บทที่ 606 ใส่ร้ายป้ายสี
เป็นเสียงของผู้หญิงที่ดังกึกก้องมาก เห็นทีจะมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นด้านนอก
สายตาของทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหน้าประตู
เห็นผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดคนหนึ่ง กำลังขวางทางชายหนุ่มคนหนึ่งพลางชี้นิ้วด่าว่า
“ตบฉันแล้ว นายคิดว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆเหรอ?ดีเลย ตอนแรกคิดว่านายจะหนีไปเสียแล้ว ฉันกำลังคิดหาทุกวิถีทางเพื่อจะตามตัวนายให้เจอ คิดไม่ถึงว่านายจะรนมาหาถึงที่ ยังกล้ามาร่วมงานเลี้ยงที่มีระดับด้วย วันนี้ฉันจะไม่ให้ศพนายครบสามสิบสองประการ!”
ผู้หญิงจ้องมองเฉินเกออย่างโหดร้ายพลางกล่าวขึ้นมา
แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ซูหรานหรานที่อยู่ด้านหน้าก็มีสีหน้าผิดปกติไป
ตอนแรกวางแผนไว้อย่างแยบยลแล้ว โธ่! มีปัญหาเข้ามาสอดแทรกเสียแล้ว
ใช่ ชายหนุ่มที่ถูกขวางทางอยู่นั้นคือเฉินเกอที่จะมาส่งการ์ดเชิญให้กับซูฉููฉู
ตามที่ซูหรานหรานบอกก็คือต้องส่งให้ซูฉููฉูก่อนที่คุณชายเฉินจะสารภาพรัก
เฉินเกอไม่กล้าเสียเวลา
จึงไปเอาการ์ดเชิญแต่เช้า จากนั้นก็รีบมาในงาน
ผลปรากฏว่ากลับพบเห็นผู้หญิงที่ตนตบเมื่อวาน ซึ่งก็คือแฟนของคุณชายโกว
“ทางที่ดีคุณอยู่ห่างๆผมเอาไว้ ไม่งั้นคุณจะต้องเสียใจแน่!”
เฉินเกอจ้องมองผู้หญิงคนนี้อย่างเย็นชา
ส่วนผู้หญิงคนนี้ เมื่อกี้เพิ่งจะชี้นิ้วด่าว่าเฉินเกออยู่เลย บัดนี้ถูกเฉินเกอจ้องเขมือบเช่นนี้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้เสียวสันหลังจนความเยือกเย็นปกคลุมไปทั่วร่างกาย
ถอยหลังราวกับเกรงกลัว
แต่มันไม่สามารถสยบความหยิ่งผยองของผู้หญิงคนนี้ได้
เธอมองดูด้านหลังแล้วเห็นมีแฟนและพ่อแม่อยู่
จึงมีความเหิมเกริมเป็นอย่างมาก
“คุณพ่อคุณแม่ คนนี้แหละค่ะที่เมื่อวานตบตีหนู และเกือบจะตีโกวเฉียงด้วยค่ะ ไม่เชื่อท่านลองถามโกวเฉียงได้ค่ะ!”
ผู้หญิงคนนี้กล่าว
โกวเฉียงกล่าวอย่างดุร้าย“พรรคพวกของอะปิ่งก็ถูกเขาซ้อมจนบาดเจ็บสาหัสครับ ฝีมือเขาเก่งกาจมากครับคุณพ่อ!”
โกวเฉียงกล่าวอย่างหวาดกลัว
“หา?ถ้าอย่างนี้ก็แสดงว่าโลกมันกลมจริงๆ ได้เจอศัตรูโดยมิได้นัดหมาย?”
คุณพ่อของโกวเฉียงหัวเราะเยาะ
เก่งกาจ?
คนเก่งกาจเขาเห็นมามากแล้ว ส่วนเขาได้ตะลอนอยู่ในยุทธภพเกือบทั้งชีวิต สิ่งที่พี่งพามิใช่ความกล้าและกำลังกาย แต่คือกลยุทธ์!
“ไอ้น้องชาย ได้ยินโกวเฉียงบอกว่านายเป็นคนต่างถิ่น จึงอาจจะไม่เข้าใจกฎระเบียบของเมืองหลิวเฉิง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็มิควรทำเกินเลย ควรจะพยายามระมัดระวังหน่อย มิเช่นนั้นการจะเข้ามาในเมืองหลิวเฉิงนั้นง่าย แต่จะออกไปได้ยากเย็นแสนเข็ญ!”
เขาพูดด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนยิ้มแย้ม
เห็นได้ชัดว่าเขาใช้อีกวิธีหนึ่งในการตักเตือนเฉินเกอ
“ใช่ อย่าให้ถึงสุดท้ายแล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองตายยังไงล่ะ กล้ามายั่วยุลูกชายของฉันด้วย?”
