บทที่ 550 ถูกแยกออกจากกัน
“เสี่ยวหยาถ้าเธอไม่พูด ฉันจะถือว่าเธอตอบรับแล้ว นับจากพรุ่งนี้ไป ฉันจะตามจีบพี่เฉินเสวียน!”
เฉินเมิ่งเสว่เอ่ย
“อืม!”
ฉินหยาตอบกลับเบา ๆ
ที่ตนรักคือเฉินเกอ ถึงเฉินเสวียนและเฉินเกอจะหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน แต่แล้วอย่างไร?
ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ใช่เฉินเกอ
เมิ่งเสว่ชอบ อย่างนั้นเธอก็สามารถไล่ตามความสุขของตัวเองได้อย่างเต็มที่
ฉินหยาเธอไม่สามารถเห็นแก่ตัวได้!
ฉินหยาปลอบตัวเองในใจ
คืนนี้ ทั้งสองสาวต่างมีเรื่องอยู่ภายในใจ และไม่ได้นอนหลับใหลลงอีก
จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น
“พี่เฉินเสวียนคุณกระหายน้ำไหม ฉันยังมีน้ำอยู่ตรงนี้ ให้คุณ!”
ทุกคนเก็บข้าวของและเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง
เฉินเกอมองไปที่ฉินหยาจากหางตา
และพบว่าฉินหยากำลังแอบมองตัวเองอยู่
จากนั้น เขาจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับ เฉินเมิ่งเสว่
“กระหายน้ำบ้างแล้วจริงๆ!”
“ฮี่ฮี่ รีบดื่มเถอะ เมื่อคืนคุณไม่เพียงช่วยเราอีกทั้งยังปกป้องพวกเรา ไม่ได้พักผ่อนเลย ดื่มน้ำให้มากสักหน่อย!”
เฉินเมิ่งเสว่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เฉินเกอยกขึ้นดื่มและเอ่ยขึ้น
“ ทำไมหวานขนาดนี้?”
“หา? หวาน จะเป็นไปได้ยังไง?” เฉินเมิ่งเสว่ประหลาดใจ จากนั้นจึงค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับ
แก้มของเธอมีประกายแดงเรื่อยวาบผ่าน
“เกลียดจริงเลยพี่เฉินเสวียนคุณแกล้งฉัน!”
ทั้งสองคนเย้าแหย่กัน
ฉินหยาอยู่ด้านหนึ่ง มือของเธออดกำแน่นอย่างอดไม่อยู่
สีหน้าของเธอผิดแปลกไปเล็กน้อย ฉันแค่เป็นห่วงตัวเอง บางที เมิ่งเสว่และ เฉินเสวียนถึงจะเป็นคู่กัน ลองดูพวกเขาสองคนสิ ดีขนาดไหน!
ระหว่างทาง เฉินเกอก็มักหันไปสนทนาเฉินเมิ่งเสว่โดยตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง
เขาแค่จงใจแสดงให้ฉินหยาเห็น ไม่ว่าจะเป็นเฉินเกอ หรือตัวปลอมอย่างเฉินเสวียนในตอนนี้ ล้วนเป็นไปไม่ได้ฉินหยาคุณควรลืมเฉินเกอให้เร็วที่สุด และเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ได้แล้ว
นั่นเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เฉินเกอนั่นไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตเดิมอย่างก่อนหน้าได้แล้ว
เขาไม่สามารถทำร้าย ฉินหยาได้ นับประสาอะไรกับการทำให้ฉินหยาต้องเสียใจอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่นี้
“ด้านหน้าคืออะไร?”
พวกเขาออกเดินทางแต่เช้าและเดินมาตลอดจนถึงเที่ยง
ทันใดนั้นอูฐก็หยุด
จากนั้นก็ได้ยินปังกงอุทานด้วยความประหลาดใจ
“ดูเหมือนกับรถที่พังยับเยิน ยังมีคน!”
มีคนตะโกนขึ้น
“ไร้สาระ ที่นี่คือดินแดนแห่งทะเลทราย จะมีรถได้อย่างไร?”
ศาสตราจารย์หยางเอ่ย
เฉินเกอเองก็หันไปมอง จากนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดไม่หยุด
“ไม่ใช่รถ แต่เป็นเฮลิคอปเตอร์!”
พูดไป เฉินเกอก็ได้วิ่งนำไปก่อนแล้ว
ส่วนพวกศาสตราจารย์หยาง เห็นชัดว่ามีเฉินเกอเป็นแกนหลัก ดังนั้นจึงค่อยๆล้อมกันเข้าไป
ที่นี่ เป็นสถานที่เกิดอุบัติเหตุ และมันก็คือเฮลิคอปเตอร์จริงๆ ซากของมันกระจัดกระจายไปทั่วทุกแห่ง
บนเศษซาก ยังคงมีอุณหภูมิร้อนอยู่จางๆ
เห็นได้ชัดว่า เกิดขึ้นเมื่อประมาณเช้าตรู่เมื่อวานนี้
“ที่นั่นยังมีคนอยู่ ดูเหมือนจะตายแล้ว!”
จู่ๆเฉินเมิ่งเสว่เอ่ยด้วยความประหลาดใจ
เฉินเกอรีบวิ่งไปที่เนินทรายทันที
อย่างที่คิด มีสามหรือสี่ศพกระจัดกระจายอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เห็นซากศพเหล่านี้อย่างชัดเจน เปลือกตาของเฉินเกอก็กระตุกอย่างรุนแรง
“พวกเขาทำไมล้วนใส่เสื้อสีดำ?”
“คงไม่ใช่….เหมือนกับในทีวีและหนังพวกนั้น คนพวกนี้ มาที่นี่เพื่อขโมยสุสาน ไม่งั้นจะแต่งตัวมิดชิดซ่อนตัวขนาดนี้ทำไม!”
มีคนกล่าวขึ้น
อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลง บางคนถึงกับตื่นตระหนกขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก
ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงการเคลื่อนไหวของสีหน้าของ เฉินเกอ
เขารีบเข้าไปทดสอบลมหายใจของพวกเขาทีละคน ล้วนตายไปหมดแล้ว
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ พวกเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เฉินเกอกล่าวในใจ
คนเหล่านี้ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นพี่น้องในสำนักจิต
เมื่อครู่ตอนที่เขาเห็นซากเฮลิคอปเตอร์ เฉินเกอรู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างยิ่ง อีกทั้งในใจยังทั้งรู้สึกแย่ในเวลาเดียวกัน
เมื่อยืนยันได้แล้ว ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความเศร้าโศก
สำนักจิตก็คือคนในตระกูลเฉินด้วย!
ดูเหมือนว่า พวกเขามาที่ทะเลทรายเพื่อตามหาเขา เฮลิคอปเตอร์ในสำนักจิตล้วนผ่านการจัดการแบบพิเศษมา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะตกลง น้ำมันเครื่องยนต์ที่กระจายอยู่บนพื้นได้ขจัดความเป็นไปได้มากมาย
อย่างนั้นใครเป็นคนฆ่าพวกเขา?
เฉินเกอตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
ในที่สุด เขาก็พบเบาะแสจากศพของสำนักจิตที่อยู่ใกล้ ๆ
บนศพนี้ เห็นได้ชัดว่าร่างนี้ถูกฆ่าสองครั้ง
เนื่องจากบนพื้น มีร่องรอยของการตะเกียกตะกาย
เฉินเกอเปิดเสื้อผ้าของเขา และเห็นอย่างชัดเจนถึงรอบฝ่ามือบนหน้าอกของเขา
เขาถูกฆ่าสองครั้ง
มีคนฆ่าพวกเขาอย่างที่คิด!
“หืม? ฝ่ามือนี้?”
เฉินเกอตะลึง
นี่คือรอยฝ่ามือซ้าย
ผู้คนในสำนักจิต ล้วนเป็นนักต่อสู้กำลังภายใน
คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้
คนที่ทำร้ายพวกเขา ดูเหมือนจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าตน และต้องอยู่ในระดับแนวหน้าของระดับปรมาจารย์
ปรมาจารย์…….มือซ้าย!
โม่ชางหลง!
เปลือกตาของเฉินเกอเต้นอย่างดุเดือด ในใจเต็มไปด้วยความระวัง
ใช่ เขาเห็นด้วยตาตัวเองฉากที่ โม่ชางหลงตกใส่ตนเองทำบนเฮลิคอปเตอร์
ลำมีแค่โม่ชางหลงเท่านั้น ที่มีความสามารถและความเป็นไปได้นี้
หรือว่า เขาไล่ล่าตนมาตลอดจนมาถึงที่นี่?
แม้ว่าตอนนี้เฉินเกอจะมีพั่วจวินช่วยสนับสนุน แต่หากคิดจะสู้กับโม่ชางหลง ก็ยังจัดว่าห่างไกลเกินไป
ไอ้บัดซบนี่! ดูเหมือนจะไล่ตามตนอย่างไม่หยุดยั้ง!
“คุณเฉิน คุณสบายดีไหม? หรือว่าคุณจำซากปรักหักพังของเฮลิคอปเตอร์และผู้คนพวกนี้ได้?”
ศาสตราจารย์หยางมองไปยังใบหน้าซีดขาวของเฉินเกอ และถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“อืม!”
เฉินเกอพยักหน้า
“ช่างน่าเสียดาย ที่ต้องมาเกิดอุบัติเหตุทางอากาศเช่นนี้ เฮ้อ!”
ศาสตราจารย์หยางและคนอื่นๆถอนหายใจ
“นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา พวกเขาถูกคนฆ่าตาย!”
เฉินเกอลุกขึ้นยืน
คำพูดนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับกรุ๊ปทัวร์
“ถูก…ถูกคนฆ่าตาย? ใครกันที่น่ากลัวได้ขนาดนั้น?”
“แค่ประโยคสองประโยคผมคงอธิบายได้ไม่หมด คนๆนี้ติดตามผมมา ดังนั้นจากนี้ไป พวกเราต้องแยกกันแล้ว ศาสตราจารย์หยางพวกคุณก็ควรระวัง!”
เฉินเกอเอ่ยอย่างเคร่งเครียดจริงจัง
ตามนิสัยของ โม่ชางหลงเขาต้องการแค่หาตนเอง ไม่มีทางไว้ชีวิตใครแน่
กรุ๊ปทัวร์นี้ร่วมกับทีมสำรวจมีกันถึง 40 50คน ยากที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องลำบาก
เฉินเกอไม่ต้องการลำบากพวกเขา โดยเฉพาะฉินหยา
“พี่เฉินเสวียน คุณจะไป ไม่ไปกับพวกเราแล้ว?”
เฉินเมิ่งเสว่กลับตาแดงก่ำขึ้นมา
“ อืม ต้องไป ไม่อย่างนั้น พวกเธอจะต้องมาลำบากไปกับฉันด้วยก็!”
เฉินเกอเอ่ย
จากนั้น ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้
เอาแผนที่ทะเลทรายออกมาจากอกของตน
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เป็นที่ตั้งของโลงศพอมตะนั้นถูกควบคุมด้วยพลังลับและกำจัดออกไปแล้ว
เขาชั่งน้ำหนักแผนที่
จากนั้น เขาจึงเดินไปหาฉินหยาที่กำลังมองตัวเองเช่นกัน
“แผนที่นี้ คุณถือเอาไว้ หากพวกเธอยังต้องการสำรวจต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเพราะงานของพวกคุณ หรือว่าพวกคุณต้องการออกไป ล้วนเป็นประโยชน์อย่างมาก!”
เฉินเกอมองไปที่ฉินหยา
ส่วนฉินหยาก็ตะลึงไปเล็กน้อย
นั่นเพราะในตอนนี้ เฉินเสวียน กำลังมองตนด้วยสายตาที่เหมือนกับเฉินเกอไม่มีผิด
“เด็กผู้หญิงต้องปกป้องตัวเอง หรือหาใครสักคนที่สามารถปกป้องคุณได้ คุณบอกว่าผมดูเหมือนเฉินเกอ หลังจากได้ฟังเรื่องราวของพวกคุณ ผมว่า เขาเองก็คงคิดเหมือนผม หวังดีกับคุณ หวังว่าคุณจะมีชีวิตที่มีความสุขได้!”
เฉินเกอวางแผนที่ไว้ในมือของฉินหยา
ส่วน ฉินหยากำลังหายใจไม่ออก
“ทุกท่าน แยกกันตรงนี้แล้ว ดูแลตัวเองด้วย!”
เฉินเกอพยักหน้าให้กับเฉินเมิ่งเสว่เล็กน้อย จากนั้นจึงหมุนตัวจากไป…