บทที่ 561 พบกันโดย บังเอิญที่ไห่เฉิง
ตอนนั้นบนภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ในสุสานเทพเจ้า เฉินเกอได้เข้าใจว่าผู้หญิงชุดขาวในตอนนั้น ถูกขอทานชราคนหนึ่งมาพูดให้คำแนะนำ ดังนั้นจึงนำโลงศพและเทพเจ้าแยกออกจากกัน ส่วนหลุมฝังศพของผู้หญิงชุดขาวไปไหนแล้วนั้น ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย
ฉะนั้นพอจ้าวยีฟานพูดถึงสุสานโบราณ ทันใดนั้นก็ทำให้เฉินเกอนึกขึ้นได้ว่า โลงศพของผู้หญิงชุดขาวหลังจากที่แยกออกจากกันแล้วถูกส่งไปที่ทะเลทางใต้ฝังอยู่ในสุสานราชาสมุทร
“สุสานราชาสมุทรอยู่ที่ไหน?”
เฉินเกอถามขึ้นมา
ขณะนั้น จ้าวยีฟานได้นำสิ่งที่ตัวเองรู้ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งหมดพูดออกมา
หลังจากที่เฉินเกอตั้งใจฟังอย่างละเอียดแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องไปสักครั้ง
สุสานราชาสมุทร มีความเป็นไปได้ ที่จะเป็นสถานที่ฝังศพของผู้หญิงชุดขาวในตอนนั้นจริงๆ
ถึงแม้พี่ล๋านจะเคยพูดว่า เธอเคยฝันถึงหล่อนมาก่อน อยู่ข้างแม่น้ำที่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่เป็นพิษร้าย แต่ว่าเป็นแม่น้ำหรือว่าเป็นทะเล พี่ล๋านก็ไม่สามารถพูดอย่างชัดเจนได้
บวกกับภาพสุริยันที่เป็นคำแนะนำสำหรับเธอ นี่ก็คือเส้นทางเบาะแสที่ใหญ่มากทางหนึ่ง
“นายจะไปตามหาสุสานราชาสมุทร? เสี่ยวเกอ ยังมีเวลาอีกไม่ถึงสามเดือน ก็ถึงวันงานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”
หลังจากที่เฉินเตี๋ยนชางได้ยินความคิดของเฉินเกอแล้ว ก็พูดด้วยความตกใจ
แน่นอนว่าเฉินเกอรู้อยู่แล้วว่างานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ก็สำคัญเช่นกัน แต่ว่า ถ้าหากไม่ทำเรื่องของเทพเจ้าให้ชัดเจน ตัวเองคงจะอยู่ไม่เป็นสุขทั้งวัน อาจจะเป็นไปได้ที่ว่า หลังจากที่ตัวเองตามหาผู้หญิงชุดขาวเจอแล้ว ตัวเองจะสามารถได้ถามคำตอบอีกคำตอบหนึ่ง
“ใช่แล้วคุณปู่ ผมไม่มีทางไปงานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความล่าช้าแน่นอนครับ หลังจากที่ผมจัดการธุระเรียบร้อยแล้ว จะรีบไปที่ข้างกายของท่านเลยครับ จริงด้วยคุณปู่ นี่คือกระจกวิเศษ!”
เฉินเกอนำกระจกวิเศษส่งให้เฉินเตี๋ยนชาง
“อืม? กระจกวิเศษของโม่ชางหลง?”
“ใช่ครับ ถ้าหากเจอเขาที่งานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์คุณปู่สามารถออกไปได้เลย เขาไม่กล้าปฏิเสธ!”
“เสี่ยวเกอนาย……”
ดวงตาของโม่ชางหลงยิ่งอยู่ก็ยิ่งเบิกตากว้างขึ้น
ฉะนั้นในขณะนั้น เฉินเกอจึงนำเรื่องที่เกิดขึ้นที่ทะเลทรายพูดออกมาทั้งหมด
“อะไรนะ หลานของฉัน คิดไม่ถึงเลยว่าความสามารถที่ฝึกมาจะก้าวข้ามรมาจารย์ไปได้?”
