บทที่ 562 คนที่พวกเราตามหา
ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาในยามค่ำคืน แต่ว่าเฉินเกอมองเห็นอย่างชัดเจน
คนที่ถูกไล่ตาม คือชายวัยกลางคนที่มีเลือดเต็มตัว เขาขับสปีดโบ๊อยู่ กำลังขับตรงมาทางเฉินเกอจากที่ไกล ข้างหลังมีคนประมาณสิบกว่าคนกำลังจับอาวุธแล้วไล่ตามอย่างไม่หยุด บนชายหาดมีคนไม่น้อยที่เห็นภาพๆ นี้ ต่างก็วิ่งหนีกันไปหมด ถึงขั้นแม้แต่คนโทรแจ้งตำรวจก็ไม่มี ทางนี้เป็นทางที่ห่างไกลจากเมือง แล้วยังดูอ้างว้างเป็นพิเศษ มีแต่เฉินเกอที่ยืนเดินไปเดินมาอยู่ชายหาดอย่างไม่ตื่นเต้น
เฉินเกอเห็นคนที่ตามฆ่ามาถึงทางนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ทีแรกก็ถูกหลีหย่าลี่ทำลายอารมณ์ไปแล้ว ตอนนั้นในใจของเฉินเกอมีความไม่สบายเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนคนนี้ที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด เห็นว่าไม่มีทางจะหนีแล้ว จึงหนีมาทางเฉินเกอ “เร็ว! นำโทรศัพท์ของนายให้ฉัน! ท่านน้องชายท่านนี้ นำโทรศัพท์ของนายให้ฉัน!”
หลังจากนั้นเขาก็เหยียบสันดอน แล้วพุ่งตรงมา จากนั้นก็โบกมือตะโกนมาทางเฉินเกอ
เฉินเกอไม่มีความสุขอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่สนใจเขาเช่นกัน
และในขณะนี้ ป่าทึบจากรอบๆ ด้าน มีคนไม่กี่คนพึ่งออกมา บวกกับคนที่ตามไล่ข้างหน้าพวกนั้น เห็นว่าชายวัยกลางคนคนนี้วิ่งไม่ไหวแล้ว ก็ล้อมรอบกับขึ้นมา หัวหน้าคนหนึ่งเห็นว่าเฉินเกอไม่ได้วิ่งหนีไป ก็เดินขึ้นมาแล้วตะโกนพูดว่า “ปู่แกจะจัดการเรื่องเรื่องหนึ่ง! แก! ไปซะ”
เฉินเกอมองเขาด้วยความเย็นชา เขากลับไม่พูดอะไรทั้งนั้น ชายวัยรุ่นข้างหลังเห็นว่าเฉินเกอไม่สนใจอะไรเลย ก็รีบหยิบมีดขึ้นมาแล้วจะฟันไปทางเฉินเกอ แววตาของเฉินเกอมีความโมโหผ่านมา ไอ้หนุ่มนี่ไม่สนเลยว่าเป็นใคร ขอแค่เห็นแล้วก็จะฟัน ดูแล้วคงจะไม่ใช่คนเก่งอะไร
รนหาที่ตาย!
เฉินเกอขยับขาเบาๆ แล้วหลบการโจมตีครั้งนี้ไป
ชายวัยรุ่นคนนี้ฟันไม่โดนเฉินเกอ ได้ยินแต่เสียง “ป๊าบ ป๊าบ” ไปสองที จากนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองได้บินขึ้นมา พึ่งตกลงพื้น ก็ได้ยินเสียงคาชาของขาตัวเอง อยากจะจับปากของตัวเอง กลับสังเกตเห็นว่ามือขยับไม่ได้แล้ว นี่พึ่งรู้สึกได้ว่าฟันทั้งหมดของตัวเองที่มีต่างก็ถูกต่อยหลุดไปหมดแล้ว แขนขาต่างก็ถูกถีบจนหัก หนึ่งนั้นยังมีแขนข้างหนึ่งกับขาข้างหนึ่งที่แตกสลายเป็นผงๆ
คนที่อยู่บนชายหาดต่างก็มองเฉินเกอเหมือนกำลังมองตัวประหลาดอยู่ ไอ้หนุ่มที่เป็นหัวหน้าเห็นว่าท่าทีไม่ถูกต้องแล้ว ตัวเองไม่เห็นฝ่ายตรงข้ามขยับมืออะไรเลย เห็นเพียงแต่คนคนนี้ถีบไปสองที คนของตัวเองก็ล้มลงพื้นแล้ว อีกอย่างยังพิการไปทั้งสี่ข้าง ดูแล้วครั้งนี้เหมือนจะไม่เพียงแต่ไม่บรรลุเป้าหมายยังจะถูกปฏิเสธและตำหนิอีกด้วย
อีกอย่างคนคนนี้ดูแล้วเหมือนจะเป็นวัยรุ่นที่ไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร แต่ลงมือทีโหดเหี้ยมมาก แค่ลงมือก็ทำเอาลูกน้องของตัวเองแขนขาหักไปหมด เก่งกว่าตัวเองเยอะมาก เขาจะไปรู้ได้ยังไง ไม่ต้องพูดว่าเฉินเกอแค่ทำแขนขาของไอ้หนุ่มที่จะมาฟันตัวเองหัก ถึงแม้ว่าจะฆ่าเขา เฉินเกอก็ไม่มีทางเปลี่ยนสีหน้าและท่าทีแน่นอน
เพราะว่าคนที่เฉินเกอฆ่า มีเยอะมากเกินไปแล้ว!
