บทที่ 777 ปิดประตู ไม่รับแขก
ในเมื่อเข็มทิศอสุราของแกงค์ดากอน มีความสำคัญมากขนาดนั้น เฉินเกอจึงไม่กล้าที่จะชะลอแม้แต่น้อย หลังจากได้มอบหมายงานเฉพาะต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็รีบไปที่ฐานของแกงค์ดากอน พร้อมกับท่านซินแสกุ่ยทันที
ฐานแกงค์ดากอน ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งอยู่ในภูเขาไท่อู
แน่นอนว่า พื้นที่เขตภูเขาไท่อูนี้ เป็นเขตหวงห้าม
ใครก็ตามที่สามารถเข้าสู่ฐานของแกงค์ดากอนนี้ได้ ก็ต้องเป็นสุดยอดในยอดฝีมือ รักษาความปลอดภัยของพื้นที่หนึ่ง ทำภารกิจที่ จำกัดต่างๆให้สำเร็จ
แน่นอนว่า แกงค์ดากอน ก็ถูกขนานนามเป็น มังกรลึกลับ ในหัวเซี่ยมาโดยตลอด
“หยุนเห้าเทียน นายบ้าไปแล้วใช่ไหม ถึงกล้าพาเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เข้ามาในแกงค์ดากอน แค่นี้ยังไม่พอ ยังจะเสนอให้เขาเป็นโค้ชประจำฐาน?”
ในห้องทำงานของหัวหน้าหลงเย่
ตอนที่หยุนเห้าเทียนพูดเรื่องนี้ออกมาอย่างตื่นเต้น ทำให้หัวหน้าทีมอีกคน รู้สึกเหลือเชื่อในทันที
แม้แต่หลงเย่เองก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
หลงเย่ อายุประมาณหกสิบกว่าปี ดูแล้วผมสีขาวแกมเทา แต่กิริยาท่าทาง กลับเต็มไปด้วยพลังคมเฉียบ
เห็นได้ชัดว่า บุคคลนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
ในฐานะหัวหน้าทีมใหญ่ เขาก็ต้องมีอำนาจที่สงบสุขุมของตัวเองอยู่แล้ว ในเวลานี้สำหรับการถกเถียงของพวกหัวหน้าทีมต่างๆ เขาฟังอย่างเงียบๆอยู่ด้านข้าง
และคนที่คัดค้านหยุนเห้าเทียนโดยตรง คือหัวหน้าทีมของทีมหนึ่ง ชื่อว่า จูเป่าชิ่ง ซึ่งอายุสี่สิบเศษ
สิ่งที่น่าพูดถึงก็คือ เขาเป็นทายาทผู้สืบทอดรุ่นที่สามร้อยหกสิบแปด ของฝ่ามือทรายเหล็ก ฝ่ามือทรายเหล็ก เล่ากันว่า แค่ฝ่ามือเดียว ก็สามารถผ่านทะลุหินแข็งแกร่งได้!
ผู้นำทีมที่เหลือ ก็ไม่ได้เจ้าอารมณ์ขนาดนั้น
ใครจะไม่รู้ว่า หัวหน้าจูของทีมหนึ่ง กับหัวหน้าหยุนของทีมสอง มีความขัดแย้งกันอย่างมาก ในขณะที่ทั้งสองทะเลาะกัน ไม่มีใครกล้าขัดจังหวะ
“จูเป่าชิ่ง นายร้อนรนอะไร ฉันทำอย่างนี้ เพื่อประโยชน์ของฐานแกงค์ดากอนทั้งนั้น ความสามารถของคุณเฉินยอดเยี่ยมไม่ธรรมดา เหนือการจินตนาการของพวกเรายิ่งนัก เขาสามารถมาสอนได้ เป็นเพราะฉันลงแรงอย่างหนัก หัวหน้าหลง คุณก็รู้จักฉันดี เรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือ ฉันจะไม่มีวันทำแน่นอน!”
หยุนเห้าเทียนพูดขึ้น
หลงเย่พยักหน้าเล็กน้อย เป็นเรื่องจริง หยุนเห้าเทียนเป็นคนที่สุขุมใจเย็น ในช่วงหลายปีมานี้ ได้รับความไว้วางใจของตัวเองยิ่งนัก
เขาพูดว่าชายที่ชื่อเฉินเกอนั้น มีพลังเก่งกาจมากเพียงนี้ ถ้าอย่างนั้นเฉินเกอคนนั้น ก็ต้องมีความพิเศษเกินคนธรรมดาแน่นอน
“เอาล่ะ ในเมื่อเห้าเทียนนายตั้งใจนำเสนอ ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขามาลองดู นอกจากนี้ เมื่อกี้นายพูดว่า เขายังมีข้อเสนออะไรอีก?”
หลงเย่อดไม่ได้ที่จะถาม
“อ๋อ คุณเฉินเขาแค่ต้องการใช้เข็มทิศอสุราหน่อย!”
