ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! – ตอนที่ 791

ตอนที่ 791

บทที่ 791 นัดหมาย

“ไอ้หยา มันช่างดีเสียจริง ต่อไปนี้คุณผู้ชาย ก็จะเป็นราชาเป่ยจิ้งของขอบเขตผู้ฝึกตนที่ทั่วโลกยอมรับ!” เสี้ยวชางเซิงกับพวกกระซิบคุยกัน สุขใจอย่างหาอะไรมาเปรียบไม่ได้

และสำหรับเฉินเกอนั้น กลับเห็นเป็นเรื่องที่ธรรมดา

ชื่อเสียงเกียรติยศเหล่านี้ เฉินเกอปลงกับมันไปตั้งนานแล้ว

“เห่อๆ นอกจากนี้ ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ ท่านเจ้าสำนักของสำนักจ้งโล๋ ยังไหว้วานข้าน้อยอีกเรื่องหนึ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่!”

ท่านนักพรตเจหยิ่งกล่าว

“ท่านนักพรตพูดมาเลย!”

เฉินเกอพยักหน้า

“ได้ยินมาว่า เฉินเตี๋ยนชางราชาหนานย่า มีความเกี่ยวข้องกับท่าน อีกอย่าง กฎระเบียบของสำนักจ้งโล๋ ขอบเขตผู้ฝึกตนก็คือขอบเขตผู้ฝึกตน จะไม่ยุ่งเรื่องของคนทางโลก นี่คือสิ่งที่แบ่งแยกกันตั้งแต่ต้น แต่ว่าวันนี้ความแค้นของท่านทั้งสอง มีผลกระทบที่ใหญ่หลวง เมื่อวานท่านได้สังหารคุณชายใหญ่ของตระกูลโถ้ป๋า……เห่อๆ ท่านเจ้าสำนักก็ไม่ได้มีความหมายอื่นใดหรอก เพื่อความสงบมั่งคงของขอบเขตผู้ฝึกตน หวังว่าท่านทั้งสอง จะสามารถมานั่งจับเข่าคุยกันดีๆ!”

ท่านนักพรตเจหยิ่งเสนอแนะ

“ท่านนักพรตคำพูดนี้ไม่ถูกต้องนัก ไม่ใช่ผมเฉินเกอที่เป็นคนตอแยไม่เลิก แต่มีคนมาตอแยผมเฉินเกอเอง แต่ในเมื่อท่านได้เอ่ยปากแล้ว ผมสามารถรับปากท่าน หากมีโอกาส ผมจะไปเจรจากับเฉินเตี๋ยนชางเอง สิ่งที่จะไปเจรจา เขาต้องปล่อยคนในครอบครัวของผมทั้งหมด!”

เฉินเกอกล่าวพอเป็นพิธี

ถึงจะโง่ยังไงก็รู้

เฉินเตี๋ยนชางเพื่อที่จะจัดการเฉินเกอ ได้เริ่มวางแผนการตั้งแต่คนรุ่นๆก่อนของครอบครัวตัวเองมาแล้ว

เขาไม่มีทางที่จะวางมือเพียงเพราะคำพูดคำเดียวของสำนักจ้งโล๋

และเขา ทำร้ายตัวเองตั้งมากมาย ยังไงเสียก็ต้องชดใช้

ถึงอย่างไร สำหรับเรื่องเหล่านี้ เฉินเกอก็เข้าใจความหมายของพวกสำนักจ้งโล๋ดี

ก็คืออย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เข้าไปยุ่งกับทางโลก

ให้ทำแบบนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

“อย่างนี้ก็จะดีมาก แบบนี้แล้ว ฉันก็สามารถที่จะกลับไปรายงานตามนี้! ใต้เท้าเฉิน ฉันขอลา!”

“เห้ย มันช่างดีมากเสียงจริง ราชาเป่ยจิ้ง ชื่อนี้ช่างโด่งดังเหลือเกิน!”

หลังจากที่นักพรตเจ่หยิ่งจากไป ทุกคนต่างตื่นเต้นไม่หยุด

ต่างวิภาษณ์วิจารณ์กัน

แต่เฉินเกอกลับสงบใจลงไม่ได้

อนาคตที่รอตัวเองอยู่ ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ

เพียงหวังว่าเวลานี้ คนในครอบครัวตัวเอง จะสามารถอยู่รอดปลอดภัย!

โวงๆๆ!

ในเวลานี้

จู่ๆเรือก็เขย่าอย่างรุนแรง

คลื่นทะเลปั่นป่วนอย่างรุนแรง

“หือ?”

เฉินเกอคิ้วขมวด

ร่ายมนตร์คาถา พริบตาเดียวคลื่นทะเลก็สงบลง

ในเวลาเดียวกัน พลังที่ยิ่งใหญ่นี้ ได้ดึงดูดความสนใจของเฉินเกอ

ขณะนั้นจึงได้เปิดเนตรสวรรค์ สอดส่องโดยตรง

จากนั้นไม่นาน เฉินเกอจึงปิดเนตรสวรรค์

“พวกท่านรออยู่ที่นี่ไม่ต้องร้อนใจ ฉันไปสักพักก็กลับมา!”

เฉินเกอพูดอย่างเรียบเฉย ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูด ร่างทั้งร่างก็ได้หายไปแล้ว

ประเทศหนานเยว่ มีภูเขามากมายในอาณาเขต

มีภูเขาลูกหนึ่ง ชื่อว่าภูเขาว่านเยว่ เพราะว่าภูเขาว่านเยว่มียอดสูง ตั้งตระหง่านอยู่บนเมฆ

เสมือนเป็นทางเชื่อมฟ้ากับดิน

สามารถมองเห็นท้องฟ้าและภูเขา ดังนั้นจึงชื่อยอดเขาว่านเยว่

เวลานี้ ด้านหน้ายอดเขาว่านเยว่ รายล้อมด้วยเมฆหมอก

ยอดเขา มีศาลาสูงหลังหนึ่ง ในศาลา ชายชราชุดดำ เอามือไขว้ไว้ที่ด้านหลัง มองไปที่ภูเขาและแม่น้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุดในเบื้องหน้า

เพราะว่ามันสูงมาก ที่นี่คนจึงมากันน้อยมาก

เฉินเกอค่อยๆเดินเข้ามา

“เมื่อหลายเดือนก่อน เพราะการตายของคุณ ทำผมเสียใจไม่น้อย หลายเดือนก่อน คุณยังเป็นปู่ที่ผมเคารพมาโดยตลอด ผมมีความภาคภูมิใจที่มีปู่อย่างคุณ คุณก็ทำให้ผมได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของญาติ!”

เฉินเกอมองหลังของชายชรา อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างขมขื่น

“เห่อๆ เสี่ยวเกอ ช่วงเวลานี้ที่ไม่ได้เจอกัน ไม่เฉพาะความสามารถ แต่อารมณ์ของแกก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก เมื่อกี้ฉันยังคิด แกเห็นฉันแล้ว จะมีปฏิกิริยายังไง แต่ไม่ว่ายังไง มันก็ต้องตื่นตาตื่นใจถึงจะถูก ก็เหมือนที่แกพูด หลายเดือนมานี้ เกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมาย !”

เฉินเตี๋ยนชางขณะที่พูด พลางค่อยๆหันหลังกลับมา

สี่ตาประสานกัน ทั้งสองต่างสงบเยือกเย็นทั้งคู่

“ก็เหมือนที่แกพูดเมื่อกี้ ฉันไม่ใช่ฉันคนเดิมตั้งนานแล้ว!”

เฉินเกอกล่าวอย่างเรียบเฉย: “ฉันคิดว่า จุดประสงค์ที่เราเจอกันในวันนี้ แกฉันต่างเข้าใจมันอย่างชัดเจน ดังนั้น เรามาพูดกันตรงๆดีกว่า แกปล่อยคนในครอบครัวของฉัน พวกเขากับความแค้นของเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน !”

“ปล่อยคน? เห่อๆ ฉันรับปากแก พวกจิ้นตง หรือแม้กระทั่งคนรักของแกซูมู่หาน ฉันก็จะปล่อยเธอ

เฉินเตี๋ยนชางกล่าว

“หือ? แกได้จับมู่หานไปด้วยเหรอ?”

เฉินเกอได้ยินแล้ว อดไม่ได้ที่จะกลัวเล็กน้อย

“ใช่ ตอนแรกซูมู่หานได้ถูกไท่หยางเหมิงจับตัวไป เธอไม่เพียงแต่ยังไม่ตาย แต่ครั้งนี้ ยังเป็นตัวแทนของโลกยู่ มาถึงโลกมนุษย์แล้ว ฉันรู้เสี่ยวเกอแต่ไหนแต่ไรแกก็อยากที่จะให้คนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากัน นี่ไง ฉันก็ได้รับพวกเขามาแล้ว ให้เธอและพวกจิ้นตงอยู่ด้วยกัน!”

เฉินเตี๋ยนชาง

“แกมันไอ้คนต่ำช้า!”

เฉินเกอโกรธ

ขณะนั้น มือได้ดึงกระบี่ออกมา

พริบตาเดียว ประกายของแสงกระบี่ได้ส่องไปทางเฉินเตี๋ยนชาง

เฉินเตี๋ยนชางวันนี้ก็คือต้องการที่จะยั่วโมโหเฉินเกอ

ทว่าหลังจากที่เห็นความสามารถที่แท้จริงของเฉินเกอแล้ว

หนังตาอดไม่ได้ที่จะกระตุกเล็กน้อย

มันคือหลุนหวาง! การโจมตีนี้ ร้ายกาจมากนัก!

