บทที่ 708 หินโชคชะตา
ฟังที่พี่จื่อเยียนอธิบาย
พลังพื้นขั้นพื้นเป็นพื้นฐานของการฝึกวิชา ก็เหมือนต้นกำหนดของสายน้ำ พื้นฐานในพื้นฐาน
หากพลังพื้นฐานถูกทำลาย ในขณะที่ฝึกวิชา ก็จะรู้สึกได้ว่า ถึงแม้เราจะพยายามฝึกฝนจนถึงระดับที่สูง แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะสัมผัสพลังที่อยู่จุดที่สูงที่สุดได้
สำหรับการตื่นตัวของพลังพื้นฐานที่พูดมานั้น พูดตามตรงก่อนหน้านั้นตัวเองเคยฟังที่หมอดูพูดไว้ ฟ้าดินตื่นตัว เพื่อที่จะได้รับพลังเจิ้งหยาง พี่จื่อเยียนพูด ตอนนั้นที่ตัวเองเริ่มตื่นตัวจากหนทางสวรรค์ นั่นก็คือพลังขั้นพื้นฐาน อันที่จริงเป็นเพราะการตื่นตัวได้ทำลายพลังขั้นพื้นฐานไปแล้ว
นี่ก็คือสาเหตุ ถึงแม้รอบแรกจะนำมาซึ่งพลังที่มากให้กับตัวเอง แต่มันยังห่างไกลจากที่พี่จื่อเยียนคาดการณ์เอาไว้มาก
“แล้วควรทำอย่างไร? เป็นเพราะว่าผมได้เริ่มไปสัมผัสเพดานที่สูงสุด ก็เลยยากที่จะก้าวหน้าอีกแล้ว?”
เฉินเกอถามอย่างสงสัย
“วิธีย่อมมีอยู่แล้ว นั่นก็คือหยกแขวนเลือดมังกรและหินแห่งโชคชะตา สองสิ่งนี้ช่วยนายได้ สามารถฟื้นฟูพลังขั้นพื้นฐานของนายขึ้นมาใหม่!”
จื่อเยียนมองเฉินเกอด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าว
“หยกแขวนเลือดมังกรผมมี มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์จริงๆ สำหรับหินโชคชะตานั้น ควรจะไปตามหาที่ไหน?”
เฉินเกอถามอย่างสงสัย
“เดิมทีการตามหาหินโชคชะตานั้น ฉันคิดว่ามันจะต้องเสียเวลาของพวกเราอย่างมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เสียแล้ว ของสองสิ่งที่มหัศจรรย์ที่อยู่ระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์ ฉันคิดว่าเราได้รวบรวมครบแล้ว!”
จื่อเยียนกล่าว
“พูดแบบนี้ พี่จื่อเยียนมีหินโชคชะตาแล้วเหรอ?”
เฉินเกออดไม่ได้ที่จะถามอย่างยิ้มๆ
“ฉันไม่มีหรอก แต่ว่าสถานที่ที่เราอยู่ มีหินโชคชะตานี้!”
“อะไรนะ!”
ทุกคนตกตะลึง
“มิน่าล่ะ เมื่อกี้ที่แม่นางจื่อเยียนพูด ก็คือที่นี่ ที่แท้เจ้ารู้มานานแล้ว ที่ตรงนี้เป็นที่ที่มีหินโชคชะตา!”
เฉินผิงอันอุทานขึ้น
“ใช่แล้ว ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะหลินเซียวคอยปกป้องมั้ง ทำให้พวกเราตามหาสถานที่แห่งนี้เจออย่างราบรื่น”
จื่อเยียนกล่าวด้วยสีหน้าที่พอใจ
“นั่นก็หมายความว่า สิ่งลึกลับที่เป็นปัญหามานาน ก็จะถูกไขแล้ว?”
เฉินเกอกล่าวอย่างจริงจัง
“น่าจะประมาณนั้น อันนี้ต้องรอให้พวกเราได้หินโชคชะตาอย่างราบรื่นก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
จื่อเยียนชี้ไปแท่นสูงที่ลอยอยู่บนอากาศ “เสี่ยวเกอ เราสองคนขึ้นไปที่แท่นสูงกัน เรามาทดลองเปิดมันดู!”
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด โล๋จื่อเยียนได้ลอยขึ้นไปข้างบนแล้ว
เฉินเกอรีบตามไป ก็ได้ขึ้นไปจนถึง
หลังจากที่เหยียบลงบนแท่นสูงแล้ว เฉินเกอเพิ่งจะพบว่า แท่นสูงที่ว่างเปล่านี้ เต็มไปด้วยลายเส้นที่เลือนราง
เหมือนเข็มทิศที่ใหญ่มหึมาลอยอยู่
“นี่คือลายเวทมนตร์ที่เรียกหาหินโชคชะตา ต้องใช้พลังที่แข็งแกร่งอย่างมากถึงจะสามารถขับเคลื่อนมันได้!” นายและพี่ไม่มีใครถึงขึ้น แต่ว่าสามารถอาศัยพลังของหยกแขวนเลือดมังกร มาขับเคลื่อนมันได้
โล๋จื่อเยียนอธิบายหนึ่งในวิธีให้เฉินเกอฟัง
ก่อนหน้านั้นเฉินเกอ ก็รู้แล้วว่าหยกแขวนเลือดมังกรไม่ใช่ของธรรมดา จนถึงวันนี้ วิธีที่ใช้งานของมันยิ่งพิสดารมาก วิธีการทำให้ประสิทธิภาพของมันมากขึ้น ดูท่าแล้วตัวเองต่างหากที่ยังไม่รู้วิธีใช้มัน!
ขณะนั้น รวบรวมสมาธิในการรับมือ
ทั้งสองร่วมแรง
ไม่นาน เฉินเกอก็สังเกตเห็นหยกแขวนเลือดมังกรประกายแวววาว ส่องสว่างบนคาถาทั้งหมด
และลายเวทมนตร์ที่เลือนรางก่อนหน้านี้ ถูกแสงสว่างทำให้ชัดเจนขึ้นมาทัน
คาถาส่องแสงสีน้ำเงินออกมา แสงสีน้ำเงินเริ่มไปรวบอยู่ตรงจุดศูนย์กลาง
ไม่นานนัก ลมพายุแผ่กระจายออกมา ก้อนที่เท่ากับกำปั้นของคน ก้อนหินสีน้ำเงินเหมือนอัญมณีได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน
“นี่ก็คือหินโชคชะตา?”
เฉินผิงอันแทบไม่สามารถซ่อนความตกตะลึงไว้ในใจได้
เฉินเกอที่อยู่ใกล้สัมผัสถึงพลังของมันได้ ก็ถูกทำให้ตกตะลึงอย่างมาก
แสงของหินโชคชะตาค่อยๆบรรจบเข้าหากัน
เฉินเกอยกฝ่ามือขึ้นเล็กน้อย หินโชคชะตาก็ค่อยๆตกลงมาบนฝ่ามือของเฉินเกอ มีไอร้อนเล็กน้อย
ของสิ่งนี้แค่ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา ถืออยู่ในมือ สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน ข้างในมีพลังที่แข็งแกร่ง พี่จื่อเยียน ที่บ้านผมเคยมีภาพสุริยัน มันสามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ หินโชคชะตานี้ ก็สามารถที่จะทำนายได้ใช่มั้ย?
เฉินเกอกล่าว
“อืม เพียงแต่ คุณสมบัติของมันไม่ได้จำกัดเฉพาะการทำนาย ตอนนี้นายลองใช้จี้หยกแขวนเลือดมังกรเป็นสื่อ ลองสื่อสารกับมันดู ถามสิ่งที่นายอยากรู้มากที่สุด ฉันก็อยากพิสูจน์เหมือนกัน ว่าหินโชคชะตานี้ มันจะอัศจรรย์สมกับคำร่ำลือหรือเปล่า!”
โล๋จื่อเยียนกล่าว
“ได้!”
เฉินเกอทำตามที่บอก
ขณะนั้น เห็นเพียงแต่ตาคู่นั้นที่หลับเกร็งอยู่ แสงหนึ่งได้ทะลุผ่านหยกแขวนเลือดมังกรผ่านเข้าไปในหินโชคชะตา
จากนั้นเฉินเกอได้ลืมตาขึ้น
เหมือนโล๋จื่อเยียน ที่รอดูการเปลี่ยนแปลงของหินโชคชะตาอย่างเงียบๆ
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ
หินโชคชะตาที่อยู่ในมือได้ลอยขึ้นไปอยู่กลางอากาศทันที
และแสงสีน้ำเงินในหินแผ่กระจายอย่างเห็นได้ชัด
แสงกะพริบเป็นระยะๆ ทำให้เฉินเกอกับโล๋จื่อเยียน อดไม่ได้จนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว
จากนั้น ก็เห็นแสงสีน้ำเงินก่อตัวเป็นม่านแสงขนาดใหญ่ต่อหน้าทุกคน
ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนหน้าจอทีวีเล็กน้อย ยังเหมือนเงาที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเหนือทะเลทรายเล็กน้อย
สิ่งที่แสดงออกมา เป็นมหาสมุทรที่กว้างใหญ่
เฉินเกอประหลาดใจมาก เขาตั้งใจดูอย่างเงียบๆ
บนมหาสมุทรที่ว่างเปล่า อยู่ภายใต้ความมืด ให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน บนมหาสมุทรที่เงียบสงบ มีเรือโดยสารลำใหญ่แล่นอยู่อย่างช้าๆในยามค่ำคืน
สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ตรงด้านหน้าเรือโดยสารยัง มีหญิงสาวสองคน กำลังสนทนากันอยู่ ขณะนั้นยังชื่นชมมหาสมุทรยามค่ำคืนไปด้วย
ภาพนี้ ธรรมดามาก
แต่ว่าเวลานี้หน้าอกของเฉินเกอ กลับขึ้นๆลงๆ มีน้ำตาที่มุมหางตาด้วย
เพราะเรือลำโดยสารลำนี้ ไม่ใช่ของใครที่ไหน แต่เป็นเรือโดยสารลำที่หายสาบสูญไปพร้อมกับซูมู่หาน
หญิงสาวสองคนตรงหัวเรือ ก็คือพวกมู่หาน
นี่คือ คืนที่ซูมู่หานเกิดเรื่อง!!!
เฉินเกอตกใจกลัว
มู่หานถูกไท่หยางเหมิงจับตัวไป แต่จับตัวไปได้ยังไง ไท่หยางเหมิงใช้วิธีการอะไรจึงสามารถอยู่ในโลกมนุษย์ได้ สิ่งเหล่านี้เฉินเกอไม่รู้เลย
ขณะนั้น เขาใช้สมาธิทั้งหมดในการตั้งใจดู
และในภาพ ก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ที่ด้านหน้าของเรือ คลื่นทะเลที่กำลังเดือด ปรากฏขึ้นด้วยวังน้ำวนขนาดใหญ่
วังน้ำวนนี้ เหมือนปากใหญ่ที่กำลังจะเขมือบคน
ดูดเรือโดยสารให้เข้าใกล้
สามารถมองออกว่า ขณะนั้นซูมู่หานไม่มีใครช่วยเหลือเลย และเพื่อนที่ข้างกายเธอ หวาดกลัวจนบ้าคลั่ง ซูมู่หานจับมือเพื่อนของเธอไว้ พยายามบอกให้เพื่อนเธอมีสติ
ฮาวลาลา!
ระลอกคลื่นที่สูงเป็นพันเมตร เรือยักษ์ลำหนึ่ง เป็นเรือดำน้ำสีบรอนซ์พุ่งออกมาจากใต้ทะเล
เรือยักษ์ลำนี้ เฉินเกอคุ้นเคยอย่างมาก มันคือเรือยักษ์ของไท่หยางเหมิง
พวกเขาเขมือบเรือโดยสารเข้าไป จากนั้นก็หายเข้าไปในท้องทะเล!
เฉินเกอไม่สามารถระงับความกระสับกระส่ายของเขาได้ เวลานี้ เขาอยากที่จะพุ่งเข้าไปข้างในภาพ ช่วยคนออกมา ไม่ว่าจะช่วยออกมาได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้เฉินเกอก็ไม่ได้สนใจแล้ว
และอารมณ์ที่แปรปรวนของเฉินเกอ ก็ทำให้ภาพเริ่มจะบิดเบี้ยว
“ตั้งสติ เสี่ยวเกอ เรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นตั้งนานแล้ว!”
โล๋จื่อเยียนจับฝ่ามือของเฉินเกอเบาๆ จึงทำให้เฉินเกอค่อยๆสงบลง
และภาพก็ได้ดำเนินต่อ
เพียงแต่ครั้งนี้ ภาพได้เปลี่ยนไปแล้ว
และเปลี่ยนไปอยู่บนเกาะร้างแห่งหนึ่ง……