ทุกคนต่างรู้ว่าตอนนี้ขาดก็แต่คำตอบของเยี่ยเม่ยเท่านั้นแล้ว
คนทั้งหมดคารวะฮ่องเต้ก่อน
ฮ่องเต้ค่อยทอดพระเนตรมองเยี่ยเม่ย ตรัสถามว่า “ไม่รู้ว่าเหอซั่วอ๋องขบคิดปัญหาที่สามวันก่อนรับปากจะตอบข้าได้หรือยัง”
เยี่ยเม่ยพยักหน้า ตอบว่า “ย่อมคิดได้แล้วเพคะ!”
เมื่อนางตอบ ฮ่องเต้ก็พยักหน้าด้วยความคลายใจ
ไม่ช้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เสินเซ่อเทียน เป่ยเฉินอี้และกูเยว่อู๋เหินก็เข้ามาในท้องพระโรง
ขุนนางทั้งหลายต่างคิดรู้ในใจว่าเยี่ยเม่ยช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก งานเลือกสามีของนาง ทำราวกับพิธีคัดเลือกพระสนมก็ไม่ปาน อีกทั้งตัวเลือกยังเป็นมังกรในหมู่ชน เป็นบุรุษรูปงามที่โดดเด่นแห่งยุคหลายคนอีกด้วย
ไม่รู้ว่าเยี่ยเม่ยมีบุญวาสนามาจากไหน…
แต่ไม่อาจไม่บอกว่า เยี่ยเม่ยถือเป็นสตรีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคสมัยนี้! เรื่องอื่นมิจำเป็นต้องเอ่ยถึง อาศัยแค่นางเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกและอ๋องหญิงคนแรกในรอบหลายปีของเป่ยเฉิน ก็พอจะพิสูจน์ความร้ายกาจของนางได้แล้ว
ดังนั้นบุรุษหลายคนชมชอบนาง ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องอะไรที่ยากเกินเข้าใจได้
ฮ่องเต้มองคนทั้งสี่ ตรัสว่า “เหอซั่วบอกว่านางคิดได้แล้ว พวกเจ้าทั้งหลายวันนี้ก็จะได้สงบใจได้เสียที”
เมื่อพระองค์ตรัสออกมา บุรุษรูปงามทั้งสี่ก็มีสีหน้าต่างกันออกไป
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนความคิดหนักอึ้ง ไม่กล้ามั่นใจว่านางจะเลือกตนเอง บางทีอาจบอกว่า เขารู้ว่าเพราะความแค้นที่มีต่อราชสำนักเป่ยเฉิน มีโอกาสที่นางจะเลือกกูเยว่อู๋เหินมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางชอบอีกฝ่าย ดังนั้นเขาแทบไม่เหลือโอกาสชนะเลย
เป่ยเฉินอี้ยิ่งก้มหน้าลงปิดรอยยิ้มขมขื่นในดวงตา ความจริงเขารู้อยู่ในใจ เยี่ยเม่ยไม่มีทางเลือกเขาแน่ แต่ว่า…ถึงเขาจจะคาดเดาเรื่องเหล่านี้ได้ ถึงเขาจะแจ่มแจ้งอย่างที่สุด เขาไม่เคยคำนวณพลาดมาก่อน ดังนั้นเยี่ยเม่ยย่อมไม่เลือกเขา
แต่…
เวลานี้เขายังคงหลงเหลือความหวังเล็กๆ ไว้ คาดหวังว่านางจะเลือกตัวเอง หวังว่าปาฏิหาริย์จะบังเกิด
กลับกัน
อารมณ์ของกูเยว่อู๋เหินกลับไม่เลวเลย เพราะเขารู้ดีว่าในบรรดาคนทั้งหมด ไม่ว่าจะมองจากผลประโยชน์หรือเหตุผล เขาเป็นคนที่มีโอกาสชนะมากที่สุด ดังนั้นเมื่อเทียบกับความไม่สงบของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ความเจ็บปวดใจของเป่ยเฉินอี้ อารมณ์ของเขากลับสงบนิ่งกว่ามาก
ส่วนเสินเซ่อเทียน…
ความจริงเขาไม่เข้าใจเหตุผลที่เยี่ยเม่ยไม่เลือกเขา ดังนั้นในยามนี้…เขากลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เยี่ยเม่ยในเวลานี้ยืนหันหลังให้พวกเขา
สายตาครุ่นคิดของไป๋หลี่ซือซิวจับจ้องอยู่ที่ร่างของเยี่ยเม่ย ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า เขารู้สึกว่าเยี่ยเม่ยที่เขาได้พบในเช้าวันนี้ต่างออกไปจากเยี่ยเม่ยที่โอนเอียงไปทางเป่ยเฉินอี้ยามพูดคุยกับเขาเมื่อหลายวันก่อน
ยามนี้ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองเยี่ยเม่ย ถามว่า “อย่างนั้น เหอซั่วอ๋อง ไม่รู้ว่าสามีในใจเจ้านั้นคือผู้ใดกันแน่”
เมื่อเอ่ยจบ ฮ่องเต้ทรงเตือนขึ้นอีกว่า “เหอซั่วอ๋องต้องเลือกให้ดี!”
อันที่จริงแล้ว พระทัยของฮ่องเต้ไม่ได้ดีไปกว่าคนทั้งสี่ที่รอคำตอบอยู่เบื้องล่างเลย พระองค์ทรงกังวลเป็นที่สุดว่าเยี่ยเม่ยจะเลือกเสินเซ่อเทียน หากเป็นเช่นนั้น พระองค์ย่อมมิอาจปล่อยเยี่ยเม่ยไว้ บางทีอาจนำมาซึ่งปมขัดแย้งระหว่างพระองค์กับเสินเซ่อเทียนก็ได้
เมื่อคิดถึงจุดนี้ อารมณ์ของฮ่องเต้ก็ยิ่งไม่สู้ดีมากขึ้น !
เยี่ยเม่ยรู้ว่าฮ่องเต้จงใจ เดิมทีนางก็เดาได้อยู่แล้ว หญิงสาวก้มหน้าลง มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำหมัดแน่น แผ่นหลังของนางหันให้คนหลายคนนั้น รับรู้ได้ถึงสายตาของทั้งสี่ที่มองมายังแผ่นหลังตน
ยิ่งทำให้นางเกิดความรู้สึกไม่สงบอย่างยิ่ง
นาทีถัดมาเยี่ยเม่ยก็ยิ่งกำหมัดแน่น เอ่ยตอบกลับด้วยเสียงนิ่งๆ “ฝ่าบาท หม่อมฉันเลือก…เป่ยเฉินเสียเยี่ยน!”
ครั้นนางตอบออกมาเช่นนี้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนและกูเยว่อู๋เหินชะงักงันไป แววตาเผยความตกตะลึง
เช่นเดียวกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่ไม่เคยคิดว่าเยี่ยเม่ยจะเลือกตนเองมาก่อน กูเยว่อู๋เหินไม่อยากเชื่อว่าคนที่ถูกเลือกเป็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยน หาใช่ตัวเขา
นี่เขามั่นใจในตัวเองมากเกินไปแล้วใช่ไหม
หลงคิดว่าระหว่างเขากับนางไร้ซึ่งความแค้นต่อกัน ดังนั้นจึงมีโอกาสมากกว่าส่วนหนึ่ง
แต่ว่าท้ายที่สุด คนที่นางเลือกยังคงเป็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เป็นดังที่เขาคาดไว้ เดิมทีหัวใจนิ่งสงบไม่ไหวติงของเขา ในยามนี้ว่างเปล่าคล้ายกับถูกมดนับหมื่นนับพันกัดกร่อนไปหมด คล้ายกับสูญเสียส่วนที่สำคัญที่สุดไปแล้ว
เป่ยเฉินอี้หลุบตาลง ดวงตาฉายแววขมขื่น เป็นดังเขาคาด! เขาคำนวณได้ว่าผลสุดท้ายที่นางอาจเลือก หากนางเลือกความรักก็ต้องเลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยน หากนางเลือกเหตุผลกูเยว่อู๋เหินก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
เขากับเสินเซ่อเทียนล้วนไม่มีโอกาสเป็นตัวเลือกของนาง
ยามเมื่อภาพเหตุการณ์นี้ปรากฏเบื้องหน้า หัวใจเขาก็เจ็บปวดขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่
เสินเซ่อเทียนก็ตะลึงงันไปเช่นกัน
เขาคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายคนที่เยี่ยเม่ยเลือกจะเป็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ทั้งๆ ที่นางเคยบอกแล้วว่านางชอบกูเยว่อู๋เหินชัดๆ เรื่องระหว่างเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ผ่านไปแล้ว?