และก็เห็นเฉินเตี๋ยนชางยื่นสองมือออกมา

“เกราะคุ้มกายโม๋โล๋!”

แสงสีดำส่องเป็นฝาครอบสีใส พริบตาเดียวก็ปกคลุมร่างเฉินเตี๋ยนชางเอาไว้

บู้ม!

แสงสีทองกับสีดำแสงสองสีนี้ปะทะกันอย่างดุเดือด

แสงพราวแพรวทแยงตาทันที

สาดกระจายด้วยคลื่นแสง ทำให้ต้นหญ้าใบไม้ทั้งภูเขาเหี่ยวเฉาทันที

โวง!

ศาลาที่เฉินเตี๋ยนชางอยู่นั้น ก็ถล่มลงมาทันที กลายเป็นเศษชิ้นส่วนกระจัดกระจายไปโดยรอบ

ชั่วพริบตาเดียว เศษฝุ่นละออง เศษหินกระจายทั่วอากาศ

เดิมที เฉินเตี๋ยนชางต้านแสงกระบี่ของเฉินเกอ เป็นเรื่องที่ง่ายมาก

อย่างไรเสียเขาก็เป็นขอบเขตหลุนหวางชั้นสามเหมือนกัน

แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ

เพลงกระบี่ที่แปลกประหลาด เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

เหมือนมีพลังหลายชั้นมาช่วยกันขับเคลื่อนแสงของกระบี่

ก็เห็นกระบี่ทองยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ พลังก็ยิ่งอยู่ยิ่งแรง

เพรี้ยง!

เกราะคุ้มกายโล๋โม๋ที่ปกคลุมร่างเฉินเตี๋ยนชางไว้ เหมือนดังกระจก ได้แตกสลายโดยตรง

แย่แล้ว!

ขณะนั้น เฉินเตี๋ยนชางรีบเก็บพลัง หลบหลีกอย่างรวดเร็ว

บู้มๆๆ!

พื้นดินแตกระแหง แสงกระบี่ได้พุ่งไปที่หน้าผาฝั่งตรงข้าม ทิ้งหลุมลึกสามถึงสี่เมตร!

เฉินเตี๋ยนชางถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว ส้นเท้าได้ไปถึงขอบหน้าผา ถึงได้หยุดตัวเองไว้ได้

“อะไรเนี่ย?”

เฉินเตี๋ยนชางทำตาโตแล้วสูดลมหายใจเข้า

“นี่มันคือเพลงกระบี่อะไร? พวกนี้ แกไปเรียนมาจากที่ไหน?”

เฉินเตี๋ยนชางแปลกใจ

“ในวิชากำลังภายในสวนเทียน มีเพลงกระบี่อยู่ชุดหนึ่ง ชื่อว่ากระบีพิลึก! มีไว้เพื่อปราบพวกวิชามารนอกรีตอย่างแก!”

เฉินเกอกล่าวอย่างเยือกเย็น

“น่าทึ่งจริงๆ ดูท่า แกน่าจะได้รับการถ่ายทอดพลังจากร่างของหลินเซียวเทพแห่งสงครามมาทั้งหมดแล้ว แต่เฉินเกอ พวกเราต่างก็เป็นขอบเขตหลุนหวางชั้นสาม เราต่างก็อยู่ระดับสูงสุดของบนโลกใบนี้ อย่าคิดว่าวิทยายุทธของแกเก่งกาจ ฉันก็จะพ่ายแพ้ให้กับแก!”

“ช่วงเวลานี้ ฉันเหนื่อยเกินไปแล้ว เอาอย่างนี้เรามานัดหมายกัน พรุ่งนี้เวลาบ่าย ที่ประเทศหนานเยว่ตรงหอสยบมังกร พวกเรามาสู้กันสักรอบ พรุ่งนี้ ฉันจะพาคนในครอบครัวของแกไปด้วย เรามาตัดสินแพ้ชนะ และตัดสินว่าใครอยู่ใครตาย!”

เฉินเตี๋ยนชางไขว้มือไว้ด้านหลัง กล่าวอย่างเยือกเย็น

ถึงแม้ สีหน้าเขาดูแล้วเหมือนจะไร้ความรู้สึก

แต่ฝ่ามือของเขา เนื้อระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ฉีกขาด เลือดไหลเนื้อเละ บนแขน เส้นเอ็นก็บวมขึ้นมา มือกำลังสั่นอย่างรุนแรง……….

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

Status: Ongoing

เรื่องย่อ ณวันนั้น พี่สาวกับพ่อแม่ที่ทํางานอยู่ต่างประเทศบอกกับตัวเองอย่างกะทันหันว่า ตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี ครอบครองสมบัติหลายล้าน เฉินเกอคิดในใจว่า ฉันเป็น ทายาทเศรษฐีจริงๆหรอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท