แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่427ควันเขม่าดินปืนขึ้นมาทั้งสี่ทิศ
หลังจากเสี่ยวหลงไปแล้วหลินซีนเยียนนั่งลงข้างหน้าต่างนางหยิบกระดาษและพู่กันขึ้นมาแล้วเริ่มตั้งใจวาดบนกระดาษแต่เมื่อคนยุคปัจจุบันเห็นของบนภาพกระดาษวาดรูปนั้นคงมองออกกันทั้งนั้นที่วาดนั่นคือปืน!
แต่ไม่เหมือนกับปืนในยุคปัจจุบันที่นางวาดเหมือนปืนยุคศตวรรษที่สิบแปดเพราะถึงอย่างไรดินปืนดำยังมีความแตกต่างจากดินปืนยุคปัจจุบันเรื่องอานุภาพยังมีหลายด้านที่ควบคุมได้ยาก
ในก้นบึ้งสุดหัวใจเธอแอบดีใจการค้นพบดินปืนเป็นการผลักดันส่งเสริมครั้งยิ่งใหญ่สำหรับมนุษยชาติเป็นสัญลักษณ์สิ้นสุดของสมัยอาวุธเย็นช่วงของอาวุธเย็นนี้วันใดวันหนึ่งก่อกำเนิดดินปืนขึ้นมาไม่ต้องคิดก็รู้ว่าจะสั่นสะเทือนต่อเรื่องสร้างพลังอำนาจของที่นี่อย่างไรบ้าง
ช่วงค่ำในวันที่สองกำลังจ้องมองเสี่ยวหลงที่เบ้าตาดำทั้งสองข้างนำของที่หลินซีนเยียนต้องการมาส่งถึงปลายทางท่ามกลางความมืดทว่าประมาณได้ว่าไม่เป็นไปตามคำร้องขอของหลินซีนเยียน
“เจ้าต้องการสามชุดแต่พวกนายช่างทำออกมาไม่ได้จริงๆจึงทำออกมาได้หนึ่งชุดเจ้ารีบใช้ข้าก็เลยส่งให้เจ้าก่อน”เสี่ยวหลงพูด
หลินซีนเยียนพยักหน้า“ชุดหนึ่งก็ชุดหนึ่งเถิด ช่วงเวลาจุดเป็นจุดตาย มีดีกว่าไม่มี เลยลำบากเจ้าแล้ว”
“ได้ช่วยท่านข้าก็รู้สึกว่าคุ้มค่าแล้วขอรับ”เสี่ยวหลงหัวเราะฮ่าๆ
มองรอยยิ้มซื่อๆไร้เล่ห์เหลี่ยมของเสี่ยวหลงหลินซีนเยียนอดยิ้มไม่ได้“ไม่รู้จริงๆว่าเจ้านายของเจ้าเป็นคนอย่างไรกันแน่สามารถเลี้ยงคนคล่องแคล่วว่องไวอย่างเจ้าได้ดูจากประสิทธิภาพที่เจ้าทำภารกิจแต่ไม่เหมือนสายลับทั่วไป
“คนรับใช้?”
เสี่ยวหลงกระพริบตา“คนรับใช้จะเทียบกับข้าได้ที่ใดกัน?ข้าเป็นผู้พิทักษ์ลับที่เก่งกาจที่สุด”
“ผู้พิทักษ์ลับ?”หลินซีนเยียนตาสว่างดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายระยิบระยับผู้ที่จะเลี้ยงดูผู้พิทักษ์ลับได้ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ไม่มากก็น้อย
เสี่ยวหลงมองสีหน้านางก็รู้ว่าตัวเองถูกเปิดเผยแล้วต้องรีบหาข้ออ้างให้เร็วที่สุดแล้วเป็นไปตามที่คิดพวกเดียวกันก็จะอยู่ด้วยกันมาอยู่กับผู้หญิงของเจ้านายได้ก็ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมแล้วยังฉลาดอีกด้วย
ในห้องหลินซีนเยียนโคมไฟสว่างทั้งคืนจนกระทั่งตอนท้องฟ้าสว่างไส้เทียนมอดโคมไฟถึงดับไปเอง
เพียงแต่หลังจากโคมไฟดับไปไม่นานหน้าจวนก็มีเสียงแตกตื่นดังขึ้นมาไม่นานสวี่ห้าวและอี้เซิงท่าทางจริงจังรีบวิ่งเข้ามาในจวน
“พี่สาว!พี่สาว!”อี้เซิงวิ่งไปตะโกนไปตอนเห็นหลินซีนเยียนหน้าซีดเดินมาออกจากห้องเขารีบพูด“โจว่เฉิงลงมือแล้ว!”
“เร็วกว่าที่ข้าคาดคิดไว้”หลินซีนเยียนขมวดคิ้วแน่นถามอีก“เขาทำอย่างไร?”
“เมื่อครู่อาจารย์เห็นบนถนนใหญ่มีกองกำลังคุมกำลังเข้มงวดแล้วพูดกันว่าพูดกันว่ารอบเมืองหลวงรวบรวมกองกำลังทหารได้ห้าหมื่นคนตอนนี้กองทัพกำลังล้อมเมืองในกลางเมืองแม่ทัพวี่หลินจัดเตรียมป้องกันทุกประตูเมืองตอนนี้คนในเมืองใจหวาดหวั่นยิ่งมีไก่ขันสุนัขเห่าผสมโรงไปด้วยเหล่าประชาราษฎร์วุ่นวายกันไม่สงบนิ่งตอนนี้คนในราชสำนักไม่มาดูแลประชาชนฉะนั้นตอนนี้ทุกที่ทุกหนแห่งมีแต่ความโกลาหล”อี้เซิงเล่าเหตุการณ์อย่างคร่าวๆ
สวี่ห้าวพูดเพิ่มเติม“ยิ่งกว่านั้นกำลังทหารรอบจวนพวกเรามีน้อยลงกว่าเดิมดูท่าถูกจัดไปอยู่ทางประตูแล้วมีคนพวกนี้ตีขนาบทั้งด้านในด้านนอกข้าคาดการณ์
ว่าประตูเมืองจะแตกพ่ายเร็วมากแต่ในเมื่อโจว่เฉิงใช้ชื่อแฝงของอี้เซิงเช่นนั้นข้าคิดว่าถ้าในกาลนี้ฮ่องเต้แคว้นหมันทรงฉลาดปราดเปรื่องจะต้องรีบค้นหาชีวิตอี้เซิงฉะนั้นพวกเรา…..จะมีอันตรายมากมีโชคเพียงอย่างเดียวคือที่นี่คือด้านในของเมืองไม่แน่ว่าฮ่องเต้นั้นทรงคิดว่าพวกเราอยู่ภายในสายตาของพระองค์”
หลังจากทั้งสองคนวิเคราะห์หลินซีนเยียนก็เข้าใจสถานการณ์ล่วงหน้าแต่หลินซีนเยียนไม่กล้าประมาทกับเรื่องนี้รีบนำของที่ตัวเองทำเมื่อสองสามวันก่อนออกมา
นางนำกระโจมมือที่ชักมีดคมออกมาได้ให้สวี่ห้าวแล้วนำมีดอ่อนให้อี้เซิงตัวเองก็เหลือกำไลซ่อนธนูและของที่พึ่งทำเสร็จนั้นจนถึงเวลานี้ต้องมีอาวุธเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
ทั้งสามคนเก็บของเท่าที่จำเป็นพึ่งจะจัดเก็บของทั้งหมดก็ได้ยินเสียงดังโครมดังออกมาจากทางประตูเมืองระยะใกล้กับประตูทางใต้มากฉะนั้นเสียงที่ดังขึ้นน่าจะดังออกมาจากประตูทางใต้
“ประตูเมืองพังเร็วขนาดนี้โจว่เฉิงคงได้เป็นผู้นำแคว้นหมัน!”สวี่ห้าวอดพูดประโยคนี้ไม่ได้
ในเมืองหลวงแคว้นหมันควันเขม่าดินปืนขึ้นมาทั้งสี่ทิศแต่ตระกูลหรงที่อยู่ท่ามกลางหิมะอันแสนไกลท่าทางจะเตรียมอาวุธพร้อมรบทันที
สิ่งที่ยังเป็นเหมือนเดิมคือห้องโถงในที่อันไกลโพ้นหนีหว่านยืนอยู่หลังโม่จื่อเฟิงเข็นรถเข็นของเขาไปด้านนอกมีเพียงสีหน้านางที่ทำให้คนอดแสดงสีหน้าอารมณ์ไม่ได้สีหน้าจำใจปนสิ้นหวังทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจ
หน้าประตูมีหญิงสาวสองสามคนเตรียมนำทางก่อนแล้วตอนที่สองคนเดินออกไปเด็กสาวสองสามคนนั้นก้มตัวใช้สายตาค่อยๆมองปราดโม่จื่อเฟิงแล้วค่อยเดินนำทางไปข้างหน้าต่อไปอย่างลำบากใจ
ตั้งแต่บ้านอันไกลโพ้นจนถึงบึงน้ำเย็นจำเป็นต้องข้ามทะลุผ่านทางเดินสูงชันนับสินที่สองฟากทางเดินคือสถานที่พักของลูกศิษย์ตระกูลหรงได้ยินว่าตอนนี้บุกเปิดบึงน้ำเย็นเพื่อลูกกำพร้าของตระกูลหรงฉะนั้นบนหน้าต่างของทั้งสองฟากทางเดินไม่นานก็มีกลุ่มคนยื่นหัวมามองโม่จื่อเฟิง
“เช่นนั้นคงเป็นเด็กกำพร้าในตำนานคนนั้น?เกิดออกมาหน้าตารูปงามอย่างที่คิดไว้และเขาหักหลังตระกูลหรงเหมือนแม่!”
“ไม่ใช่ใช่ว่าสวรรค์ไม่ยุติธรรมก็คนอย่างเขาสร้างภัยบางอย่างและต่อต้านอำนาจตระกูลหรงได้แต่โชคดีเขาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ไม่นั้นข้าจะรอสาวน้อยของตระกูลหรงไปด้วยเหตุใดกัน?”
“เขาอยู่เอ้อระเหยไปวันๆแล้วยังไง?ไม่ใช่สิ่งสุดท้ายที่ขอร้องตระกูลตัวเองรึ?แต่หัวหน้าตระกูลก็เป็นคนเอาจริงบึงน้ำเย็นช่างมีค่าเหลือเกินปีหนึ่งเปิดได้แค่ครั้งเดียวและคนที่เข้าไปล้างไขกระดูกก็เพียงแค่คนเดียวเหตุใดปีนี้ต้องการเด็กกำพร้าไร้ค่านี่อีกอย่างนะเขาแยกจากตระกูลหรงตั้งแต่วัยเยาว์กำลังภายในของตระกูลหรงก็ทำไม่ได้งั้นเขาลงไปในบึงน้ำเย็นจะไม่ตายรึ?”
“ใครจะรู้ล่ะจะลงบึงน้ำเย็นได้ต้องฝึกฝนกำลังภายในตระกูลหรงสิบปีขึ้นไปถ้าหากไม่บำเพ็ญตนตามหลักกำลังภายในของตระกูลหรงเลือดลมไหลจะทวนกระแสทำลายร่างกายและตายได้ง่ายดายเขายังคิดไปต้านทานด้วยร่างกายอัมพาตอีกหรือ?”
“ดูท่าเขาเป็นได้เท่านั้นแม้แต่เหตุผลนี้ก็ยังไม่เข้าใจก็คงโง่เสียเต็มประดาแล้วล่ะ”
ในห้องโถงที่อยู่เหนือทางเดินได้ยินเสียงคนสองสามคนคุยกันเสียงดังชัดเจนสองสามคนนั้นยืนอยู่ริมหน้าต่างท่าทีเจรจาไม่เลี่ยงใช้คำพูดแม้แต่น้อยเหมือนกับจงใจพูดคำพวกนั้นออกมาหาโอกาสให้โม่จื่อเฟิงอับอายขายหน้าเท่านั้นเอง
โม่จื่อเฟิงแหงนหน้ามองสองสามคนนั้นไม่หลบตาแม้แต่น้อยยืนอยู่ที่หน้าต่างหน้าด้านๆเหมือนเดิมชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มทำท่าทางกระแอมยั่วยุใส่โม่จื่อเฟิง
โม่จื่อเฟิงไม่เพียงไม่โกรธแต่ยังยิ้มแปลกเขาพูดเสียงดังกังวาน“ดูท่านายน้อยตระกูลหรงในตอนนี้ก็เป็นได้แค่นั้น”
มีคนหนึ่งทำหน้าอวดดีบ้าระห่ำสำหรับคนกลับกลอกปลิ้นปล้อนอย่างโม่จื่อเฟิงอยากจะทำร้ายเขาให้ตายแต่มีปัญหาเรื่องเวลาเท่านั้น