“ท่านน้องท่านนี้ ขอโทษมากจริงๆ ครั้งนี้พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราไป” พูดกับเฉินเกอด้วยความเกรงใจ แล้วหันไปพูดกับชายวัยรุ่นที่หยิบมีดฟันไว้
ชายวัยกลางคนที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดคนนั้น ตอนแรกคิดว่าตัวเองต้องตายแล้ว แต่กลับมาเจอเรื่องที่ดีแบบนี้ ไอ้หนุ่มที่ตามล่าตัวเองกลับจากไปด้วยความอาสาสมัครใจ ดูแล้วชีวิตของตัวเองก็ถือว่ารักษาไว้ได้แล้ว แต่ว่าคำพูดต่อมาที่เฉินเกอพูดก็ทำให้เขากังวลใจขึ้นมา
“ฉันให้พวกนายไปหรอ?” เสียงของเฉินเกอเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งที่เย็นแข็ง
หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินเกอแล้ว ไอ้หนุ่มพวกนั้นที่เตรียมตัวจะจากไปต่างก็หยิบอาวุธขึ้นมา แล้วมองมาทางเฉินเกอด้วยแววตาที่ตื่นเต้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะการออกตัวของเฉินเกอในเมื่อกี้เก่งกาจมากเกินไป พวกเขาก็ไม่มีทางจากไปแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาอยากจากไปเอง คนอื่นยังไม่ให้ไปอีก
“นายจะเอายังไง?” หัวหน้าคนนั้นที่แขนของเขาสักตัวมังกรอยู่ได้พูดขึ้น แววตากลับตื่นเต้นมาก คนอื่นไม่รู้ แต่ว่าเขารู้ เขารู้ว่าวงศ์ตระกูลที่สืบทอดวิทยายุทธแต่โบราณกลุ่มหนึ่งที่เหลือเชื่อมีตัวจนอยู่จริง คนพวกนั้นมีความสามารถที่ว่าคนหนึ่งคนสามารถสู้กับคนเป็นร้อยก็ไม่ใช่ปัญหา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฝั่งตัวเองแล้ว
“พวกนายทำลายอารมณ์ของฉันแล้ว ทุกคนตัดขาข้างหนึ่งทิ้งหรือแขนข้างหนึ่ง” เฉินเกอพูดอย่างสบายใจเหมือนกำลังพูดว่าให้ทุกคนกินช็อกโกแลตหนึ่งชิ้น
“อะไรนะ? นายอย่างเกินไปนะ พวกเราเคารพนายเป็นคนที่สูงส่ง แต่ก็ไม่ต้องไม่ฉลาดเกินไปนะ เฮอะ!” หัวหน้าคนนี้ที่ร่างกายสูงใหญ่ได้พูดขึ้นด้วยความโหด
“อ๋อ งั้นก็สอง……” คำพูดของเฉินเกอยังพูดไม่จบ ก็เห็นวัยรุ่นรูปร่างผอมคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง อายุราวๆ ยี่สิบปีเกิดเสียง คาชา ขึ้น เขาได้ตัดแขนของตัวเองทิ้งไปหนึ่งข้าง
“นายทำอะไร?” หัวหน้ารูปร่างใหญ่ใหญ่จ้องวัยรุ่นรูปร่างผอมที่ตัดแขนของตัวเอง แล้วรีบตะโกนเรียก แต่ว่าวัยรุ่นคนนี้กลับไม่พูดอะไรทั้งนั้น
ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ ภาพเมื่อกี้เขามองเห็นอย่างชัดเจน อีกอย่างแววตาของคนคนนี้ ก็มองออกได้อย่างชัดเจน ว่าเป็นคนที่ผ่านน้ำผ่านเลือดมา
ภาพลักษณ์ของเขามีเพียงคำสองคำ นั่นคือ ความตาย
ทำให้ผู้คนหวาดกลัวมาก
“นายไม่เลวนะ ไปยืนข้างๆ” เฉินเกอมองดูวัยรุ่นคนนี้แล้วพูดออกมาเบาๆ
“คนที่เหลือจะตัดแขนของตัวเองทั้งสองข้างหรือว่าขา….” คำพูดของเฉินเกอยังพูดไม่จบ หัวหน้ารูปร่างสูงใหญ่ก็จับอาวุธแล้วพุ่งตรงมา คนข้างหลังพวกนั้นนอกจากน้องเล็กคนเมื่อกี้แล้ว ทุกคนต่างก็จับอาวุธแล้วพุ่งตรงมาทางเฉินเกอ
มุมปากของเฉินเกอได้เผยรอยยิ้มที่ประชดออกมา ไม่ถอยแต่กลับโจมตีเข้าไป พุ่งไประหว่างคนพวกนั้น ทั้งต่อยทั้งทับ ได้ยินแต่เสียง คาชา ป๊าบป๊าบ ดังไม่หยุด พริบตาเดียวคนพวกนั้นก็เป็นเหมือนไอ้หนุ่มที่นอนอยู่บนพื้นแล้ว ต่างก็ถูกตีจนแขนขาหักหมด ฟันก็หลุดออกมา ถึงขั้นมีการแตกสลายของแขนขาเป็นเศษผงๆ
ไอ้หนุ่มไม่กี่คนที่นอนอยู่บนพื้นเจ็บจนจะสลบไปหมด มองเฉินเกอเหมือนกำลังมองตัวประหลาดอยู่ นี่เป็นคนอะไรเนี่ย คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นโทษกับสิ่งมีชีวิตแบบนี้
เฉินเกอขี้เกียจสนใจคนพวกที่อยู่บนพื้น และขี้เกียจสนใจคนที่นี่ สะบัดมือแล้วเดินเล่นต่อ เหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
“ท่านน้องชายท่านนี้! ขอบคุณมาก! ขอบคุณนายมาก!”
และชายวัยกลางคนที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดคนนั้น ขณะนี้ก็เดินขึ้นมา กำหมัดคารวะ แล้วพูดกับเฉินเกอด้วยความเคารพ
“ข้าน้อยหยางเว่ย คือคนไห่เฉิง ขณะที่ออกไปข้างนอก ถูกพวกเขาตามล่าจ้องจะทำร้าย โชคดีที่เจอท่าน ไม่เช่นนั้น ฉันก็คงจะจบแล้ว!”
หยางเว่ยบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้ในใจรู้สึกซาบซึ้งมาก
“ฉันไม่ได้อยากช่วยนาย นายไม่ต้องขอบคุณฉัน!”
หลังจากพูดจบ เฉินเกอก็หันหลังแล้วเดินจากไป
หยางเว่ยมองดูภาพข้างหลังของเฉินเกอ รู้สึกได้ว่าคนคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
โดยเฉพาะท่าทีของเขา
“คุณผู้ชายช้าก่อนครับ ท่านมาไห่เฉิงของเรา เพราะว่าร่วมงานงานฉลองฟ้าสมุทรที่ตระกูลหมิงจัดขึ้นหรอครับ?”
หยางเว่ยถาม
น้ำเสียงให้ความเคารพสูงมาก
“ตระกูลหมิง?งานฉลองฟ้าสมุทร?”
เฉินเกอกำลังคาดเดาอยู่ในใจ
ตระกูลหมิงนี้ ก็คงจะเป็นตระกูลหมิงที่ตามฆ่าจ้าวยีฟานสินะ ยันต์หยกสองก้อนก็คือสิ่งที่ตระกูลหมิงขโมยออกมาจากสุสานราชาสมุทร
ที่ตัวเองมาครั้งนี้ ก็อยากจะมาหาตระกูลหมิงนี่ มาทำข้อแลกเปลี่ยนกับเขา
“คุณผู้ชาย สถานที่นี้ฉันคุ้นเคย ถ้าหากท่ามีความสนใจที่จะไปงานฉลองฟ้าสมุทร หรืออยากจะไปสถานที่ไหนในไห่เฉิง ฉันสามารถ…..แค่กแค่ก!”
ยังไม่ทันพูดจบ หยางเว่ยก็ไออย่างรุนแรงขึ้นมา
เฉินเกอเหลือบไปมองหนึ่งที “นายหาสถานที่หนึ่งรักษาแผลของนายก่อนเถอะ!”
หลังจากพูดจบ เฉินเกอก็เงยหน้าขึ้นมองไห่เฉิงที่มีแสงไฟสว่างไสวอยู่ไกลจากที่นี่ จากนั้นก็ยกเท้าขึ้นเดินตรงไปทางนั้น…..
“รีบมารับฉัน!”
หยางเว่ยวิ่งไปโทรศัพท์อีกที่หนึ่ง
“ประธานหยาง ท่าน….ท่านบาดเจ็บแล้ว! ฉันจะรีบส่งคนในโรงพยาบาลใกล้เคียงนี้ไปทันที”
คนในโทรศัพท์พูดด้วยความเคารพ
ส่วนหยางเว่ย กลับมองไปทางที่เฉินเกอจะตรงไป แล้วตะโกนพูดด้วยความกระวนกระวายว่า
“ไม่ แผลของฉันไม่สำคัญ พวกแกรีบมา! ฉันเหมือนจะเจอคนคนนั้นแล้ว ถึงขั้นพูดได้ว่า คือเขานั่นแหละ!”