เสินเซ่อเทียนคิดว่า เขาแพ้พ่ายให้กับกูเยว่อู๋เหินได้ แพ้ให้กับความรักที่นางบอกเขาในวันนั้นบนหลังคาว่า หากนางไม่เลือกเขา ก็จะเลือกความรัก
แต่ในที่สุด นางเลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยน?
นางไม่ใช่เปลี่ยนไปรักกูเยว่อู๋เหินแล้วหรือ เสินเซ่อเทียนพลันคิดว่า ตัวเองคล้ายกับไม่เข้าใจสตรีเอาเสียเลย สรุปแล้วนี่เป็นเพราะสตรียากเข้าใจได้ หรือเพราะ…เยี่ยเม่ยเข้าใจได้ยากมากกว่าสตรีทั่วไปกันแน่
ฮ่องเต้สดับรับฟัง กลับคลายใจได้
ยังดีที่นางมิได้เลือกเสินเซ่อเทียน
และยังดีที่สุดท้ายนางเลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เช่นนั้นก็บรรลุถึงแผนการตอนแรกของพระองค์กับเซี่ยโหวเฉินแล้ว ทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนและเป่ยเฉินอี้เป็นศัตรูกันถึงขีดสุด สู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง
พระองค์ตรัส “เช่นนั้นก็ดี ข้าพระราชทานงานอภิเษกสมรสให้เหอซั่วอ๋องกับองค์ชายสี่ ให้เหอซั่วเป็นพระชายาองค์ชายสี่ กรมราชพิธีเลือกวันมงคล รีบจัดงานเสกสมรสครั้งนี้ให้ไวที่สุด!”
พระองค์หวังให้งานแต่งงานนี้จบโดยไว เพื่อลบความคิดของเสินเซ่อเทียนไปแต่เนิ่นๆ
“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้ากรมราชพิธีก้าวออกมารับคำทันที จากนั้นก็เอ่ยว่า “ทูลฝ่าบาท หลายวันนี้กระหม่อมตรวจดูแล้ว วันมงคลในเดือนนี้มีหลายวัน หลังจากนี้เจ็ดวันก็เป็นวันมงคล สิ้นเดือนก็มีวันมงคล กลางเดือนหน้าก็มีเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาอธิบายไปพลางเอ่ยต่อว่า “ตามหลักแล้ว งานอภิเษกสมรสขององค์ชายสี่ เป็นเรื่องใหญ่ระดับบ้านเมือง ดังนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาเตรียมการ กระหม่อมคิดว่ายืดเวลาไปสักเล็กน้อยจะเหมาะสมกว่า!”
“อย่างนั้นหรือ” ฮ่องเต้ทรงตวัดพระเนตรมองเจ้ากรมราชพิธีอย่างไม่ยินดี ตรัสด้วยสุรเสียงเย็นเยียบ “ทำไมข้าถึงคิดว่าเจ็ดวันหลังจากนี้ก็ไม่เลว ฤกษ์ดีมิสู้ฤกษ์สะดวก ในเมื่อเจ็ดวันหลังจากนี้เป็นวันดี ก็รีบเตรียมการเสีย หลังจากนี้เจ็ดวันจัดงานอภิเษกสมรส อย่าได้ยืดเยื้อออกไปอีก!”
เจ้ากรมราชพิธีค้านว่า “แต่ว่าฝ่าบาท งานอภิเษกสมรสขององค์ชาย มีเรื่องที่ต้องเตรียมการซับซ้อน…”
ฮ่องเต้ทรงแผดเสียงสูง “สรุปเจ้าต้องการเวลาจริงๆ หรือจงใจยืดเยื้อออกไปกันแน่”