แม่ของโกวเฉียงทำตาเหล่ใส่เฉินเกออย่างดูถูก
“แต่งตัวอย่างกับขอทาน หากไม่รู้คงจะคิดว่าคนที่ไหนมาขอข้าวกิน และอีกอย่างงานเลี้ยงที่เลิศหรูอย่างนี้นายยังกล้ามาเหรอ ไม่ส่องกระจกชะโงกดูเงาเสียบ้างเลย?”
เธอกล่าวต่อ
“เกิดอะไรขึ้นครับ?”
บัดนี้พ่อบ้านตระกูลเฉินเดินออกมา
วันนี้เป็นสถานที่เป็นไหนกัน?
กล้ามาโวยวายตรงนี้?
ดังนั้นสีหน้าพ่อบ้านจึงแย่มาก
“ที่แท้ก็เป็นลุงเสิ่นนี่เอง ไม่มีอะไรครับ แค่เจอหน้าพี่น้องคนหนึ่งแล้วกล่าวทักทายไม่กี่ประโยคครับ ต้องกราบขออภัยจากใจครับ!”
ผู้หญิงกำลังจะพูดอะไร
แต่ถูกพ่อโกวรั้งไว้ เขาอธิบายต่อลุงเสิ่นอย่างมากประสบการณ์
กล่าวทักทายอะไรกัน ลุงเสิ่นไม่เชื่ออย่างแน่นอน
เพียงแต่โกวสิ้งก็ถือว่าเป็นคนแถวหน้าในเมืองหลิวเฉิง ลุงเสิ่นจึงไม่ได้พูดอะไรมาก
“ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไร วันนี้หน้าตาของตระกูลเฉิน สำคัญเป็นอันดับแรก ความหมายของนายท่านและคุณชายพวกคุณก็เข้าใจดี มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องมาสะสางวันนี้ ใครกล้าทำตระกูลเฉินขายหน้า พวกคุณรู้จุดจบกันดีนะครับ!”
ลุงเสิ่นกล่าวอย่างเย็นชา
“แน่นอนครับ”
“ส่วนนายมาทำอะไรเหรอ?มีการ์ดเชิญไหม?”
ลุงเสิ่นมองเฉินเกอด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อย
คนนี้ดูก็รู้ว่าแต่งตัวธรรมดาเหมือนคนสามัญชนทั่วไป แตกต่างจากคนชั้นสูงอย่างพวกเขามาก
จึงมีสีหน้าที่ดูถูกเล็กน้อย
“ไม่มี ผมมาจากเมืองจินหลิง ผมมาหาคุณหนูใหญ่ตระกูลซูและจะมาส่งการ์ดเชิญให้กับเธอด้วย!”
“การ์ดเชิญ?การ์ดเชิญของใคร?”
“ไม่สามารถบอกได้!”
เฉินเกอกล่าว
เขาพูดตามบทที่ซูหรานหรานสอน สำหรับเรื่องเจ้าของการ์ดเชิญจะเป็นใครนั้น เขาไม่ได้สนใจและไม่จำเป็นต้องรู้
“ลุงเสิ่น ให้เขาเข้ามาสิค่ะ เขามาจากเมืองจินหลิง คงต้องมีภารกิจติดตัวมาแน่ๆค่ะ!”
เวลานี้ซูหรานหรานวิ่งออกมา ถ้าตามแผนการแล้วเธอจะเป็นคนพาเฉินเกอเข้าไปถึงจะถูก
“หา?ในเมื่อเป็นเพื่อนของตระกูลซูก็ไม่มีอะไรครับ เชิญเข้าไปเถอะ!”
เพราะซูฉููฉูมีความสัมพันธ์กับคุณชายของตน ลุงเสิ่นต้องให้เกียรติเป็นเรื่องธรรมดา
ซูหรานหรานแลบลิ้นให้เฉินเกอและบิดหน้าใส่อีกด้วย
จากนั้นก็ดึงมือเฉินเกอเข้าไป
นี่เป็นการติดขัดเล็กๆน้อยๆ บรรยากาศในงานก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“จะปล่อยเขาไปง่ายๆอย่างนี้หรือครับ?ผมรู้สึกแย่มากครับ!”
โกวเฉียงจ้องมองเฉินเกอพลางบ่นพึมพำ
“วางใจเถอะ ลูกจะรีบอะไรกัน เมื่อกี้พ่อได้โทรไปสั่งการเรื่องนี้แล้ว พ่อขอรับรองกับลูกว่า วันนี้เขาเข้าไปในหอนี้ได้ก็จะไม่มีชีวิตออกมาได้!”
ดวงตาของพ่อโกวได้เปล่งประกายความโหดร้ายขึ้นมา
ส่วนโกวเฉียงกับแฟนสาวสบตากันแล้วจ้องมองคุณพ่อที่เป็นนักวางแผนตัวยง
เป็นไปตามคาด ในขณะที่คุณชายเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกๆเตรียมตัวจะเริ่มสารภาพรักอยู่นั้น
เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาอีกครั้ง
เห็นนอกประตูห้องโถงมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังบุกเข้ามาด้านใน
“ให้พวกเราเข้าไปจับโจรคนนั้นเถอะ!ต้องจับโจรคนนี้ให้ได้!”
มีจำนวนคนมายี่สิบกว่าคน ซึ่งต่างมีอารมณ์ที่แค้นเคืองไม่พอใจในความอยุติธรรม ท่าทางเหมือนจะเป็นผู้ค้าขายรายย่อย!
“พวกคุณจะทำอะไรครับ?”
บอดี้การ์ดคิดจะรั้งไว้ แต่รั้งไม่สำเร็จ
“ไอ้เวร มีอะไรกัน?”
มีแขกผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรระดับโลกอยู่ในงาน ตอนนี้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้สีหน้าของคุณชายเฉินชาไปเลย
“พวกเราจะเข้าพบคุณชายเฉิน!ขอร้องคุณชายเฉินช่วยพวกเราหน่อย!”
ผู้ค้าขายรายย่อยต่างกระโจนเข้าไป
ได้ยินประโยคนี้ คุณชายเฉินก็ส่งสัญญาณให้ลูกน้องหลีกทางปล่อยพวกเขาเข้ามา
“ช่วยเหลืออะไร?เกิดอะไรขึ้นครับ?”
คุณชายเฉินเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าแล้วถาม
“คุณชายเฉิน คืออย่างนี้ครับ พวกเราเป็นคนทำมาค้าขายครับ ส่วนคนนี้ได้แอบลักขโมยของของพวกเราแล้ววิ่งมาซ่อนตัวอยู่ในนี้ครับ
และยังได้ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาลจนบาดเจ็บสาหัสมากครับ พวกผมอยากจะถามคุณชายเฉินว่าทำไมถึงได้ให้โจรอย่างนี้เข้ามาอยู่ด้วยครับ!”
ทั้งยี่สิบกว่าคนต่างชี้ไปยังเฉินเกอ
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ผู้หลักผู้ใหญ่ในงานต่างจ้องหน้ากัน
“ไอ้โจรคนนี้สามารถวิ่งเข้ามาในงานนี้ได้ คนของตระกูลเฉินทำอะไรอยู่ถึงได้ปล่อยโจรอย่างนี้เข้ามา?”
“กล้าทำร้ายแม้กระทั่งเด็กอนุบาลจนสาหัส นี่มันสัตว์เดรัจฉานจริงแท้!”
ผู้คนต่างรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
เพราะมีเกือบยี่สิบสามสิบคนจะมาจับคนหนึ่งคน จึงไม่มีใครถามหาหลักฐานและไม่มีใครสงสัยว่าเรื่องนี้จะจริงเท็จแค่ไหน
ส่วนคุณชายเฉินเป็นคนที่อารมณ์ร้อนจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป บัดนี้เขายืนอยู่ในตำแหน่งผู้พิทักษ์คุณธรรม แน่นอนว่าเขาต้องทำตัวดีๆ
“อะไรนะ?ยังมีเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอ ทำเรื่องร้ายแรงมากถึงเพียงนี้ยังกล้ามาอยู่ในงานเลี้ยงของตระกูลเฉินอีกเหรอ นาย!รนหาที่ตายแท้ๆ!!!”
คุณชายเฉินมองเฉินเกออย่างเย็นชา
“ไม่ใช่เขา!”
ซูหรานหรานก็คิดไม่ถึงจะมีคนมากมายมาชี้ตัวเฉินเกอ เห็นคุณชายเฉินมีท่าทางจะฆ่าคน
จึงรีบออกมาหักห้าม
เฉินเกอกลับมองพวกที่กำลังชี้ตัวเองอย่างเฉยเมย ถึงแม้พวกเขาจะแต่งตัวธรรมดา แต่เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนล้วนเป็นผู้แข็งแรงมีกำลังกายมากเหลือล้น เห็นได้ชัดว่าเป็นนักต่อสู้ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเคร่งครัด
แน่นอน เฉินเกอมองไปยังสองพ่อลูกตระกูลโกวแวบหนึ่งก็เข้าใจถึงเรื่องต้นสายปลายเหตุแล้ว!