เยี่ยเม่ยหน้าแดง ไม่ใช่เพราะความขวยเขินทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะนางรู้สึกว่านางรับไม่ไหว
ครอบครัวสุขสันต์สามัคคีอะไรกัน ไม่ได้พูดถึงนางเลยสักน้อย
นางคิดอยากทำลายบ้านเขา แล้วยังจะสังหารคนในครอบครัวเขาด้วย
เหมือนกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเข้าใจความคิดเยี่ยเม่ย เขากุมมือนางไว้ น้ำเสียงน่าฟังค่อยๆ เอ่ย “บ้านที่เยี่ยนพูดถึง มีเพียงพวกเราสองคน เจ้าและข้า”
“อืม!” เยี่ยเม่ยพยักหน้า ดวงตาอึดอัด ทำท่าแสดงความเห็นอย่างจริงจัง “หากท่านพูดแบบนี้ คำพูดของท่านก็ไม่ผิดเลย !”
นอกประตู
อวี้เหว่ยยืนลังเลอยู่ด้านนอก มองยาป้องกันบุตรในมือ อ้อ…เขาสมควรยกเข้าไปดีหรือไม่ ดูจากความสัมพันธ์ของเตี้ยนเซี่ยและเยี่ยเม่ยแล้ว คล้ายจะไม่เหมือนเมื่อก่อนอีก บางทีพวกเขาอาจไม่คิดดื่มเจ้านี่แล้วก็เป็นได้ หากเขายังยกเข้าไป นั่นไม่ใช่รนหาที่ตายหรือ
แต่ว่า หากยังจะดื่มเล่า
เขาไม่ยกเข้าไปก็เท่ากับว่าทำงานไม่เรียบร้อยอีก อวี้เหว่ยรู้สึกตัวเองเป็นเหมือนกอหญ้าน้อย มีชีวิตอยู่บนทางแยก ทางไหนก็เต็มไปด้วยอันตราย มีชีวิตอย่างยากลำบากเหลือเกิน
หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง เขามองไปด้านใน เห็นองค์ชายสี่และพระชายาพูดภาษากายกันเกือบจบแล้ว ดังนั้นจึงยกยาในมือเข้าไป
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นแล้ว ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นอะไร นี่คือสิ่งที่เขาสั่งการไปก่อนหน้า ดังนั้นจึงไม่โทษอวี้เหว่ย
เดิมทีเยี่ยเม่ยไม่คิดคลอดลูกให้เขา
เมื่อเห็นอวี้เหว่ยยกของเขามา เยี่ยเม่ยรับเอาไป
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพลันเอ่ยปากว่า “เจ้า…”
เพียงแต่หลังเอ่ยออกมาคำหนึ่งก็ไม่เอ่ยคำอื่นต่อ ความจริงเขาอยากบอกว่า สิ่งนี้ไม่ดีต่อสุขภาพสตรี จะทำลายมดลูก หากเอาแต่ดื่มยาติดต่อกันเป็นเวลานานก็จะตั้งครรภ์ได้ยาก ทั้งยังส่งผลเสียต่อร่างกายนางมาก
แต่ในเวลานี้…
หากเขาห้ามนาง ก็เท่ากับผิดคำพูด ทั้งยังน่าสงสัยว่าเขาอยากให้นางตั้งท้องลูกของเขาด้วย ดังนั้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยแค่นี้ก็หยุดชะงักไป
เยี่ยเม่ยมองเขา ถามว่า “ทำไมไม่อยากให้ข้าดื่มหรือ”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกำหมัดแน่น สุดท้ายก็เอ่ยตามสัตย์ “ถูกต้องเยี่ยนย่อมไม่อยากให้เจ้าดื่ม! ไม่ใช่เพื่อทายาทสืบสกุล เพื่อร่างกายของเจ้า ของสิ่งนี้ดื่มไปแล้วไม่เป็นผลดี! เพียงแต่…”
เพียงแต่ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขากำหนดแล้วว่านางต้องดื่มมันลงไป
แต่ว่าท่าทีของนางที่มีต่อเขาตอนนี้ถึงเปลี่ยนไปแล้ว แต่ว่าความแค้นที่มีต่อราชสำนักเป่ยเฉินก็ยังดำรงอยู่ไม่หายไปเลยสักนิด นางย่อมไม่คิดคลอดทายาทรุ่นหลังของราชสำนักเป่ยเฉิน
เยี่ยเม่ยเลิกคิ้ว
ปล่อยมือถ้วยยาในมือนางก็ตกสู่พื้น ยาในถ้วยกระเซ็นทั่วพื้น เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตะลึงงัน อวี้เหว่ยเองก็ตะลึงงัน มองนางอย่างไม่อยากเชื่อ ไม่รู้ว่านางมือลื่นหรือว่า…
แต่ด้วยวรยุทธ์ติดตัวนาง หากบอกว่ามือลื่นก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย
เห็นสองนายบ่าวอยู่ในห้วงตะลึง เยี่ยเม่ยก็อธิบาย “ข้าเพิ่งมีรอบเดือนไป ช่วงนี้ถือเป็นระยะปลอดภัย โอกาสตั้งครรภ์แทบจะเป็นศูนย์ ดังนั้นในเมื่อท่านไม่อยากให้ข้าดื่ม ครั้งนี้ก็ไม่ต้องดื่ม!”
แน่นอนว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกับอวี้เหว่ยไม่เข้าใจว่าอะไรคือระยะปลอดภัย แต่ว่าท่านหมอสามารถกะระยะเวลาว่าช่วงใดจะตั้งครรภ์ได้ง่าย หรือช่วงใดตั้งครรภ์ได้ยาก เรื่องพวกนี้พวกเขาพอจะรู้มาบ้าง
ดูท่าคำว่าระยะปลอดภัยของเยี่ยเม่ยน่าจะหมายถึงอย่างนี้แล้ว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟังกลับหัวเราะออก เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นระยะปลอดภัย นั่นมิได้หมายความว่า หลายวันนี้เยี่ยนก็ไม่ต้องควบคุมตัวเอง ฮูหยินก็ไม่ต้องกังวลว่าจะตั้งครรภ์แล้วหรือ”
เยี่ยเม่ย “…” ไฉนท่านถึงมีความสามารถนักนะ
เขาเคี่ยวกรำนางมาตลอดช่วงบ่าย ซ้ำยังทำเรื่องแบบนั้นบนรถม้าเขายังไม่พอใจอีกหรือ
เห็นสีหน้ายิ้มแต่ไม่ยิ้มของเขา คล้ายคิดเอาเปรียบนาง เยี่ยเม่ยเข้าใจว่า ไม่ผิด เขายังไม่พอใจ ไม่พอใจเลยสักนิด
อวี้เหว่ยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ด้านข้าง
ถึงแม้พระชายามิได้บอกว่าต่อไปจะไม่ดื่มอีก แต่ว่าสรุปแล้วครั้งนี้ก็ไม่ดื่ม นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ภายหน้าไม่แน่ว่าจะเป็นแบบครั้งนี้อีก คิดว่าอยู่ในระยะปลอดภัยจึงไม่ดื่มยา
อย่างงั้นก็ดีเลยเชียว
เยี่ยเม่ยเข้าใจดีว่าถึงระยะปลอดภัยจะมีโอกาสตั้งครรภ์ต่ำ แต่ว่ามิได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสตั้งครรภ์เลย
ดังนั้น ก็ยังเสี่ยงอยู่บ้าง
แต่ว่า…
หากไม่ทันระวัง ท้องแล้ว นางก็ได้แต่ยอมรับชะตา หากในชะตานางเด็กคนนี้ต้องเกิดมา นางก็ได้แต่ยอมรับแล้ว
สรุปแล้วนางก็ไม่อาจแต่งงานกับคนอื่นได้ ราชวงศ์จงเจิ้งก็เหลือนางเป็นผู้สืบทอดคนเดียว ดังนั้นหากไม่มีลูกเลย สายเลือดของจงเจิ้งก็จบสิ้นแล้ว
เห็นนางมีท่าทางครุ่นคิด
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับยิ้มออก เขาคิดเช่นเดียวกันนาง “หากฮูหยินตั้งครรภ์ขึ้นมา เด็กคนนี้ก็ยกให้แซ่เดียวกับฮูหยินแล้ว!”
อวี้เหว่ย “…” เตี้ยนเซี่ยท่านอย่าทำแบบนี้ได้ไหม!
ในวันแต่งงานท่านก็ข้ามกระถางไฟเอง ถูกคนหัวเราะเยาะเย้ยมากพอแล้ว ตอนนี้เด็กยังไม่ให้ใช้แซ่ตามตัวเอง ท่านยังเหลือศักดิ์ศรีอยู่บ้างหรือเปล่า
แม่นางเยี่ยเม่ย ท่านอย่าได้ทำลายเตี้ยนเซี่ยเลย อย่าทำให้เตี้ยนเซี่ยไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีของบุรุษเชียวนะ!
คิดไม่ถึงว่า
เยี่ยเม่ยฟังแล้ว มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนด้วยสายตาชื่นชม “พูดตามจริงแล้ว นี่ก็นับว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว!”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มแล้ว
เดิมเขาไม่ใส่ใจเรื่องการสืบทอดวงศ์ตระกูล ที่เขาใส่ใจมีแต่เยี่ยเม่ยเท่านั้น ถึงขั้นว่าเขาไม่ชอบให้เด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อแย่งความอ่อนโยนที่มีอยู่น้อยนิดของเยี่ยเม่ยกับเขา
เพียงแต่เขาไม่อยากให้นางดื่มยามากไปจนทำลายร่างกายนาง
เยี่ยเม่ยยังเสริมขึ้นว่า “ท่านอย่าคิดว่าท่านพูดแบบนี้ ระยะอันตรายคราวหน้าข้าจะไม่ดื่ม ข้าไม่คิดจะคลอดลูกให้ท่าน… !”
ในเมื่อนางเอ่ย เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตรึกตรองสักพักก็จบลง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ภายหน้าหากอยู่ในระยะอันตราย เยี่ยนจะไม่แตะต้องฮูหยิน”
เยี่ยเม่ยไม่ตอบ ช่างเป็นความคิดที่ดีนัก!
อย่างนี้ก็ดี ความจริงนางกังวลมาตลอด ตอนนี้นางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนดีกันแล้ว จากที่คนผู้นี้ครอบครองนางราวกับสัตว์กระหายมาตลอดทาง ภายหน้าคงจะถูกเขาเคี่ยวกรำอยู่เรื่อยใช่หรือไม่ เพราะเรื่องระยะอันตรายระยะปลอดภัยครั้งนี้ กลับช่วงชิงเอาเวลาผ่อนคลายมาได้บ้าง
อวี้เหว่ยฟังอยู่ด้านข้างก็หมดคำพูดแล้ว ช่างเถอะ พวกท่านดีใจก็พอ ข้าไม่สนใจ
จากนั้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ไม่โง่งม ถามเยี่ยเม่ยว่า “อย่างนั้นฮูหยิน ระยะอันตรายของทุกเดือนมีกี่วันกัน”
เยี่ยเม่ยรีบตอบมั่วซั่ว “ครึ่งเดือน! ครึ่งเดือนเป็นช่วงอันตรายมาก!”
“อย่างนั้นหรือ” เห็นท่าทางจริงจังของนาง เขาก็เลิกคิ้ว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พรุ่งนี้เยี่ยนจะถามท่านหมอเพื่อความเหมาะสมเสียหน่อย กันมิให้ขัดขวางความสุขของเยี่ยนกับพระชายารัก”
เยี่ยเม่ย “…ก็ได้ เก้าวัน!”