ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! – ตอนที่ 630

ตอนที่ 630

บทที่ 630 จุดจบ

ภายในห้องอาหาร แค่เวลาชั่วพริบตา ก็เห็นพนักงานบริการแต่งตัวอย่างเรียบร้อย หรือแม้แต่ พนักงานของโรงแรมเองก็เช่นกัน

ทุกคนต่างมารวมตัวกัน ที่ห้องโถงบริเวณชั้นหนึ่งของโรงแรม

เพราะได้ยินว่า ท่านประธานคนก่อนจะมา

ทุกคนเลยรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน

หยางเหอผู้ที่เป็นผู้จัดการห้องอาหารนั้น ก็แต่งตัวอย่างเรียบร้อยเช่นกัน

เขายืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อเตรียมตัวต้อนรับ

เขาเอง ก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“น้าหวาง อาเฉิน ผมรู้จักผู้บริหารของบริษัทหลงเถิงกรุ๊ปเยอะ ถ้าพวกเขาจะมา ผมว่าจะลงไปต้อนรับสักหน่อย ไม่อย่างนั้น หากพวกเขามาแล้ว รู้ว่าผมไม่ลงไป เดี๋ยวจะว่าผมไม่รู้ภาษาเอาได้”

ภายในห้องอาหาร หวางเผิงก็ได้วางแก้วเหล้าลง แล้วมองไปที่หวางกุ้ยฟางและได้พูดขึ้น

“ใช่ ๆ ๆ คุณชายหวางรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่เยอะอย่างนี้ อีกอย่างบริษัทหลงเถิงกรุ๊ปนั้น ก็อยู่ในตลาดธุรกิจแล้ว ในเมื่อพวกเขามาแล้ว ก็ควรลงไปหาหน่อย”

“ใช่แล้ว คุณชายหวาง ตระกูลเฉินของพวกเรา ทำกิจการอาหารฟาสต์ฟู้ด มีสาขาทั่วประเทศ ถึงแม้ว่า จะเทียบไม่ได้กับโรงแรมหลงเถิง แต่ว่า ก็เป็นบริการทางอาหารเหมือนกัน ไม่ทราบว่า คุณชายหวางพอจะแนะนำกับท่านประประธานจางหน่อยได้ไหม หรือไม่ก็ ให้นามบัตรกับเขาก็ยังดี”

หวางกุ้ยฟางพูดขึ้นอย่างเกรงใจ

“เรื่องนี้ ไม่มีปัญหาครับน้าหวาง ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้จักกับท่านประธานคนก่อนแห่งบริษัทหลงเถิงกรุ๊ป อย่างหวางหัว แต่ว่า ท่านประธานจางนั้น ผมรู้จักครับ”

หวางเผิงยื่นมือออก เพื่อให้เห็นว่าตัวเองนั้น ใส่นาฬิกาทองคำอยู่

จากนั้น ก็หยิบกระเป๋าตังค์ แล้วลุกขึ้นยืน

“ใช่ ๆ ๆ แค่ได้ให้นามบัตรกับประธานจางหรือว่า รู้จักกันนิดหน่อยก็ดีมากแล้ว พวกเราก็ไปด้วยเถอะ”

อาสะใภ้ที่สามเอง ก็ได้พูดขึ้น

จากนั้น ก็ได้ลุกขึ้นเช่นกัน ทุกคนต่างก็เตรียมจะออกไป

และห้องโถงใหญ่นั้น ไม่นาน ก็มีรถเล็กใหญ่มาล้อมรอบมากมาย

ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหลงเถิงกรุ๊ป ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายบุคคลหรือฝ่ายการเงิน ที่อยู่ระดับสูง ๆ ต่างก็ต้องมา

ทุกคนต่างก็พยุงชายอายุวัยเจ็ดสิบปี ที่เดินไม่ค่อยจะไหวเท่าไร ลงมาจากรถ

“ประธานกรรมการหวาง”

ผู้จัดการหยาง กล่าวทักทาย แทบอยากจะคุกเข่าลงกับพื้น

“รีบ ๆ ขึ้นไป ห้อง 602”

ส่วนท่านประธานกรรมการหวางหัว นั้น ก็มีอาการสั่นไปทั้งตัว และได้พูดกับผู้ช่วยของตัวเองไป

ส่วนประธานจางที่อยู่ข้างหลัง สีหน้าซีดเผือด ได้แต่ประคองประธานกรรมการขึ้นไป

ผู้จัดการหยางเห็นว่า นี่ไม่เหมือนกับการมาตรวจเยี่ยม แต่เหมือนกับการมารับแขกพิเศษต่างหาก เกิดอะไรขึ้นเหรอ

ห้องหมายเลข 602 นั่น ไม่ใช่ห้องของคุณชายหวางเผิงหรอกเหรอ

สมาชิกของตระกูลเฉินที่กำลังจะลงลิฟมานั้น ก็ได้เจอกับประธานกรรมการหวางหัวเข้าพอดี

หวางกุ้ยฟางกำลังจะเตรียมโค้งคำนับ ประธานกรรมการแทบไม่มองเธอเลย

ที่ทำให้ทุกคนแปลกใจ ก็คือ หวางหัวที่มีคนคอยประคองข้างนั้น ๆ เดินเข้าไปในห้องหมายเลข 602

และในตอนนั้น สิ่งที่ทำให้ทุกคนนั้น ต่างต้องตะลึงไปยิ่งกว่า คือ

เมื่อถึงประตูห้อง

ปึ๊ก!

เสียงเข่าของประธานกรรมการหวางหัวที่กระทบพื้นก็ได้ดังขึ้น จากนั้น ก็ได้คลานเข่าเข้าไปในห้อง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา และมีอาการสั่นไปทั้งตัว

“พระเจ้า”

หวางกุ้ยฟางแทบไม่เชื่อสิ่งที่เห็น จากนั้น น้ำลายก็ไหลออกจากปาก

ส่วนหวางเผิงเอง นั้นก็งงไปตาม ๆ กัน

“ไม่รู้ว่าคุณชายเฉินมา ผมสมควรตาย สมควรตาย”

เมื่อก่อนหวางหัวได้เข้าร่วมงานเลี้ยงธุรกิจขนาดใหญ่ และในงานเลี้ยงนั้น ก็เห็นกิริยาที่สวย ๆ ของเฉินเกอด้วย

แต่วันนี้ ได้รับสายจากคนในบริษัทจินหลิงกรุ้ปเขาบอกว่า ลูกน้องของตนได้ไล่คุณชายเฉินออกไป แล้วจึงได้มาถามเขา ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

หวางหัวเองก็ไม่เชื่อ จึงได้รีบออกจากโรงพยาบาลมา

แค่มอง แล้วเห็นคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในมุมลึก ๆ นั่น หากไม่ใช่เฉินเกอ แล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ

บริษัทหลงเถิงกรุ๊ปที่รุ่งเรือง และได้พัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ หากไม่ใช่ ประธานหลี่และคนอื่น ๆ คอยให้ความสนับสนุนเหรอ

เมื่อทำให้คุณชายเฉินไม่พอใจ บริษัทหลงเถิงกรุ๊ป คงจะต้องจบลงแน่ ๆ

“ประธานกรรมการหวาง ลูกน้องท่านเลยนะ ผมแค่อยากจะกิน พระกระโดดกำแพงสักชาม เขาถึงกลับต้องบอกให้ รปภ มาไล่ผมออกไปเลย”

เฉินเกอพูดขึ้น

“ผมได้ทราบเรื่องแล้วครับ”

ประธานกรรมการร้องไห้หนัก จากนั้น ผู้ช่วยเขาก็ได้ ค่อย ๆ ประคองเขายืนขึ้น

“หยางเหอล่ะ”