หยุนเห้าเทียนพูดขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จูเป่าชิ่งก็เลิกคิ้วขึ้น
พูดอย่างเคร่งขรึมในทันที “หึม ตัวอะไรกัน ถึงกับกล้าใช้เข็มทิศอสุรา เข็มทิศนี้ เป็นเครื่องวัตถุโบราณที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของแกงค์ดากอน คือของที่คนอื่นอยากจะใช้ก็สามารถใช้ได้หรือ? นี่ยังมีกฎระเบียบอยู่ไหม?”
จูเป่าชิ่งตะคอก
“จูเป่าชิ่ง นายอย่ามากเกินไป ฉันเชิญคุณเฉินมา ก็เพื่ออนาคตและความสามารถโดยรวมของแกงค์ดากอน!”
เห็นว่าทั้งสองกำลังจะทะเลาะกันอีก
หลงเย่รีบห้ามปราม “เอาล่ะ อย่างนี้แล้วกัน เรื่องเข็มทิศอสุรา พักไว้ก่อน มาดูกันก่อนว่าคุณเฉินที่นายพูดถึง สามารถนำอะไรมาสู่แกงค์ดากอนของเรากันแน่?”
เห็นได้ชัดว่าหลงเย่ก็ไม่ใช่คนหูเบา และพูดตามความจริง ครั้งนี้เห้าเทียนได้บรรยายชายหนุ่มในวัยยี่สิบกว่า จนดูขั้นเทพลึกลับถึงสุดขีด มันมากเกินไปจริงๆ!
แม้แต่หลงเย่ ก็เชื่อเพียงสามส่วนเท่านั้น และทั้งหมดเป็นเพราะเห็นแก่หน้าของหยุนเห้าเทียน
“เรื่องนี้ตัดสินใจอย่างนี้ พวกนายถอยได้แล้ว!”
สุดท้ายหลงเย่โบกมือเล็กน้อย
“อะไรนะ? หัวหน้าหลง คุณเฉินมาถึงแล้ว ท่านไม่พบเสียหน่อยหรือ?”
หยุนเห้าเทียนพูดด้วยความประหลาดใจ
ในเวลานี้ นี่ทำให้หลงเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
และจูเป่าชิ่งดูสถานการณ์เป็นยิ่งนัก พูดอย่างเย็นชาในทันที
“หยุนเห้าเทียน ครั้งนี้ระหว่างนายปฏิบัติภารกิจ โดนตีหัวจนโง่ไปแล้วใช่ไหม นายให้หัวหน้าหลงไปเข้าพบเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง?”
“แต่ว่า!”
หยุนเห้าเทียนรู้สึกกังวล
“เอาล่ะ ฉันเหนื่อยแล้ว พวกนายถอยออกไปก่อนเถอะ!”
หลงเย่หันหลังกลับ ยกมือขึ้นออกคำสั่งให้ออกไป
เมื่อกี้จูเป่าชิ่งพูดถูกต้อง ให้ตัวเองไปเข้าพบเด็กวัยรุ่น มันเป็นเรื่องตลกแล้วจริงๆ
ในเวลาเดียวกัน ก็รู้สึกไม่พอใจกับหยุนเห้าเทียนเล็กน้อย คิดว่าหยุนเห้าเทียนเหลาะแหละเกินไป ดังนั้นจึงไม่อยากพูดต่อไปอีก
หยุนเห้าเทียนทำได้เพียงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจ้องเขม็งจูเป่าชิ่งอย่างเย็นชา แล้วก็ถอยออกไปโดยตรง
จูเป่าชิ่งก็ออกมาจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
“หัวหน้าจู คุณว่าคนที่ชื่อเฉินเกอนี่ คงจะไม่ใช่ผู้ช่วยที่หยุนเห้าเทียนเชิญมานะ กำลังจะเลือกรองหัวหน้าของแกงค์ดากอน หยุนเห้าเทียนนี่รู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ ดังนั้น จึงเรียกเขามา?”
ในสถานที่ที่เงียบสงบ
ผู้ช่วยของจูเป่าชิ่ง พูดเสียงเบาในขณะนี้
“หืม จะเฉินเกอแล้วยังไงกัน ต่อให้เชิญมา แล้วจะสามารถทำอะไรได้? นายคิดว่าหยุนเห้าเทียนจะเป็นคู่ต่อสู้ของฉันหรือ? ฉันจะบอกนายนะ เขาเป็นแค่ตั๊กแตนตัวหนึ่ง ฉันไม่ได้มองเขาอยู่ในสายตาเลย เมื่อเทียบกันแล้ว สิ่งที่ทำให้ฉันกังวลยิ่งกว่าคือเข็มทิศอสุรา! คำพูดของหยุนเห้าเทียนในเมื่อกี้ นายก็ได้ยินแล้ว?”
จูเป่าชิ่งมือไขว้หลัง ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นเสียงเบา
“สิทธิ์ในการครอบครองเข็มทิศอสุรานี้ กำลังจะถูกส่งมอบให้คุณในไม่ช้านี้แล้ว แต่ในเวลานี้ หยุนเห้าเทียนดันหาคนมาขอเข็มทิศอสุรานี้ ฉันคิดว่าต้องมีเงื่อนงำแอบแฝงข้างในแน่นอน!”
