ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! – ตอนที่ 751

ตอนที่ 751

บทที่ 751 วิกฤตที่กำลังจะมาถึง

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คนในดวงใจที่ตนเองรอมานานกว่าสิบปีได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ว่านเสว่รักและทะนุถนอมโอกาสนี้เป็นอย่างยิ่ง

ทั้งสองคนพูดคุยกันในขณะที่เดินเข้าไปยังด้านในของหมู่ตึก

แต่เดิม หลี่เส้าจงมาที่นี่ ก็เพื่อเที่ยวชมและแวะเข้ามาดูสถานการณ์ที่นี่ไปด้วยเลย

เมื่อได้เห็นความงามของว่านเสว่ ทันใดนั้น เขาก็เต็มใจเดินร่วมทางไปกับว่านเสว่อย่างเป็นธรรมชาติ

ในเวลานี้ ไม่ไกลจากสนามว่างขนาดใหญ่ กลับมีเสียงของผู้คนดังขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น? ”

หลี่เส้าจงถามคนรับใช้ที่อยู่ข้างหลัง

“เรียนนายน้อย นี่คือสนามสู้วัวกระทิง เมื่อไม่กี่วันก่อน มีคนมาจากเป่ยเฟยเชียงตี้(เขตตะวันตกเฉียงเหนือ) จับวัวประหลาดได้หลายตัวและส่งพวกมันมายังลานประลอง นี่ถือเป็นเรื่องพิเศษอย่างหนึ่งของหมู่ตึกหู้หลง

คนรับใช้เอ่ย

“หึ น่าเบื่อ การต่อสู้ของสัตว์เดรัจฉานพวกนี้ มีอะไรน่าดูกัน ไม่รู้จริงๆ เลยว่า คนที่วุ่นวายเหล่านั้น จะน่าเบื่อขนาดนี้!”

หลี่เส้าจงส่ายหัวและหัวเราะเหยียด

แต่ประโยคนี้กลับทำให้ว่านเสว่รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง

เดิมที ประโยคนี้ไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เธอ และเมื่อเปรียบเทียบแล้วสถานะของว่านเสว่นั้นยังสูงกว่าหลี่เส้าจงเสียอีก แต่ท่าทีเย่อหยิ่งของหลี่เส้าจง ยังคงทำให้ว่านเสว่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

บางทีอาจจะอารมณ์ไม่ดีอยู่บ้างมั้ง ว่านเสว่เอ่ย

“ก็ไม่แน่ คุณพ่อเคยบอกว่า วัวประหลาดพวกนี้ เคยผ่านเทียนตี้จ้าวฮั่วมาบ้างแล้ว พวกมันล้วนไม่ธรรมดา ไปดูหน่อยก็ดี!”

“โอ้? คิดไม่ถึงน้องเสว่เสว่ จะสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย? เอาอย่างนั้นก็ได้ ฉันจะไปดูเป็นเพื่อนน้องว่านเสว่ด้วย! ”

หลี่เส้าจงส่ายหัวและแค่นยิ้ม

จากนั้นทั้งคู่ก็ตรงไปที่สนามประลอง

“เสว่เสว่! ”

พวกซิ่วซิ่วนั้นลงมาเล่นที่ลานประลองก่อนหน้านั้นแล้ว หลังจากเห็นว่านเสว่ พวกเขาก็รีบเรียกว่านเสว่ให้เข้ามาทันที

“ว้าว คุณชายหลี่ สวัสดี ก่อนหน้านี้เคยได้ยินแต่ชื่อของคุณมาหลายครั้ง ตอนนี้ ได้เจอตัวจริงแล้ว!”

ซิ่วซิ่วเอ่ย

“อืม! ”

แต่หลี่เส้าจงกลับไม่ได้พูดอะไรมากเพียงและเพียงพยักหน้าเป็นการตอบรับ

หลี่เส้าจงนั้นย่อมมีความเย็นชาอยู่ในตนเอง

เมื่อเห็นดังนั้น ก็ทำให้ซิ่วซิ่วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียหน้าและไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าเขาจะเย็นชาขนาดนี้

แน่นอนว่า เมื่อหลี่เส้าจงมาถึง บรรยากาศของลานสู้วัวกระทิงก็เปลี่ยนไปทันที หลายคนหลีกทางให้โดยอัตโนมัติ

เสียงเจี้ยวจ้าวแต่เดิม หายไปในพริบตา

หลี่เส้าจงและว่านเสว่นั่งลง จากนั้นจึงมองไปยังพื้นที่ที่ถูกเปิดโล่ง

จากนั้นจึงเห็นวัวสีดำตัวหนึ่งที่มีเท้ายาวและมีสีทองบนหน้าผาก กำลังต่อสู้อยู่ในสนาม

หลี่เส้าจงเพียงแค่มองไปที่มัน จากนั้นจึงหลับตาลงด้วยความรังเกียจ

หึ พวกผู้ฝึกตนเหลือขอ มักจะรู้สึกว่าการได้เข้าสู่โลกนั้นเป็นเรื่องที่ช่างน่างดงามเสียเหลือเกิน

แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากเข้าโลกแล้วนั้นก็มีความเจ็บปวดอยู่ด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างเช่นตอนนี้ ทุกวันล้วนต้องเผชิญกับพวกมดมากมายเกินไป ซึ่งสำหรับหลี่เส้าจงแล้ว นี่คือความเจ็บปวดอย่างหนึ่ง

ว่านเสว่มองไปที่หลี่เส้าจงผู้โดดเดี่ยวและเย่อหยิ่ง ไม่รู้ว่าทำไมเช่นกัน ในใจของเธอมักจะรู้สึกแปลกๆ

เธอถึงขั้นเริ่มสงสัยขึ้นมา ว่าหมอดูหลอกตัวเองหรือเปล่า

ตนเองรักคนๆ นี้และเขาก็คือคนในดวงใจของตนจริงๆ หรือ?

ว่านเสว่เริ่มสงสัยอย่างจริงจังขึ้นมา

อย่างไรก็ตามจากนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไร และมองเข้าไปในสนาม

ในเวลาเดียวกัน เฉินเกอเองก็มาด้วยเช่นกัน

“ลานสู้วัวกระทิง อีกทั้งวัวเหล่านี้ ดูเหมือนว่าจะผ่านการเปลี่ยนแปลงบางอย่างและกลายเป็นสัตว์อสูร! ”

เฉินเกอและเฉินเปียวเปียวก็มาที่นี่เช่นกัน

ข้างๆ เป็นเฉินเปียวเปียวที่กำลังมองดูวัวรูปร่างแปลกๆ เหล่านี้อย่างอยากรู้อยากเห็น

เฉินเกอเอ่ยอธิบายเสียงเรียบ

แน่นอนว่า พวกเขาทั้งหมดล้วนยืนดูอยู่ข้างนอก

“มีวัวอสูรด้วย? ไม่น่าล่ะ พวกมันแต่ละตัวเมื่อมองดูแล้ว ดูดุร้ายน่ากลัวอีกทั้งยังมีพลังโจมตีแข็งแกร่งอย่างยิ่ง! วัวแบบนี้มาต่อสู้กันนั่นล่ะคือจุดที่คุ้มค่าแก่การดูของการต่อสู้!”

เฉินเปียวเปียวอดพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

“คุ้มค่าแก่การดู? เธอคิดอย่างนั้นจริงหรือ?”

เฉินเกอส่ายหัวและยิ้ม

“ไม่ใช่หรือ? อาจารย์” เฉินเปียวเปียวงงงวย

“ฉันคิดว่า ความหมายของพี่ใหญ่ก็คือ วัวพวกนี้ เนื่องจากมันไม่ใช่วัวธรรมดา เห็นแบบนี้แล้ว พวกเขาย่อมไม่ได้เต็มใจที่จะถูกมนุษย์ทำให้เชื่องแน่! พี่ใหญ่ แบบนี้จะมีอันตรายเกิดขึ้นหรือไม่? ”

เซียวเหยียนลองถามอย่างไม่แน่ใจ

“เซียวเหยียนนายเข้าใจได้ดีอย่างยิ่ง นายพูดถูก เจ้าสัตว์อสูรเหล่านี้ดูเผินๆ เหมือนกำลังแสดงอยู่ แต่ความจริงแล้วพวกมันไม่ง่ายเลยที่จะถูกทำให้เชื่อง ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะนี้ยังไม่มีผู้แข็งแกร่งมานั่งอยู่ด้วย อีกทั้งสัตว์อสูรเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ถูกจับมา มาตอนนี้ยังถูกบังคับโดยมนุษย์ ในใจย่อมมีความเกลียดชัง มีอันตรายแน่นอนอยู่แล้ว”

เฉินเกอเอ่ยพร้อมกับความเศร้าในดวงตา

เฉินเกอไม่ได้เป็นประเภทแม่พระมาเกิด แต่เมื่อเขาทำนายว่าอันตรายบางอย่างกำลังจะมาถึง และเห็นว่าคนบริสุทธิ์จำนวนมากมายกำลังตกอยู่ในอันตราย หากไม่ทำอะไรบางอย่าง เกรงว่าในใจของเขาคงจะอยู่ไม่เป็นสุข

“อย่างนั้นพี่ใหญ่ พวกเราจะทำอย่างไรดี?”

เซียวเหยียนถาม

“เหลือเพียงขับไล่ฝูงชนไปเท่านั้น! ”

เฉินเกอพูดเบาๆ

แน่นอนว่า เขายิ่งย่อมหวังว่า จะไม่มีเรื่องอันตรายใดๆ เกิดขึ้น

“อย่างนั้นพวกเราจะไปบอกพนักงาน! ”

เฉินเปียวเปียวกล่าว

เฉินเกอพยักหน้า

จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปยังโต๊ะทำงาน

ส่วนเฉินเกอก็เริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ครู่ต่อมา

เสียงประกาศก็ดังขึ้น

“ทุกท่านโปรดทราบ วัวเหล่านี้นำมาซึ่งอันตราย โปรดอพยพออกไปโดยเร็วที่สุด! ”

เป็นเฉินเปียวเปียวที่คว้าไมโครโฟนและประกาศขึ้นมา

“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”

ฝูงชนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ทำอะไรน่ะ รีบลงมา อย่ามาขวางพวกเราจะดูการต่อสู้! ”

มีคนตะโกนขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้คนจำนวนมากยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

“เสว่เสว่ เป็นพวกเธอ เพื่อนของเฉิน! ”

ซิ่วซิ่วกลับมีความประทับใจบางอย่างกับพวกเขาทั้งคู่

“อืม! ”

ว่านเสว่ทำเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ

“พวกเธอกำลังพูดอะไรกัน หรือว่าจะมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา?”

ซิ่วซิ่วสงสัย

“ไม่รู้สิ แต่ฉันเชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงจะจัดการได้ดี! ”

ว่านเสว่เพียงแค่ตอบเรียบๆ ขึ้นมา

แน่นอนว่า ไม่นานนักพวกเฉินเปียวเปียวก็ถูกเจ้าหน้าที่ขับไล่ลงมา

“อาจารย์ คนพวกนี้ไม่ฟังเลย!”

เฉินเปียวเปียวเดินมาที่ข้างเฉินเกอด้วยความโกรธ

“ไม่งั้น ฉันจะไปลองดูใหม่! ”

เซียวเหยียนเอ่ย

“ไม่ต้องแล้ว สายไปแล้ว!”

ดวงตาของเฉินเกอหดตัวขึ้นเล็กน้อย

ตอนนี้ เขาจ้องมองไปยังกรงขนาดใหญ่ทำจากเหล็กเชื่อมบนลานสู้วัวกระทิงที่มี

ในขณะที่คนทั้งสองยังไม่ได้มีสมาธิกลับมาดี

“ครืด!”

มีเสียงคำรามดังขึ้น

เสียงนั้นดังลั่น จนทำให้พื้นโดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไปครู่หนึ่ง

ราวกับว่าในช่วงเวลานั้น ท้องฟ้ากำลังถูกผ่าออก

“อ๊า!”

ในลานต่อสู้ มีหลายคนตกใจจนร้องดังลั่น

นั่นเพราะเสียงนั้นช่างทำให้คนรู้สึกสั่นสะท้านด้วยความเกรงกลัวมากเกินไป

“เกิดอะไรขึ้น? ”

สีหน้าของว่านเสว่เองก็ขมวดขึ้นด้วยเช่นกัน เธออดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กับเพื่อนของตน จากนั้นจึงหันไปมองยังด้านในของกรงเหล็กสีดำเข้ม

“ลุงไป๋ ในกรงใหญ่นั้น? หรือว่าจะยังมีอะไรบางอย่างอยู่อีก? ”

ว่านเสว่ถามลุงไป๋ที่อยู่ข้างๆ

เปลือกตาของลุงไป๋กระตุกเล็กน้อย “คุณหนูใหญ่ มี ในนั้น เป็นวัวสีดำตัวขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง เพียงแต่เขาของมันกลับเป็นสีขาวมันดูแปลกประหลาดอยู่บ้าง ดังนั้นมันจึงไม่ถูกปล่อยออกมา! ”

ลุงไป๋กล่าวขณะที่เคลื่อนตัวเข้ามาขวางหน้าว่านเสว่เอาไว้

“คุณหนู ผมรู้สึกว่าสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ! ”

ใบหน้าของลุงไป๋ตึงเครียด ราวกับว่าเขารู้สึกได้ถึงอันตรายครั้งใหญ่

จากนั้น ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

Status: Ongoing

เรื่องย่อ ณวันนั้น พี่สาวกับพ่อแม่ที่ทํางานอยู่ต่างประเทศบอกกับตัวเองอย่างกะทันหันว่า ตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี ครอบครองสมบัติหลายล้าน เฉินเกอคิดในใจว่า ฉันเป็น ทายาทเศรษฐีจริงๆหรอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท