เช่นนั้นท่านก็ช่างยอดเยี่ยมนัก!
อันที่จริงอวี้เหว่ยอยากเอาน้ำเย็นราดใส่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนนัก ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างแม่นางเยี่ยเม่ยกับองค์ชายสี่ตอนนี้ ผู้อื่นจะยอมเข้าเรือนหอลับหรือไม่ ยังเป็นเรื่องไม่แน่ ท่านกลับมีความคิดชั่วร้าย กระหายมาถึงขั้นนี้ได้แล้ว
ท่านนี่คิดมากไปจริงๆ!
ถึงเวลาถูกปฏิเสธร่วมหอด้วย ท่านอย่าได้วิ่งมาบอกข้าเชียวว่าเสียใจเจ็บปวดเพียงไหน ของพวกนี้อ่านไปก็เสียเปล่าแล้ว!
อวี้เหว่ยแอบคิด แต่ในใจก็หวังว่าเขาจะเข้าเรือนหอกันสำเร็จ…
อวี้เหว่ยคิดอะไรขึ้นมาได้อีก เอ่ยปากว่า “จิ่วหุนหายตัวไป หลายวันนี้คนของจวนแม่ทัพตามหาเขามาตลอด ดูท่าแม่นางเยี่ยเม่ยร้อนรนมาก”
ในสายตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน จิ่วหุนไม่ใช่ศัตรูหัวใจนานแล้ว แต่บุรุษผู้หนึ่งคอยเฝ้าอยู่ข้างกายเยี่ยเม่ย เขาก็ชอบอีกฝ่ายไม่ลง
เขาเอ่ยเนือยๆ “คนของพวกเรากำลังตามหาอยู่หรือยัง”
“เสี่ยวกวนกำลังช่วยตามหาอยู่!” อวี้เหว่ยรีบรายงาน “ด้วยฝีมือของจิ่วหุน หากเขาลงมือด้วยตัวเอง คิดจะตามหาตัวเขาคงไม่ง่าย แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ก็ยังไม่พบศพ ทั้งไม่ได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับเขา คิดว่าน่าจะไม่เกิดเรื่อง!”
“อืม!”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตอบรับคำหนึ่ง น้ำเสียงน่าฟังของเขาทำให้คนดูไม่ออกว่า หลังจากได้ยินว่าจิ่วหุนไม่เกิดเรื่องแล้ว เขามีความผิดหวังมากกว่าหรือคลายใจมากกว่ากัน
อวี้เหว่ยกลับเอ่ยออกไปอย่างทนไม่ไหว “เตี้ยนเซี่ย ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบจิ่วหุน แต่ว่าต่อให้คิดสังหารเขา ก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ง่ายเลยกว่าความสัมพันธ์ของท่านกับแม่นางเยี่ยเม่ยจะดีขึ้นมาบ้าง ยามนี้หากท่านลงมือกับจิ่วหุน เช่นนั้น…”
เช่นนั้นทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว!
อวี้เหว่ยใช้หัวแม่เท้าคิดยังรู้ว่าจะพันจะหมื่นก็ไม่อาจทำเรื่องโฉดเขลาพรรค์นี้เด็ดขาด!
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามองเขา ถามว่า “เจ้าคิดว่าเยี่ยนโง่ขนาดนั้นเชียวหรือ กลับกันต้องระวังกูเยว่อู๋เหิน เขาอาจสังหารจิ่วหุนแล้วใส่ร้ายข้า!”
อวี้เหว่ย “…?” เตี้ยนเซี่ย นี่ท่านพูดจริงใช่ไหม
เขากระแอมไอออกมาคำหนึ่ง เอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “แต่เตี้ยนเซี่ย ประมุขหมู่ตึกกูเยว่ผู้นั้นมีนิสัยเฉื่อยชามาตลอด เขาจะทำเรื่องเช่นนี้หรือ”
ตีให้ตายอวี้เหว่ยก็ไม่อยากเชื่อ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแค่นหัวเราะเย็นชา ปิดหนังสือภาพชุนกงในมือลง เอ่ยแช่มช้าว่า “สุนัขกัดไม่เห่า คนโหดเ**้ยมไม่พูด”
นิสัยแท้จริงของกูเยว่อู๋เหิน เขามองปราดเดียวก็ดูออก
อวี้เหว่ยมุมปากกระตุก เป็นอย่างนี้จริงหรือ ทำไมเขากลับรู้สึกว่า อาการหลงคิดผิดๆ ของเตี้ยนเซี่ยกำเริบอีกแล้ว
ประมุขหมู่ตึกกูเยว่ดูแล้วสันโดษมาก จะทำเรื่องแบบนี้ได้หรือ ช่างเถอะ เตี้ยนเซี่ยไม่เคยมองคนผิดมาก่อน คิดแล้วก็สมควรเป็นเช่นนี้กระมัง
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพลันเอ่ยถามว่า “เยี่ยเม่ย หลายวันนี้นางไปพบกูเยว่อู๋เหินหรือไม่”
หลายวันนี้เขาไม่ได้ไปหาเยี่ยเม่ย เขาหวังว่าอย่างน้อยก่อนแต่งงาน หลายวันนี้เขาจะมีความสุขเบิกบาน ไปหานางก็อดไม่ได้ที่ต้องฟังคำพูดที่เขาไม่ชอบอีก
ดังนั้นเขาจึงไม่ไป เฝ้าอยู่จวนตัวเอง จัดเตรียมงานแต่งงาน
อวี้เหว่ยฟังแล้ว เขาเปลี่ยนไปหลบสายตาไม่กล้ามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดก็ตอบออกมาว่า “เมื่อวาน ไปมาเที่ยวหนึ่ง”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่เอ่ยอะไรอีก
อวี้เหว่ยก็เข้าใจว่า เตี้ยนเซี่ยอารมณ์ไม่ดี จึงไม่พูดพร่ำมากความ หากรู้แต่แรกเขาไม่น่าตอบตามความจริงเลย แต่…เขาไม่อาจหลอกเตี้ยนเซี่ยได้นี่!
……
วันนั้นหลังจากกูเยว่อู๋เหินกลับไป ก็เอาแต่ดื่มสุราอยู่หลายวัน ซ่งอวี้เชวียยังถูกตามตัวมาดื่มกับกูเยว่อู๋เหินจนมืดฟ้ามัวดินไปหมด
คนทั้งสองผลัดกันดื่ม ข้าหนึ่งจอกเจ้าหนึ่งจอก
ตอนแรกซ่งอวี้เชวียก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกูเยว่อู๋เหินกันแน่ ได้ยินภายนอกมีข่าวลือว่า กูเยว่อู๋เหินชิงภรรยามาไม่ได้ ตอนแรกเขาไม่สนใจเรื่องเล่าพวกนี้ ทั้งยังทำเสียงค่อนแคะ
กูเยว่อู๋เหินเป็นคนประเภทไหนกัน คนสันโดษอย่างเขาจะมองสตรีนางหนึ่ง ซ่งอวี้เชวียคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาร่วมแย่งชิงภรรยาด้วย เมื่อแพ้แล้วยังกลับมาดื่มสุราอีก
เรื่องประเภทนี้ ตีให้ตายเขาก็ไม่ยินยอมเชื่อเลยสักคำ
แต่ว่าเมื่อดื่มสุราร่วมกับกูเยว่อู๋เหินไปถึงวันที่สาม ซินเยว่เยี่ยนทำอย่างไรก็เกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ หลังจากเห็นกูเยว่อู๋เหินเมามายสลบไป ระหว่างอยู่ในฝันละเมอออกมาว่า “ทำไมถึงเลือกเขา”
ซ่งอวี้เชวียในอาการสะลึมสะลือ แทบสร่างเมาจนหมดสิ้น
เดิมทีเขาก็รู้สึกว่าอาการของกูเยว่อู๋เหินไม่ปกติ ดังนั้นตอนนี้สุราก็ระวังเป็นพิเศษ ไม่กล้าดื่มมาก แต่สุดท้ายก็เมามาย ส่วนกูเยว่อู๋เหินที่ดื่มมากกว่าเขาครึ่งหนึ่งก็ตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว
กูเยว่อู๋เหินเมาเละเป็นก้อนดินเหนียว แต่ก็ยังนับว่าคอแข็งอยู่บ้าง
หลังจากเอ่ยประโยคนั้นจบ คนก็เข้าสู่ภวังค์หลับลึก ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย ท่านหมอบอกว่าเขาดื่มสุรามากเกินไป จะฟื้นขึ้นหรือไม่ก็อยู่ที่ชะตาแล้ว
ทำเอาซินเยว่เยี่ยนตกใจจนพูดไม่ออก รีบไปลากซือหม่าหรุ่ยมาตรวจอาการกูเยว่อู๋เหิน
ระหว่างนี้เยี่ยเม่ยได้ฟังว่าเกิดเรื่องขึ้นกับกูเยว่อู๋เหิน ก็เข้าใจว่าเพราะจิ่วจิงเป็นพิษ สถานการณ์เช่นนี้ต่อให้เป็นยุคปัจจุบันยังยากจัดการได้ ดังนั้นจึงรีบไปดูอาการกูเยว่อู๋เหิน
ซือหม่าหรุ่ยพบเหตุการณ์เช่นนี้น้อยครั้ง เพราะว่าปกติคนที่จิ่วจิงเป็นพิษ หลังจากเกิดอาการก็จะตายอย่างรวดเร็ว ปกติมักตายตั้งแต่คืนแรกแล้ว ไม่มีทางรอจนหมอมาตรวจอาการ
ดังนั้นเมื่อพบอาการของกูเยว่อู๋เหิน นางยังอึ้งไปอยู่บ้าง
สุดท้ายภายใต้คำแนะนำของเยี่ยเม่ย กรอกน้ำให้กูเยว่อู๋เหินไปเรื่อยๆ เพื่อลดปริมาณจิ่วจิงในร่างเขา ใช้ร่วมกับยาของซือหม่าหรุ่ย สถานการณ์ถึงค่อยๆ บรรเทาลงมา
ยามนี้ซือหม่าหรุ่ยค่อยมองซินเยว่เยี่ยน กดเสียงต่ำเอ่ยว่า “มิน่าตอนนั้นเจ้าถึงได้รีบร้อนจากไป ข้าหลงคิดว่าคนอย่างกูเยว่อู๋เหินไม่น่าเกิดเรื่องขึ้นได้!”
คิดไม่ถึงว่าคนที่ดูแล้วเฉยชา กลับเป็นคนยึดมั่นในความรัก กลับมาดื่มสุราแก้กลุ้มจนถึงเอาชีวิตตนไปไว้ที่ขอบเหวแล้ว
ซินเยว่เยี่ยนส่ายหน้า เอ่ยว่า “บางทีเป็นความผิดของข้า นับแต่แรกหากข้าไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็น่าจะดี!”
เดิมทีนางคิดหาภรรยาให้น้องชายเท่านั้น นางจะรู้ได้อย่างไรว่า สุดท้ายเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
นางคิดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยเม่ยจะไม่เลือกบุรุษที่เพียบพร้อมอย่างกูเยว่อู๋เหิน
คนทั้งหลายต่างหมดคำพูด สุดท้ายซินเยว่เยี่ยนมองเยี่ยเม่ย เอ่ยเบาๆ “ขอรบกวนให้เจ้าช่วยดูแลเขาสักหน่อย หากเขาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเจ้า บางทีอารมณ์อาจดีขึ้นบ้าง”
“ข้า…” เยี่ยเม่ยลังเลเล็กน้อย
แต่เมื่อคิดว่ากูเยว่อู๋เหินช่วยเหลือนางไว้ไม่น้อย แค่คำขออย่างเดียว นางก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นจึงพยักหน้า “ได้!”
เมื่อคนทั้งหมดออกไป
เยี่ยเม่ยนั่งอยู่ข้างเตียงกูเยว่อู๋เหิน ระหว่างที่เขาสลบไสลพลันยื่นมือออกมาคว้าข้อมือเยี่ยเม่ยไว้ เยี่ยเม่ยไม่ทันระวังไม่ได้ป้องกันตัวจึงล้มลงไปในอกเขา…