ผู้ช่วยพูดขึ้น
“ถูกต้อง ดังนั้น เราต้องกวาดล้างอุปสรรคทั้งหมด ใครก็ตามที่กล้าขวางทางของฉันจูเป่าชิ่ง ฉันก็จะให้เขานอนเป็นศพทันที หืม!”
ในขณะนั้น จูเป่าชิ่งเรียกผู้ช่วยมาข้างหู กระซิบรับสั่งอะไรบางอย่าง
จากนั้น ผู้ช่วยพยักหน้า รีบถอยไปดำเนินการทันที เหลือเพียงจูเป่าชิ่ง ที่มีสีหน้าร้ายกาจ
กลับมาพูดถึงเฉินเกอ
หลังจากที่เฉินเกอและท่านซินแสกุ่ยมาถึง ก็ถูกจัดให้อยู่ในห้องรับรอง
เดิมทีคิดว่า ในไม่ช้าก็จะได้เข้าพบปรมาจารย์หลงเย่ หัวหน้าใหญ่ของแกงค์ดากอน
แต่ไม่คิดว่า ได้รอไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม
ในตอนนี้ ก็ได้เห็นหยุนเห้าเทียนเดินเข้ามาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“เฮ้ย ขอโทษจริงๆ คุณเฉิน……”
หยุนเห้าเทียนส่ายหัวและถอนหายใจ
“ฉันคิดว่า คือเรื่องของเข็มทิศอสุรา หัวหน้าใหญ่หลงเย่ ไม่ได้อนุญาตโดยตรงใช่ไหม?”
ท่านซินแสกุ่ยส่ายหัวแล้วยิ้ม
“แค่กๆ ไม่มีอะไรจะปิดบังจากสายตาของท่านซินแสกุ่ยจริงๆ ใช่แล้ว เดิมทีเรื่องนี้ง่ายอย่างปอกกล้วยเข้าปาก หัวหน้าใหญ่ไม่เคยปฏิเสธคำขอเช่นนี้ของฉันเลย แต่ในตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าหัวหน้าใหญ่เกิดอะไรขึ้น ถึงได้ไม่พอใจเช่นนี้ แต่ไปฟังของจูเป่าชิ่งนั่น!”
หยุนเห้าเทียนโกรธมากจนทุบโต๊ะ
“เมื่อกี้ ท่านซินแสกุ่ยก็ได้บอกผลลัพธ์นี้กับฉันแล้ว ดังนั้นคุณหยุนไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองมากนัก คิดว่า น่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่หลงเย่ ไม่เชื่อในความสามารถของฉันเท่านั้นเอง อย่างนี้แล้วกัน ตอนบ่ายคุณช่วยฉันรวบรวมเด็กฝึกที่จะทำการฝึกทดลอง ฉันช่วยคุณทำการฝึกซ้อมก่อน!”
เฉินเกอยิ้ม
หลายเรื่องนั้น ท่านซินแสกุ่ยก็ได้ให้คำแนะนำแก่เฉินเกอไม่น้อย
ความหมายของคนอื่นชัดเจนมากแล้ว ก็คืออยากจะดูความสามารถของคุณ
ถ้าเป็นเช่นนี้ เฉินเกอก็ไม่ปิดกั้นที่จะแสดงฝีมือให้ดู
“ได้ แค่คุณเฉินไม่โกรธก็ดีที่สุดแล้ว อย่างนี้แล้วกัน ตอนเที่ยงแล้ว เราไปทานข้าวในฐานก่อน หลังจากทานอาหารเสร็จ ฉันจะรวบรวมเด็กฝึกทันที ฉันจะให้คนนำอาหารมาตอนนี้เลย!”
หยุนเห้าเทียนยิ้มขออภัย
“ฉันว่าไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้แล้ว ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับแกงค์ดากอนเท่านั้น แต่ยังไม่เคยเห็นฐานของแกงค์ดากอน เลยจริงๆ อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันสามารถเปิดหูเปิดตาหน่อยพอดีเลย มังกรลึกลับของหัวเซี่ย คือลักษณะยังไงกันแน่? ก็ไปทานข้าวในโรงอาหารของฐานแล้วกัน? ไม่ทราบว่าคุณหยุนสะดวกไหม?”
ท่านซินแสกุ่ยในเวลานี้ กลับยิ้มอย่างลึกลับ แล้วถามขึ้น
“อ๊าก? สะดวกสิ สะดวกแน่นอน หลังจากนี้ คุณเฉินจะเป็นครูฝึกของฐานทัพเรานะ พอดีเลย เดี๋ยวระหว่างทางฉันจะแนะนำสิ่งก่อสร้างของแกงค์ดากอน ให้กับคุณเฉินและท่านซินแสกุ่ย!”
หยุนเห้าเทียนพูดยิ้ม
เฉินเกอไม่รู้ว่าท่านซินแสกุ่ยคิดแผนการอะไรไว้ในใจ แต่ว่าในเมื่อเขาอยากจะดูฐานแกงค์ดากอน นั้นก็ต้องมีมีความหมายของเขาแน่นอน
ดังนั้น สามคนจึงเดินไปที่โรงอาหารของแกงค์ดากอนด้วยกัน……