บทที่ 535 หนุ่มน้อยปรมาจารย์
“เจ้าสำนักน้อยออกจากหลงเจียงมานานแล้วครับ ตอนนี้ถึงเกาะแล้วครับ!”
ลูกน้องคนหนึ่งกล่าวรายงาน
“เจ้าสำนักน้อย?”
เฉินจิ้นตงรู้สึกประหลาดใจ“คุณพ่อครับ เจ้าสำนักน้อยอะไรครับ?”
“คิกคิก เดี๋ยวมาแล้ว ลูกก็จะรู้เองแหละ!”
เฉินเตี๋ยนชางส่ายหัวอย่างยิ้มชื่น
จากนั้นก็เงยหน้ามองนอกห้องโถง“พอพูดถึงก็มาถึงทันทีเลย!”
เพิ่งจะพูดจบ
ทุกคนต่างเงยหน้ามองไปนอกประตู
ที่ลานบ้านด้านนอกเห็นมีชายหนุ่มสวมใส่ชุดสูทสีดำเดินเข้ามา
“เจ้าสำนักน้อย!”
และผู้คนที่อยู่ข้างประตูต่างคำนับทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“เสี่ยวเกอ!!!”
เฉินจิ้นตงยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน
“เสี่ยวเกอ!!”
พี่สาวเฉินเสี่ยวยิ่งเซอไพรส์จนต้องใช้มือปิดปาก
คนทั้งตระกูลล้วนตื่นเต้นดีใจเป็นล้นพ้นที่เห็นเฉินเกอ
“คุณพ่อคุณแม่ พี่สาว หนึ่งปีผ่านไปแล้ว ตอนนี้ผมกลับมาแล้วครับ!”
เฉินเกอเดินมาตรงหน้าคุณพ่อ จากนั้นก็คุกเข่าลง
“กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมาแม่นึกว่าลูก……นึกว่าลูก……”
หยางยู่ผิงร้องไห้อย่างปลื้มปิติไม่สามารถเก็บอาการร้องไห้ได้
“ดีมาก ลูกชายพ่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีความพัฒนาและแข็งแกร่งมากเลย ดีมากเลย!”
เฉินจิ้นตงก็ร้องไห้ด้วย
เฉินเกอเช็คน้ำตาให้คุณพ่อคุณแม่และพี่สาว
จากนั้นก็มองไปยังเฉินเตี๋ยนชางแล้วเอ่ยว่า“คุณปู่ครับ ในที่สุดก็เป็นอย่างที่คุณปู่คาดหวังแล้วครับ……”
“ดีมากเสี่ยวเกอ ปู่ดูจากพลังลมปราณของหลานแล้วหลานมีความแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่าแล้ว หลานมีพรสวรรค์มากว่าปู่เลยนะ”
พูดจบ เฉินเตี๋ยนชางก็มองไปยังโม่ฉางคง
“ปีที่แล้ว ไอ้เด็กเมื่อวานซืนทำให้หลานตกอับไร้ซึ่งหนทาง วันนี้ เสี่ยวเกอ หลานอยากจะแก้แค้น อยากจะดุจะด่าเขาก็เต็มที่เลยนะ!”
เฉินเตี๋ยนชางหัวเราะชอบใจ
“ครับ ความแค้นที่ผ่านมา วันนี้ควรจะสะสางกันซักที!”
เฉินเกอเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืนพลางมองหน้าโม่ฉางคง
“เฉินเกอ!พูดเช่นนี้ ลูกชายคนที่สามของผม โม่เจี้ยนก็ถูกคุณจับตัวไปใช่ไหม?”
โม่ฉางคงกัดฟันพูด
“อืม ถูกผมโยนลงสู่เหวแล้วถูกงูพิษกัดตายทั้งเป็น ไม่เหลือแม้แต่ร่าง ดังนั้นผู้อาวุโสโม่คิดจะสืบหาร่องรอยของเขาคงจะยากหน่อยนะ!”
เฉินเกอกล่าว
“อะไรนะ?เฉินเกอ เสียใจที่ไม่กำจัดคุณตั้งแต่แรก ตอนนี้คุณฆ่าลูกชายของผมถึงสองคน วันนี้ ไม่ว่าจะยังไง ผมจะฆ่าคุณเพื่อแก้แค้นให้กับลูกชายทั้งสองคนของผม!!!เอาชีวิตมา!”
เสียงดังเพี๊ยะ!
ทั้งตัวของโม่ฉางคงก็ลอยออกไป
จากนั้นก็กระโจนเข้าใส่เฉินเกอ
พลังภายในของโม่ฉางคงแข็งแกร่งมากเหมาะกับอารมณ์ของเขามาก
แต่ทว่าถึงจะแข็งแกร่งเพียงใดก็แค่อยู่ในระดับสูงดยอดผู้ทรงพลังภายในเท่านั้น
หนึ่งปีก่อนเฉินเกอเกรงกลัวเขา หวาดกลัวตระกูลโม่ แต่ตอนนี้โม่ฉางคงจะมาทำอะไรได้?
การล่องลอยที่เหมือนกัน เฉินเกอชกไปยังตำแหน่งที่โม่ฉางคงพุ่งเข้ามาหนึ่งหมัด
ปัง!
จากนั้นก็เห็นร่างของโม่ฉางคงลอยถอยหลัง
จนแผ่นหลังไปกระแทกเสาหินแล้วถึงจะตกลงสู่พื้น
ส่วนเสาหินก็หักล้มลงมา
“พลังภายในที่วิเศษมากเลย มิน่าล่ะ!มิน่าล่ะ!”
ใบหน้าอันเหี่ยวย่นของโม่ฉางคงเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา
บัดนี้ ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อจะพุ่งไปจู่โจมเฉินเกอ
“พ่อครับ สิ่งเหล่านี้พ่อเป็นคนสอนเหรอครับ เสี่ยวเกอกลายเป็นคนเก่งกาจตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ?”
เฉินจิ้นตงมีใบหน้าที่ตื่นเต้นดีใจและภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
“ฮาฮา ถือได้ว่าใช่ แต่พ่อสอนแค่ครึ่งเดียว!”
เฉินเตี๋ยนชางยิ้มพลางส่ายหัว
เฉินจิ้นตงดูอย่างดีใจ
เฉินเสี่ยวร้องเชียร์เสียงดังกึกก้อง“เสี่ยวเกอสู้สู้ ตีไอ้แก่ให้ตายไปเลย ตีเขาให้ตาย!!!”
เฉินเสี่ยวก็ดีใจด้วย
“ท่านครับ ผมสังเกตดูพลังลมปราณของท่าน หรือท่านจะเหมือนอาสามตระกูลโม่ของผม ที่มีนามว่าโม่ชางหลง เป็นถึงระดับขั้นปรมาจารย์แล้วใช่ไหมครับ?”
ส่วนโม่เว่ยผิง บัดนี้รู้สึกตะลึงกับภาพการต่อสู้กันครั้งยิ่งใหญ่ตรงหน้า
เพราะเฉินเกอที่อายุยังน้อยๆ เมื่อมาต่อสู้กับโม่ฉางคง
กลับทำให้โม่ฉางคงเป็นสองรองจากเขา
บัดนี้ เขามองเฉินเตี๋ยนชางอย่างมีสัมมาคารวะ
“อืม ฮาฮา ฟังจากที่คุณพูด ตาเฒ่าโม่ชางหลงคนนี้ ตลอดสิบปีมานี้ไม่ได้อยู่นิ่งเลย ฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับขั้นปรมาจารย์แล้วเหรอ?”
เฉินเตี๋ยนชางซักถาม
“ใช่ครับ!”
“คุณปู่ค่ะ ปู่เคยพูดว่าปู่ทวดโม่ชางหลงเสียชีวิตแล้วไม่ใช่เหรอค่ะ?”
และโม่ชิงหวูยังไม่สามารถหลุดออกจากอารมณ์ความตกใจได้
บัดนี้จึงได้ถามขึ้นมา
“พูดไปเรื่อย มันเป็นเพียงแค่คำลือ สถานะของปู่ทวดโม่ของหนู จะเปิดเผยง่ายๆได้อย่างไรกัน ลูกหลานอย่างพวกหนูไม่มีทางรู้หรอก!”
โม่เว่ยผิงกล่าว
“แล้ว……แล้วเฉินเกอล่ะค่ะ เป็นถึงระดับนักฝึกวิทยายุทธกำลังภายในขั้นสูงแล้วใช่ไหมค่ะ?และที่สำคัญ เขาเก่งกาจมากทีเดียว!”
โม่ชิงหวูพูดประโยคนี้ด้วยความสับสน
เพราะตอนแรก ครั้งแรกที่เฉินเกอเดินทางมาขอความช่วยเหลือที่บ้านตระกูลโม่ ตอนนั้นโม่ชิงหวูได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเสียเลือดเป็นจำนวนมาก เฉินเกอจึงอาสาบริจาคเลือดช่วยชีวิตตนเอาไว้
แต่ตนกลับดูถูกเหยียบหยามเฉินเกอมาโดยตลอด คิดว่าเขาก็คนสามัญชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
แต่ตอนนี้เขาเก่งกาจถึงเพียงนี้ ทำให้โม่ชิงหวูรู้สึกสับสนและมีอารมณ์ที่ซับซ้อน
“ไม่ อันนี้คือสิ่งที่ปู่กำลังสงสัยอยู่ ปู่สังเกตดูคุณชายเฉินแล้ว เขาไม่เหมือนอยู่ในระดับนักฝึกวิทยายุทธกำลังภายในขั้นสูง ไม่ทราบว่าผมคาดเดาถูกต้องหรือเปล่าครับท่าน?”
โม่เว่ยผิงไม่สามารถเก็บซ่อนความประหลาดใจและตื่นเต้นไว้ได้
ถามเฉินเตี๋ยนชางด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ฮาฮา คุณมีสายตาที่เฉียบแหลมจริงๆ!”
เฉินเตี๋ยนชางหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
“โอ้สวรรค์!!!”
ทันใดนั้นสีหน้าโม่เว่ยผิงกลายเป็นซีดเผือด จากนั้นก็ถอยหลังไปหลายก้าว
โชคดีที่มีโม่ชิงหวูประคองไว้
“คุณปู่เป็นอะไรคะ?ความสามารถของเฉินเกอพัฒนาไปไกลจนน่าพิสดาร หลานคิดว่าไปถึงระดับนักฝึกวิทยายุทธกำลังภายในขั้นสูงแล้ว อีกทั่งยังถึงขีดสุดแล้วด้วย!”
โม่ชิงหวูกล่าว
“ไม่!!!เมื่อกี้ผมไม่ค่อยมั่นใจ จนได้รับคำตอบจากท่านผู้นี้ คุณชายเฉิน……เขาไม่ได้อยู่ในระดับนักฝึกวิทยายุทธกำลังภายในขั้นสูง!!!”
“แล้วคืออะไรค่ะ?”
“ปรมาจารย์……”
โม่เว่ยผิงสูดลมหายใจเข้าออก บัดนี้ราวกับจะหยุดหายใจแล้ว
ดวงตาทั้งคู่ของเขากะพริบไม่หยุดและตัวสั่นคลอไปทั้งตัว
ปรมาจารย์คือวิทยายุทธการต่อสู้ในสมัยโบราณวิธีหนึ่งซึ่งลึกลับที่สุด มีคนพยายามฝึกฝนทั้งชีวิต แต่มิอาจบรรลุได้
“คุณปู่ ท่านพูดอะไรค่ะ?เป็นไปได้ยังไงค่ะ?”
ปากโม่ชิงหวูอ้าขึ้นเล็กน้อย
“ปรมาจารย์!!!”
โม่เว่ยผิงพยักด้วยความสั่นคลอ
“คุณชายเฉิน……คือปรมาจารย์ผู้อ่อนเยาว์!หลังจากคนผู้นั้นก็ไม่มีใครเคยไปถึงขั้นนี้ได้เลย!ไม่มีเลย!!!”
โม่เว่ยผิงกล่าวต่อ
“คุณพ่อค่ะ อะไรคือปรมาจารย์เหรอค่ะ?เสี่ยวเฉินกลายเป็นปรมาจารย์แล้วเหรอค่ะ?”
ถึงแม้เฉินจิ้นตงจะไม่รู้ว่าอะไรคือปรมาจารย์ แต่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่วิเศษมากๆเลยทีเดียว
“ฮาฮา ใช่แล้ว เสี่ยวเกอบรรลุถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว ดังนั้นเมื่อกี้ตอนที่ผมเห็นเขา ผมก็รู้สึกประหลาดใจเหลือเกิน เพราะตามหลักที่ผมรู้ ถึงเสี่ยวเกอจะมีพรสวรรค์มากถึงเพียงใด แต่ก็จะต้องใช้เวลาประมาณสิบปีถึงยี่สิบปีในการฝึกฝนถึงจะถูก!”
เฉินเตี๋ยนชางรู้เรื่องอยู่แล้ว หากแต่ไม่คิดจะพูดถ้าไม่มีผู้ซักถามก่อน
“ใช่ครับเจ้าสำนัก ตั้งแต่ที่เจ้าสำนักน้อยกินยาเลือดทิพย์แล้ว พลังกำลังของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาลเลยครับ จากที่กระผมสังเกต คงจะบรรลุเข้าสู่ปรมาจารย์แล้วครับ หรือหากไม่ใช่ แต่ก็เป็นถึงปรมาจารย์ครึ่งระดับแล้วครับ เป็นสิ่งที่พบเห็นได้น้อยมากเลยครับ!เห็นทีว่ายาเลือดทิพย์จะมีสรรพคุณที่วิเศษมากๆเลยครับ!”
เวินโป๋ยืนรายงานอยู่ข้างๆ
“ไม่ ไม่ใช่เลือดทิพย์!”
เฉินเตี๋ยนชางส่ายหัว
“ตั้งแต่ที่เสี่ยวเกอเข้ามา ผมได้สังเกตอยู่ตลอดเวลา เลือดทิพย์แค่เป็นตัวทำให้จิตใจสงบไม่วอกแวก แต่ไม่สามารถเพิ่มระดับพลังภายในของคนได้”
“ถึงตอนนี้ ผมเหมือนจะเข้าใจอะไรบ้างอย่างแล้ว!”
เฉินเตี๋ยนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คืออะไร?”
“เหมือน……มีคนได้ส่งพลังที่เก็บซ่อนไว้ในร่างของเสี่ยวเกอ และร่างกายของเสี่ยวเกอ เกรงว่าจะไม่ใช่ร่างกายของคนปกติตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว……