอี้เซิงไม่ได้ดีเหมือนทำกับ หลินซีนเยียน
อี้เซิงฮึดฮัดเบาๆสายตาแวววาว เผชิญหน้ากับอินฉี กัดฟันพูด“ตอนนี้ ข้ารู้แล้วเหตุใดพี่สาวข้าเลือกไม่ จื่อเฟิงแต่ไม่เลือกเจ้า!”
“เจ้าหมายความว่าอะไร?”อินฉี ขมวดคิ้วจ้องมองเขาทันทีราวกับ เข้าใจที่เขาพูด
อี้เซิงหันหัวไปอย่างขุ่นเคืองดึง หลินซีนเยียนที่สลบไปมาอยู่ในอ้อม แขนตัวเองหลังจากนั้นถึงพูดอย่าง เย็นชา“นี่ยังไม่เข้าใจอีกรึ?ถ้าเป็นโม่ จื่อเฟิงในสถานการณ์แบบนี้เขาไม่ ขวางไม่ให้เราทำแน่นอนอย่างมากสุด ตอนพวกเรายอมแพ้ไปแล้วก็เสียดสี พวกเราหลังจากนั้นก็ไปช่วยพวกเรา แต่ไม่เป็นแบบเจ้าแน่นอนแม้แต่ โอกาสที่จะไปช่วยคนตรงหน้าเจ้าก็ไม่ ให้พวกเราไป!เจ้าใช้หนทางที่เจ้าคิด ว่าถูกต้องแล้วไปจัดการพูดตรงๆนะ จะต้องเอาเจ้าเป็นศูนย์กลาง อะไรๆก็ ต้องฟังเจ้ารึ?”
หลังจากพูดประโยคนี้จบเขาก้ม หัวลงไม่พูดอะไรกับอินฉีอีกเลย
อินฉีกำหมัดค่อยๆแน่นขึ้นสายตา เหมือนล่องลอยไปในทันทีไม่รู้ว่าตัว เขาอยากจะพูดอะไรกันแน่แต่สีหน้า ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
ความเร็วของรถม้าที่มุ่งหน้าไป ไม่มีท่ามีช้าลงแม้แต่น้อยเสียงร้องไห้ ตะโกนดังแว่วๆค่อยๆแผ่วลงไปหลง เหลือเพียงเสียงควบม้าถี่ๆเท่านั้น
เมืองหลวงแคว้นหมันในเวลา มืดค่ำยังครึกครื้นโคมไฟหน้าประตู ร้านล้วนแขวนอยู่แม้จะเข้าสู่ห้วงเวลา ค่ำแต่ร้านค้าไม่ปิดเร็วผู้คนในเมือง หลวงดูเหมือนคุ้นเคยวิถีชีวิตแบบนี้ เมื่อถึงเวลานี้มีคนมากมายเข้าไป เลือกสินค้าที่ตัวเองต้องการเหมือน
เคย
ในบ้านพักเล็กๆที่ห่างไกลทาง ตอนเหนือของเมืองหญิงสาวรับใช้จุด เทียนไว้ตั้งนานแล้วไม่เสียดายไส้ ตะเกียงน้ำมันแม้แต่น้อยดูโดยรวมไม่ เหมือนคนตระกูลต่ำต้อย
ภายในห้องแม่หญิงนอนหลับนิ่ง บนตั่งขนตาขยับขึ้นเล็กน้อยชายที่เฝ้า ข้างเตียงลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทันทีเดิน เข้าไปข้างเตียงอย่าระมัดระวังจะ อยากจะพูดแต่ริมฝีปากแค่ขยับ สุดท้ายกลับเลือกที่จะเงียบ
หลินซีนเยียนค่อยๆลืมตาขึ้นมอง สภาพแวดล้อมแปลกตานางไม่ตกใจ เหตุการณ์แบบนี้นางเจอมาหลายครั้ง แล้วฉะนั้นแค่นางมีชีวิตอยู่ก็ไม่มี เหตุผลที่ต้องลนลานตกใจ นางหันไปมองเงียบๆก็เห็นอินฉี ในดวงตานางโกรธเคืองขึ้นมา ทันที“พวกนางทั้งหมด…..ตายแล้วรึ?”