ประธานกรรมการมองไปที่ประธานจาง

ส่วนหยางเหอนั้น ยืนอยู่ที่หน้าประตูกับหวางกุ้ยฟาง ซึ่งกำลังมองฉากที่ไม่น่าเชื่ออยู่

เมื่อได้ยินประธานกรรมการเรียก

หยางเหอจึงรีบเดินเข้าไป

“ท่านประธาน ระวังสุขภาพครับ ทำไมถึงได้คุกเข่าให้ไอ้หมอนี่หรือครับ เดี๋ยวผมจะเรียกคนให้มาจัดการกับเขาดีไหมครับ”

หยางเหอพูดอย่างเหี้ยมโหด

ประธานกรรมการเป่าที่หนวด แล้วก็เบิกตามองเขา

แล้วก็ได้ตะคอกใส่ประธานจางขึ้นว่า “ตีมัน ตีให้ปากมันแตกไปเลย”

ประธานจางตอบอย่างมีมารยาทขึ้นทันทีว่า “ครับผม”

แค่โบกมือ บอดี้การ์ดของประธานกรรมการสาม สี่คนก็ได้เข้ามา

แล้วกดหยางเหอลงกับพื้น

และมีบอดี้การ์ดอยู่คนหนึ่ง ที่กำลังถือกระบองไว้ในมือ

“ท่านประธาน ผมทำผิดอะไรเหรอครับ”

หยางเหอถามขึ้นด้วยความไม่รู้

ปึ๊ด!

เสียงของไม้กระบอง ได้กระทบกับปากของเขา

ทันใด จมูกและปาก ก็มีเลือดไหลออกมา

ใบหน้าของหยางเหอเต็มไปด้วยน้ำตา

แล้วคนที่อยู่รอบ ๆ ก็ได้เห็น โดยเฉพาะหวางกุ้ยฟางและผู้หญิงคนอื่น ๆ ถึงกลับกลัวไปตาม ๆ กัน เพราะไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน

ปึ๊ด!ปึ๊ด ๆ!

บอดี้การ์ดแทบไม่ได้หยุดมือ ตีไปที่ปากของผู้จัดการอย่างเหี้ยมโหด

ตีจนฟันเขาร่วง เลือดไหลไม่หยุด

และ ตีเสียจนว่า ไม่มีสภาพของคนเหลืออยู่

หยางเหอนอนอยู่กับพื้น และมีอาการชักไปด้วย

“ประธานจาง เรื่องนี้มันเป็นยังไงมายังไงกันแน่ หยางเหอมีความกล้าขนาดนี้เชียวหรอ?”

ประธานกรรมการเหลือบมองไปที่หยางเหอ แล้วมองไปทางประธานจาง กล่าวถามขึ้น

“เมื่อครู่ ผมได้ถามผู้ช่วยของหยางเหอแล้ว ที่เขากล้าทำอย่างนี้ ก็เป็นเพราะว่าคนที่ชื่อว่า หวางเผิง ที่ได้โทรบอกกับหยางเหอมาก่อนหน้านี้”

ประธานจางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง ๆ

เขารู้จักกับหวางเผิง และก็รู้จักกับพ่อของเขาด้วย

แต่ว่าตอนนี้ ตระกูลหวาง คงจะไม่มีทางรอดแล้วแน่ ๆ

ประธานจางตัดความสัมพันธ์ที่มีในทันที

เมื่อสิ้นเสียงพูด ก็ได้มีบอดี้การ์ดจับตัวของหวางเผิงไว้นานแล้ว จากนั้น ก็ลากเขามา

“ประธานจาง พวกคุณจะทำอะไร พ่อของฉันคือ……”

“เผี๊ยะ!”

ยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ถูกตบไปที่ปากอย่างจัง ๆ แล้วหนึ่งครั้ง

“หาภัยมาให้โรงแรมหลงเถิงเหรอ รับไม่ได้จริง ๆ ตีปากมันสักพันครั้งสิ”

ประธานกรรมการพูดขึ้น

“อะไรนะ”

หวางเผิงถึงกลับงง

บอดี้การ์ดต่างก็ได้สลับกันตบ

ตบเสียจนหวางกุ้ยฟางและคนอื่น ๆ นั้นรู้สึกช็อค

“เฉินเกอ นี่……นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

เฉินหนานเองก็กลัว คิดไม่ถึงว่าเฉินเกอจะเป็นคนแจ้ง แล้วจะมีเรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นเยอะ ได้ถึงเพียงนี้

ส่วนหวางกุ้ยฟางนั้น เห็นแล้วว่า เกิดอะไรขึ้นข้างใน เธอเองก็กลัวแทบแย่ เพราะกลัวจะโดนตีปากเหมือนกัน

จากนั้น จึงได้เดินเข้าไปข้าง ๆ กับเฉินเกอ

ตอนนี้ ยืนอยู่ข้าง ๆ กับเฉินเกอ ถึงจะปลอดภัยที่สุด

ในเวลาไม่นาน หวางเผิงก็โดนตีจนเลือดเต็มไปทั้งใบหน้า มือของบอดี้การ์ดทั้งสี่ ห้าคนนั้นต่างก็บวม ส่วนหวางเผิงนั้น ก็ถูกโยนออกไปด้านนอกของโรงแรม

ประธานกรรมการขอโทษขอโพยยกใหญ่ จึงได้ทำให้เฉินเกอนั้น รู้สึกพอใจขึ้นมาบ้าง

ส่วนหวางกุ้ยฟางนั้น ก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจไปใหญ่

เกิดอะไรขึ้นเหรอ

เพราะ ข้อความที่แจ้งไป ข้อความเดียว ทำให้ประธานกรรมการถึงกับต้องตีหวางเผิงอย่างไม่ยั้งมือได้ขนาดนี้เลยเหรอ

มันจะเกินจริงไปไหม

แปลกจัง จากประสบการณ์ของเธอ เรื่องนี้ต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ

และอีกอย่างประธานกรรมการเอง ก็กลัวเขาด้วยจากนั้น จึงได้แอบดึงลูกสาวของตัวเอง อย่างเฉินหนานมาใกล้ ๆ

ต้องให้เธอไปถามเฉินเกอหน่อย ว่าเขาเป็นใครกันแน่

ทำไมถึงต้องเรียกเขาว่า คุณชายเฉิน ด้วย คงไม่ใช่ว่า เขาคือ คุณชายเฉินแห่งจินหลิงหรอกนะ

……

เสียงจากด้านนอก:

“ไป๋เสี่ยวเฟย นายทำอะไรอยู่ เมื่อครู่ยังดูโกรธ ๆ อยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงหัวเราะได้ล่ะ”

หูฮุ่ยหมินถามขึ้น

“อ่านนิยาย หมดคำจะพูดจริง ๆ นักเขียนบอกว่า วันนี้ พรุ่งนี้ก็จะมีตอนใหม่มาแล้ว แต่ว่า ที่ดีใจนั้น คือ วันที่สิบห้าเขาบอกว่าจะมีฉากพีค ๆ ฉันเอง จึงเตรียมดีใจไว้ก่อน และ นักเขียนบอกอีกว่า หลังจากวันที่สิบห้า ทุกอย่างจะกลับไปอยู่ในสภาพปกติ”

หูฮุ่ยหมิน “น่าเบื่อมาก……

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

Status: Ongoing

เรื่องย่อ ณวันนั้น พี่สาวกับพ่อแม่ที่ทํางานอยู่ต่างประเทศบอกกับตัวเองอย่างกะทันหันว่า ตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี ครอบครองสมบัติหลายล้าน เฉินเกอคิดในใจว่า ฉันเป็น ทายาทเศรษฐีจริงๆหรอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท