เยี่ยเม่ยอึ้งไป
ไม่ทันระวังชนถูกก้อนหินบนภูเขาจำลอง หินก้อนหนึ่งกลิ้งตกลงพื้น สายตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและมู่หรงเหยาฉือเคลื่อนมาหยุดมาที่เยี่ยเม่ย
เยี่ยเม่ยจ้องมองหินบนพื้นก้อนนั้น พูดไม่ออกสักครู่
นางเข้าใจว่าเพราะคำพูดเมื่อครู่ของมู่หรงเหยาฉือทำให้ตัวเองจิตใจสับสน ดังนั้นจึงไม่ทันระวังชนถูกก้อนหินนั้นตกลงพื้น แต่ว่านี่ไม่เท่ากับแอบฟังหรือ
ถัดมา
ขอเพียงฟังเรื่องไม่ควรฟัง ก็ต้องถูกคนจับได้
ยามเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นนาง เรียวคิ้วขมวดลง กวาดตามองตำแหน่งที่เยี่ยเม่ยยืนอยู่ ก็รู้สึกน่าขันอยู่บ้าง นี่นางกำลังแอบฟังอยู่หรือเปล่า
มู่หรงเหยาฉือเองก็ตะลึงเล็กน้อย
เดิมคิดว่านางแอบขู่องค์ชายสี่ลำพัง เตี้ยนเซี่ยไม่อยากให้เยี่ยเม่ยรู้เรื่องในวันนั้น บางทีอาจยอมแต่งนางเข้าบ้าน คิดไม่ถึงเลยว่า กลับถูกเยี่ยเม่ยได้ยินเข้าแล้ว
มู่หรงเหยาฉือเริ่มลนลาน
เรื่องนี้เมื่อเยี่ยเม่ยได้ยินเข้า ก็มีจุดจบเหลือเพียงสองอย่าง ประการแรกนางแต่งเป็นพระชายารองให้กับ องค์ชายสี่ ไม่แน่อาจได้ดีเพราะบุตร มีโอกาสแย่งชิงตำแหน่งพระชายาได้
ประการที่สอง ก็คือ…
ถูกฆ่าทิ้ง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกจะใส่ใจเยี่ยเม่ยถึงขั้นนั้น มู่หรงเหยาฉือรู้ดี ต่อให้เกิดเรื่องหลายคืนที่ผ่านมานั้น แต่มู่หรงเหยาฉือก็แอบสืบมาแล้ว คนในจวนองค์ชายสี่บอกว่า เยี่ยเม่ยไม่ยินยอมคลอดลูกให้องค์ชายสี่ ซ้ำยังดื่มยาป้องกันบุตรด้วย
ถึงข่าวจะถูกปิดไว้ แต่ว่ามู่หรงเหยาฉือบังเอิญได้ยินมา ดังนั้นนางจึงเดาว่าคืนนั้นที่องค์ชายสี่กระทำเรื่องเช่นนั้นกับตน…บางทีเป็นเพราะโกรธกับเยี่ยเม่ย อาศัยนิสัยขององค์ชายสี่ ไม่แน่ว่าจะสนใจความเป็นตายของนาง ทั้งไม่แน่ว่าจะสนใจความเป็นตายของลูกในท้องนางด้วย
เยี่ยเม่ยมองมู่หรงเหยาฉือที่อยู่ในอารามตกใจและครุ่นคิด
หลังจากเงียบไปสักพัก ถามว่า “ดังนั้น ข้ารบกวนการสนทนาของพวกท่านแล้วหรือ”
ในฐานะคนแอบฟัง ความจริงเยี่ยเม่ยกระอักกระอ่วนมาก แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ต้องเก็บไว้ในใจก่อนชั่วคราว ไฉนต้องฝืนเอ่ยขึ้นมา ทำให้ตัวเองยิ่งกระอักกระอ่วนเข้าไปใหญ่ด้วย
มู่หรงเหยาฉือฟังคำถามเยี่ยเม่ย พลันคุกเข่าลงข้างเท้าเยี่ยเม่ย เอ่ยปาก “พี่สาว ขอร้องท่านล่ะ ท่านยอมให้ข้าแต่งเข้าเถอะนะ! ข้ารู้ว่าข้ามันไม่รักตัวเอง ไม่ควรมีความสัมพันธ์กับองค์ชายสี่ทั้งที่ไร้ตำแหน่งฐานะ เดิมเป็นความผิดของข้า แต่ข้าไม่คิดเลยว่าระยะเวลาสั้นๆ เพียงสามวันนั้น ข้าก็ตั้งครรภ์แล้ว เด็กมีอายุสามเดือนแล้ว ดังนั้น…”
“เจ้าบอกว่ากระไร สามวัน?” เส้นเสียงของเยี่ยเม่ยเย็นเยียบลง
สามวัน
หลังจากวันแต่งงาน เป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกจากจวนองค์ชายสี่ไปเป็นเวลาสามวันพอดี อีกทั้งเด็กก็มีอายุสามเดือนแล้วด้วย ในเวลานี้นางสมควรเชื่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนหรือว่าเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าดีนะ
เห็นสีหน้าเยี่ยเม่ยมีความเปลี่ยนแปลง
ฝีเท้าของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนขยับเล็กน้อย คล้ายคิดจะเอ่ยอะไร แต่สุดท้ายเขากลับสงบปาก
มู่หรงเหยาฉือรีบร้องไห้เอ่ย “ถูกแล้ว พี่สาว! คิดว่าท่านน่าจะจำได้ หลังจากวันแต่งงาน เตี้ยนเซี่ยก็ออกจากจวนไปเป็นเวลาสามวัน ช่วงนั้นเขาล้วนอยู่กับข้า เตี้ยนเซี่ยยังบอกว่าในเมื่อท่านไม่ยอมอุ้มท้องลูกเขา ก็ให้ข้าเป็นคนคลอดเอง พี่สาว คำพูดที่ข้าเอ่ยพวกนี้ไม่ใช่เอ่ยเพื่อทำร้ายท่านเพื่อทิ่มแทงใจท่าน ข้าไร้หนทางจริงๆ ท่านก็รู้ว่าข้าจริงใจต่อองค์ชายสี่!”
สายตาเยี่ยเม่ยตกอยู่ที่ใบหน้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
มือใต้แขนเสื้อนางกลับกำแน่นอย่างอดไม่ได้ ชั่ววินาทีนั้น นางไม่รู้ว่าตนสมควรถามเป่ยเฉินเสียเยี่ยนหรือไม่ เป็นเพราะนางไม่มีจุดยืน ถึงบอกว่าไม่รักเขา ทั้งไม่ยอมคลอดลูกให้เขา ดังนั้นก็ไม่ควรยุ่งเกี่ยวยามเขาไปหาคนอื่นหรือ?
ไม่ เยี่ยเม่ยเข้าใจว่าเพราะความอ่อนแอ นางถึงไม่อยากรู้คำตอบ
นางหวาดกลัวว่าจะได้ยินว่าเขาทรยศนางจริงๆ
ชั่วขณะนี้หัวใจนางว้าวุ่นอยู่บ้าง หมุนกายคิดเดินจากไป เพราะนางไม่รู้ว่าสมควรถามไหม ถามออกได้หรือไม่จะจัดการอย่างไร นางเป็นคนจัดการได้ใช่ไหม
จากนั้นหลังจากนางหมุนกาย เขาพลันยื่นมือออกมาคว้าข้อมือนางไว้ เยี่ยเม่ยพยายามออกแรงขัดขืน ทว่าไม่อาจหลุดออกมาได้
เดิมนางหลงคิดว่า ต่อไปนางต้องได้ฟังคำอธิบาย
บางทีอาจเป็นคำขอโทษ
ความจริงนางกำลังคิดด้วยอารมณ์สับสนวุ่นวาย ถ้าทุกอย่างเป็นจริง เขาขอโทษนาง อย่างนั้นนางจะให้อภัยหรือไม่ รวมถึงเรื่องนี้สมควรจัดการอย่างไรดี
ไม่ นางรู้ดีว่าตัวเองคงไม่มีทางให้อภัยได้
ไม่อาจให้อภัย
แต่เขาจับนางไม่ใช่เพื่ออธิบาย และไม่ได้ขอโทษ
น้ำเสียงน่าฟังของเขาแฝงไปด้วยอารมณ์สบายๆ ดังขึ้นจากด้านหลังนาง “จะไปอย่างนี้หรือ นางบอกว่าท้องลูกของเยี่ยน ในฐานะพระชายาเจ้าคิดว่าควรจัดการอย่างไรดี”
ตู้ม! เยี่ยเม่ยรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่
นี่เขาหมายความว่าอย่างไร ถามว่านางจะจัดการอย่างไร เขาอยากแต่งมู่หรงเหยาฉือหรือ นับว่าเขายอมรับเรื่องทั้งหมดแล้วหรือเปล่า
นางเงียบไปหลายวินาที ไม่ตอบวาจา หวังว่าตัวเองเข้าใจผิดไปเอง
ถัดมา
น้ำเสียงน่าฟังของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกล่าวอย่างแช่มช้าต่อว่า “เยี่ยเม่ย เจ้าคิดว่าข้าควรมอบฐานะให้นางดีหรือไม่”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้
เยี่ยเม่ยหมดความอดทนแล้ว
หันกลับไปมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เอ่ยเสียงนิ่งว่า “ท่านจะเอาอย่างไรก็ทำตามนั้น ไม่ต้องถามข้า! วันนี้ข้าจะเก็บของกลับจวนแม่ทัพ ท่านจะปลดข้าก็ดี ข้าจะปลดท่านก็ช่าง บางทีตกลงแยกทางก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ท่านกับข้าสิ้นความสัมพันธ์ ท่านจะแต่งนางหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของท่าน!”
“พี่สาว ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย! องค์ชายสี่มีท่านอยู่ในใจ ท่านอย่าได้ประชดเตี้ยนเซี่ยเพราะข้าเลย!” มู่หรงเหยาฉือไม่หวังว่าเยี่ยเม่ยจะรีบจากไป เวลานี้นางจงใจเอ่ยเพื่อให้องค์ชายสี่รู้สึกว่านางรู้จักสถานการณ์
เยี่ยเม่ยก้มหน้ามองนาง “เจ้าหุบปากซะ! อ๋องอย่างข้ากับองค์ชายสี่พูดกัน ใช่เวลาที่ท่านหญิงอย่างเจ้าสอดปากหรือ”
นางไม่ใช่ฐานะพระชายา เพียงบอกว่าตัวเองเป็นอ๋อง แต่ไม่ว่าท่านอ๋องหรือพระชายาองค์ชายสี่ คำพูดของนางก็ไม่มีส่วนที่มู่หรงเหยาฉือจะสอดแทรกได้จริงๆ
เห็นเยี่ยเม่ยโมโหถึงขั้นนี้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับก้มหน้าหัวเราะ เขาก้าวออกมาเบื้องหน้าก้าวหนึ่ง เยี่ยเม่ยก็ถดถอยไปก้าวหนึ่ง คิดไม่ถึงถอยจนไปชนภูเขาจำลองด้านหลัง แผ่นหลังนางแนบกับภูเขาจำลองไม่อาจขยับได้อีก
เขากลับใกล้เข้ามา ดวงตาเปล่งประกาย ก้มหน้ามองนาง ถามช้าๆ ว่า “เยี่ยเม่ย เจ้าหึงแล้วใช่ไหม หืม ใช่หรือไม่”
เยี่ยเม่ยเบือนหน้าหนี ไม่สนใจเขา นางมีความโกรธแน่นท้องไปหมดไม่รู้จะระบายที่ใด ไม่เพียงเสียใจเพราะเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทรยศ ในใจยังเจ็บปวดคล้ายถูกเข็มทิ่มแทง นางต้องฝืนทำไม่ใส่ใจ ทั้งที่กลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่ง
เห็นนางโมโหจนหันหน้าหนี รอยยิ้มในแววตาเขายิ่งเข้มขึ้น แนบลงไปข้างหูนาง เอ่ยเบาๆ “เจ้าคิดว่าเยี่ยนจะทรยศเจ้าได้จริงหรือ”