อินฉีพยักหน้าสีหน้าไม่มีอารมณ์ แต่อย่างใด
ดวงตาหลินซีนเยียนแดงก่ำน้ำตา ร่วงอาบแก้มนางปืดตาให้โลกของตัว เองเข้าสู่ภาพมืด
วันที่สองยามฟ้าสางอี้เซิงยกถ้วย ยาร้อนๆมาถึงห้องหลินซีนเยียนเห็น หลินซีนเยียนยังไม่ตื่นเขาก็นำถ้วยยา วางไว้ข้างเตาให้อุ่นหลังจากนั้นก็เฝ้า อยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงหลิน ซีนเยียนถึงจะฟื้นขึ้นมาเห็นอินฉีไม่อยู่ ในห้องแต่เห็นหน้าอี้เซิงเป็นห่วงหน้า นางจึงโกรธขึ้นมา
“พี่สาวดื่มยา”อี้เซิงยกถ้วยยาเข้า มาประคองหลินซีนเยียนขึ้นมาขยับ ถ้วยเข้าไปใกล้ๆป้อนยาให้นาง
หลินซีนเยียนไม่ถามว่าเป็นยา อะไรอี้เซิ่งส่งป้อนเข้ามานางก็ดื่มแต่ โดยดีนี่เป็นหน้าที่ที่ทำให้อี้เซิงพอจะรู้ ซาบซึ้งประทับใจ
“หลังจากเจ้าสลบไปเมื่อคืนหมอ หลิวเข้าดูอาการเจ้าจัดการใบสั่งยา รักษาอาการหมอหลิวยังบอกว่าเพราะ สภาพใจเจ้าอัดั้นไม่มีทางระบายออก มาร่างกายจึงได้รับผลกระทบตอนนี้ สภาพร่างกายจิตใจอ่อนแอมากยัง รักษาได้ไม่ดีอีกเกรงว่าต่อไปจะเป็น โรคเรื้อรัง สาวต่อไปนี้เจ้าต้องดูแล ตัวเองให้ดีได้หรือไม่?ร่างกายเป็น ของตัวเองคนที่ได้รับความทุกข์ ทรมานก็คือตัวเอง”อี้เซิงพูดปากเปียก ปากแฉะด้วยความหวังดี
หลินซีนเยียนมองเขาอย่าง ประหลาดใจ“อี้เซิงเจ้าเป็นคนพูดน้อย นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้จะพูดออกมาได้ดูท่า สองปีที่ผ่านมานี้เจ้าคงโตขึ้นมากแล้ว เริ่มตักเตือนพี่สาวแล้วแต่เจ้าเป็นอย่าง นี้ก็ดีมากแล้ว”
นางไม่รู้สภาพร่างกายตัวเอง ที่ไหนกันแต่กลับควบคุมจิตใจตัวเอง ไม่ได้ตอนนี้นางไม่มีโม่จื่อเฟิงไม่มีวี่ จิ่งน้อยไม่มีเซียวฝานสุดลึกในหัวใจ นางกลัวความอ้างว้างเดียวดาย
และความอ้างว้างเป็นเรื่องหนึ่งที่ น่ากลัวมากอยู่ในความอ้างว้างนาน จิตใจก็ว่างเปล่าแล้วนางเหมือนศพ เดินได้บางครั้งรู้สึกว่าจะอยู่หรือตาย มันต่างกันตรงไหน?เหมือนกับพวกผู้ หญิงในจวนไท่เฟยไม่มีคุณค่าของตัว เองทั้งชีวิตเพราะผู้ชายคนเดียวทั้ง ชีวิตถูกคุมขังสุดท้ายไฟมอดไหม้ พรากชีวิตคนทั้งหมดไปจนหมดสิ้น