เฉินเตี๋ยนชางดีใจใหญ่ ตบไปที่ไหล่ของเฉินเกอ สีหน้าเต็มไปด้วยความได้ใจ
วันถัดไป เฉินเกอออกเดินทางแล้ว
เริ่มจากการออกตามหาวังราชาสมุทร คนของสำนักจิต ต่างก็ถูกคุณปู่พาไปหมดแล้ว
ส่วนตัวเองนั้น แค่ได้บอกกับสมาชิกในพื้นที่ของตระกูลเฉิน ให้รอฟังคำสั่งตลอดเวลา ไม่ว่ายังไงแล้วตอนนี้เงื่อนไขต่างๆก็อนุญาต เฉินเกอจึงต้องยืมใช้แรงพลังของตระกูล
จึงมุ่งตรงไปทะเลฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน สถานที่หนึ่งที่ชื่อว่าไห่เฉิง ไปดูสถานการณ์ในที่นั่น
ขณะนี้ ค่ำคืนราตรีได้มาถึง เฉินเกอเดินลงมาจากเรือทางท่าเรือ
ท่าเรือยังมีผู้โดยสารอีกมากมาย
ดูแล้ว ที่นี่ก็มีนักท่องเที่ยวไม่น้อย มีกลุ่มคนเล็กๆ ที่กระจุกอยู่รวมกัน ชายหญิงเป็นคู่ๆ
ส่วนรอบๆข้างนั้น ก็คือทะเลที่กว้างใหญ่
มีสายลมพัดผ่าน เฉินเกอมองออกไป
สถานที่นี่ ถูกเรียกว่าสุดล้าฟ้าเขียว
ตอนนั้นขอทานชรานำผู้หญิงชุดขาวแยกออกกับเทพเจ้า
ขอทานชรานั่นทำไมถึงจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ ถ้าหากว่าฝังอยู่สุสานเดียวกัน จะเรียกว่าอยู่ห่างไกลกันได้จริงๆ
เฉินเกอมองดูทะเล กำลังนึกคิดอยู่……
ขณะนั้นนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา มีผู้หญิงคนหนึ่งหันมามองเขาหนึ่งที จู่ๆ ก็เรียกออกเสียงว่า
“เฉินเกอ?”
เฉินเกอมีความอึ้งเล็กน้อย เก็บความคิดและอารมณ์ มองดูคนนี้ที่สวมแว่นตาดำและหมวก ผู้หญิงในเมืองที่แต่งตัววัยรุ่น รู้สึกว่าคุ้นเคยแต่ก็รู้สึกแปลกหน้า
“คุณคือ?”
“ฉันคือหลีหย่าลี่ไง ฮ่าฮ่าฮ่า ทำไมหรอ ฉันจบการศึกษาก่อนนายหนึ่งปี นายก็ไม่รู้จักฉันแล้ว?” ผู้หญิงในเมืองถอดแว่นดำออก แล้วเผยใบหน้าที่ยิ้มแย้มออกมา รูปร่างสูงผอม ใบหน้าสง่างาม
“อ๋อ คือพี่ลี่ลี่หรอเนี่ย” ในที่สุดเฉินเกอก็นึกออกแล้ว
หลีหย่าลี่ ผู้หญิงคนนี้ แน่นอนว่าเฉินเกอต้องรู้จักอยู่แล้ว ตอนที่ตัวเองพึ่งมาเรียนมหาลัยที่จินหลิง หลีหย่าลี่เรียนอยู่ชั้นปีสอง ต่อมาเธอก็เป็นประธานของคณะกรรมการนักเรียนในมหาลัย
ตอนนั้นเฉินเกอฐานะยากจนไง จึงจำเป็นต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ฉะนั้นจึงคุ้นเคยกับหลีหย่าลี่
แต่แค่เมื่อกี้หลีหย่าลี่ใส่แว่นดำ อีกอย่างการแต่งหน้าในตอนนี้ก็ดูสวยก่อนเมื่อก่อนแล้ว ฉะนั้นเฉินเกอจึงมองไม่ออกในครั้งแรกที่เจอ
ความรู้สึกที่เธอให้เฉินเกอนั้น ที่จริงแล้วก็ทั่วไป
แต่แค่ในความทรงจำของเฉินเกอ เป็นเหมือนกับผู้หญิงที่แข็งแกร่ง
ที่ถนัดเรื่องการติดต่อสื่อสาร
พูดอย่างนี้ละกัน เธอเคยมีแฟนครั้งหนึ่งในมหาวิทยาลัย ถ้าหากคนอื่นมีแฟนนั้น ต่างก็เป็นผู้ชายในมหาลัยอะไรประมาณนี้
แต่ว่าหลีหย่าลี่ไม่เหมือนกัน เธอมีแฟนนั้น เป็นท่านประธานอาวุโสที่เคยหย่าแล้วของบริษัทหนึ่งที่จินหลิง
มีครั้งหนึ่งหลีหย่าลี่จัดวัดเกิด ท่านประธานอาวุโสได้วางพลุไว้ทุกมุมของมหาลัย คืนนั้นทั้งมหาลัยต่างก็มีการระเบิดพลุเต็มไปทั่ว สวยมากๆ
คืนนั้นหลีหย่าลี่คือคนที่ผู้หญิงทั้งมหาลัยต่างก็เชิดชูและอิจฉา
แน่นอนอยู่แล้ว สิ่งที่จดจำได้ยิ่งกว่านี้คือ เช้าวันที่สอง หลีหย่าลี่ได้เรียกเฉินเกอมา ให้ตัวเองทำความสะอาดเศษพลุทั่วมหาลัย
วันนั้นตั้งแต่เช้า ตัวเองได้เงินมาหนึ่งร้อยบาท ยังเลี้ยงหยางเสว่กิน KFC อีกด้วย! ตัวเองยังได้เหลือมาห้าสิบกว่าบาท
การติดต่อไปมาหาสู่กับเธอก็ประมาณนี้ ไม่ว่ายังไงแล้ว ตัวเองก็ไม่มีสิทธิ์ไปเป็นเพื่อนอะไรกับเขา
ฉะนั้นตอนนี้เธอมาทักทาย เฉินเกอเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน
“พี่ลี่ลี่ พวกพี่มาไห่เฉิงได้ไงเนี่ย?”
เฉินเกอมองไปหนึ่งที ข้างหลังของหย่าลี่ยังมีคนไม่น้อย การแต่งกายนั้น ก็เหมือนจะเป็นคนที่ตามเทรนตามสมัย
เพราะว่าไห่เฉิงนั้นมีความโดดเด่นด้านธรรมชาติ ฉะนั้นความเจริญด้านเศรษฐกิจก็ก้าวหน้า
“สองสามวันนี้หอการค้าของพวกเรามีกิจกรรม ฉันกับเพื่อนร่วมงานของฉัน มาเที่ยวไห่เฉิงด้วยกัน! ก็ฉันเปิดบริษัทเครื่องสำอางสำนักหนึ่งไม่ใช่หรอ เฮอะเฮอะ!”
หลีหย่าลี่จัดผมของตัวเอง แล้วพูดพร้อมหัวเราะ
“เก่งจริงๆ!”
เฉินเกอได้แต่พูดตอบกลับไปประโยคหนึ่ง
ขณะนี้ ในที่สุดพวกเพื่อนร่วมงานของหลีหย่าลี่ ก็รู้ตัวแล้ว ต่างก็เดินกันมาเป็นกลุ่ม
หนึ่งในนั้นมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่สามารถดูออกอย่างชัดเจนเลยว่าสนิทกับหลีหย่าลี่ ได้ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น
“หลีหย่าลี่ ท่านนี้คือ?”
“นายหมายถึงเขาหรอ นี่คือรุ่นน้องคนหนึ่งของฉันตอนสมัยมหาวิทยาลัย เมื่อก่อนพวกเราเคยคุยกันไม่ใช่หรอ ตอนที่ฉันเรียนมหาวิทยาลัย ในมหาลัยมีผู้ชายคนหนึ่งที่จนมากๆ ก็คือเขาแหละ ตอนนั้นแม้แต่ข้าว เขาก็ไม่มีเงินซื้อ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นพวกที่มีรอยเย็บปะแล้ว ตั้งใจทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยทุกวัน อีกอย่างยังคอยรับซื้อของให้คนอื่นเป็นการหาเงินมาเลี้ยงตัวเองอีกด้วย ค่าเรียนก็หาด้วยตัวเอง!”
หลีหย่าลี่พูดไม่จบสักที เริ่มพูดคุยกับพวกเพื่อนของเธอขึ้นมา
ส่วนเพื่อนพวกนั้น ทุกคนต่างก็เบิกตากว้าง
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนที่จนขนาดนี้?”
ทุกคนมองหน้ากัน ต่างก็ตกใจกันหมด
“อืมนา คิดไม่ถึงสินะ ยังมีเรื่องที่พวกเธอคิดไม่ถึงอีก ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ เฉินเกอก็มีแฟนนะ!”
ผู้คนยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
ส่วนหลีหย่าลี่เห็นว่าเฉินเกอไม่พูดอะไรแล้ว แค่มองตัวเอง
ถึงได้สังเกตเห็นว่า วันนี้ตัวเองอาจจะพูดมากมากเกินไปแล้ว
ขณะนั้นจึงยิ้มด้วยความอึดอัดใจแล้วพูดว่า
“เฉินเกอ เราสามารถได้เจอกันอีกครั้ง ก็ถือว่าเป็นบุญวาสนา นายก็มาร่วมงานไห่เฉิงงานฉลองฟ้าสมุทรหรอ?”
เธอถามอีกครั้ง
“ไม่ใช่!”
เฉินเกอส่ายหัว
“ลี่ลี่เธอถามสิ่งที่เกินความเป็นจริงแล้ว เธอพูดว่าตอนนั้นเขาจนขนาดนี้แล้ว จะมีทางมาร่วมงานงานฉลองฟ้าสมุทรหรอ!”
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินขึ้นมาพูด
“ก็จริงนะ เฉินเกอ พวกเราก็เป็นเพื่อนเก่ากันแล้ว แต่ว่าครั้งนี้บัตรเข้างานฉันไม่พอแล้ว ไม่งั้นก็สามารถเชิญนายมาร่วมงานครั้งหนึ่งได้ จริงด้วยเฉินเกอ เดี๋ยวนายโหลดแอปพลิเคชันหนึ่งในโทรศัพท์ของนาย ข้างบนมีผลิตภัณฑ์ของบริษัทเรา นี่บริษัทพึ่งเปิดไม่ใช่หรอ ต้องการคนเข้าร่วมกิจกรรมซื้อสินค้า นายสามารถมาเป็นตัวแทนรับผิดชอบได้นะ วางใจได้ บริษัทของเรามีเครื่องสำอางชุดหนึ่ง ออกแบบมาเพื่อคนชนชั้นต่ำในสังคมโดยเฉพาะ ส่งเข้าตลาดระดับล่าง นายสามารถโฆษณาในวงการของนายได้นาย!”
หลีหย่าลี่พูด
หลังจากนั้นก็พูดถึงขั้นตอนการสมัครเป็นตัวแทนให้เฉินเกอ
รวมถึงเบอร์โทรศัพท์และนามบัตรของผู้จัดการในขอบเขตนั้น
“ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว พวกเราต้องเข้าเมืองก่อนแล้ว ฉันจะให้ผู้จัดการของฉันดูแลนายเป็นพิเศษนะ!”
หลีหย่าลี่ยิ้มไปทางเฉินเกอ โบกมือ แล้วจากไป
ส่วนเฉินเกอก็มองดูเงาข้างหลังของคนพวกนั้น ส่ายหัวแล้วยิ้มด้วยความฝืน
หลีหย่าลี่ ไม่เลี่ยนไปเลย…..
เฉินเกอโยนนามบัตรทิ้ง แล้วเดินอยู่ที่ชายหาดไปด้วยคิดไปด้วย ค่ำคืนราตรีค่อยๆมาถึง นักท่องเที่ยวรอบๆ ก็น้อยลง
ทันใดนั้นในขณะนี้
บนทะเลมีเรือไม่กี่รำกำลังขับผ่านไป
มีสปีดโบ๊ทสี่ห้าลำ กำลังไล่ตามเรือลำหน้าอยู่….