บทที่ 906 ช่วยคน
จนกระทั่งดึกไม่มีผู้คนแล้ว ทั้งสามคนจึงได้กลับไปนอนในเต็นท์
ทั้งสามคนนอนในเต็นท์เดียวกัน แบบนี้ก็เพื่อที่จะได้ป้องกันเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด
ขอเพียงมีความเคลื่อนไหวที่อันตราย ทั้งสามคนจะได้ช่วยเหลือกันทันท่วงที
แต่คืนนี้มันก็ได้ผ่านไปอย่างเงียบสงบ
จนกระทั่งเช้าวันที่สอง ทั้งสามคนตื่นนอนขึ้นมา
เฉินเกอตื่นแล้วก็ออกไปจากเต็นท์เลย ก็ได้เห็นซากหมูป่ามีสัตว์ต่างๆ มาแทะกิน
มีพวกนกอินทรีและแร้งกำลังจิกซากหมูป่าอยู่
เฉินเกอเห็นแล้ว ก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไร
เก้าโมงเช้า ทั้งสามคนเก็บข้าวของเรียบร้อยก็ได้ออกเดินทางต่อเลย
ทั้งสามคนได้เดินเข้าไปในป่าลึก
ตามแผนที่ที่ท่านฟ่านให้ตัวเองไว้ ต้องเดินตามเขตภูเขาหินฟอสเฟตเสียก่อน ขั้นตอนที่สองจึงจะเสร็จสิ้น
ภูเขาหินฟอสเฟตกว้างใหญ่ไพศาล ไม่ใช่แบบที่จะสามารถมองเห็นขอบเขาได้ในชั่วพริบตา
อีกอย่างทั้งสามคนต่างไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะยังมีอันตรายอะไรที่ยังรอพวกเขาอยู่ ทำได้เพียงก้าวเดินอย่างระมัดระวัง
ไม่เพียงแต่พวกสัตว์ป่าพืชพันธุ์ต่างๆ ยังมีพวกนักล่าอีกด้วย พวกเขาได้เข้ามาในเขตภูเขาฟอสเฟต สามารถพูดได้ว่าอันตรายเต็มไปรอบด้าน
หลังจากที่เร่งเดินทางมาสองชั่วโมง เฉินเกอทั้งสามคนได้มาถึงลำธารแห่งหนึ่ง
ทั้งสามคนได้หยุดตรงลำธาร พักผ่อนกันแล้วก็เติมน้ำด้วย
“เฉินเกอ พวกเราต้องเดินกันอีกนานแค่ไหน?”
เจินจีนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง มองไปที่เฉินเกอแล้วถาม
เฉินเกอก็ส่ายหัวเล็กน้อย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แผนที่ของท่านฟ่านไม่ได้เขียนไว้ เพียงแต่ให้พวกเราเดินออกไปจากเขตภูเขาฟอสเฟต”
สำหรับเขตภูเขาเฟสฟอตนั้นกว้างใหญ่แค่ไหน เฉินเกอก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ไม่ได้ศึกษามาก่อน สิ่งที่พวกเขาสามารถที่จะทำได้ก็คือเดินตามแผนที่ที่ท่านฟ่านให้มา ให้เดินออกไปจากเขตภูเขาฟอสเฟตเสียก่อนค่อยว่ากัน
“ชูบ!”
ในเวลานี้ ลูกธนูได้บินผ่านด้านหน้าของทั้งสามคน
เฉินเกอทั้งสามคนทันใดนั้นก็ได้มองตามทิศทางของลูกธนูไป
ก็เห็นชายชุดดำหลายคน กำลังถือคันธนูยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของพวกเขา
“แย่แล้ว เป็นพวกนักล่า!”
เฉินเกอเห็นแล้ว ก็ได้พูดขึ้นทันที
พูดจบ เฉินเกอก็รีบดึงตัวเจินจีกับเล๋ยเล่จากไป
แต่พวกนักล่าก็ยังคงได้ยิงธนูมาทางเฉินเกอทั้งสามคนอย่างไม่ยอมหยุด พริบตาเดียวบินมารอบทิศทาง
ยังดีที่ทั้งสามคนไหวพริบดี ได้หลบเข้าไปในป่าได้ทันท่วงที จึงได้หลบพ้นการจู่โจมของนักล่าเหล่านั้น
“แม่งเอ๊ย ทำไมถึงได้มาเจอคนพวกนี้ในนี้ได้เนี่ย ช่างโชคร้ายเสียจริง” !
เล๋ยเล่บ่นด้วยสีหน้าที่เซ็งๆ
“เห่อๆ พวกเรามีกันแค่สามคน แต่ว่าพวกนักล่าสัตว์พวกเขาได้แบ่งกลุ่มย่อยเป็นหลายกลุ่มในการเคลื่อนไหว ดังนั้นพวกเราจึงง่ายต่อกันถูกพบเห็น!”
เฉินเกอก็ได้อธิบายให้กับเล๋ยเล่ฟัง
รอจนกระทั่งทุกอย่างเงียบสงบ มั่นใจว่าพวกนักล่าเหล่านั้นไม่ได้ตามมาแล้ว เฉินเกอทั้งสามคนจึงได้โล่งใจ
ทั้งสามคนต่างโล่งใจจากนั้นก็ได้เดินทางกันต่อ
เพียงแต่ทั้งสามคนไม่กล้าที่จะเดินเลาะตามลำธารแล้ว แต่กลับเดินมุ่งหน้าเดินเข้าไปในป่า
อยู่ในป่าจะไม่ง่ายต่อกันถูกพบเจอ อีกอย่างถึงแม้จะถูกพบเห็นก็ง่ายต่อการหลบหนี
แต่หากอยู่ในสถานที่แจ้งก็จะไม่เหมือนกัน มันง่ายต่อการถูกพบเห็น อีกอย่างก็ไม่มีที่ให้หลบด้วย ก็จะถูกไล่ล่าทำร้าย
หลังจากที่เดินทางไปประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งสามคนก็พบบ้านคนในป่า
“เฮ้ย พี่เฉิน พวกคุณรีบดูเลย ตรงนั้นมีบ้านคนด้วย!”
เล๋ยเล่ก็ได้อุทานออกมาต่อหน้าเฉินเกอและเจินจี
เฉินเกอกับเจินจีก็รีบมองไปทางนั้นทันที
ทั้งสามคนต่างแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าในป่าลึกแห่งนี้จะมีคนมาอยู่อาศัย มันช่างทำคนที่พบเห็นให้ประหลาดใจเสียจริง
“ไป ไปดูกันหน่อย ไม่แน่อาจจะถามทางได้!”
หลังจากที่นิ่งสักพัก เฉินเกอก็พูดกับเขาทั้งสองคน
พูดจบ ทั้งสามคนก็รีบเดินไปยังบ้านหลังนั้นทันที
เพียงแต่พวกเขาก้าวเดินไปไม่กี่ก้าว ทั้งสามคนก็ได้ถอยกลับมาทันที ได้หลบเข้าไปในป่าอีกครั้ง
เพราะว่าพวกเขาทั้งสามคนเห็นนักล่าเหล่านั้นไปถึงยังประตูบ้านหลังนี้ก่อน และก็ได้พุ่งเข้าไปในบ้านโดยตรง
“อ้า!”
หลังจากที่เข้าไปแล้ว ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงร้องโหยหวนดังออกมา
หลังจากที่ได้ยินเสียง เฉินเกอทั้งสามคนก็ได้มองตามกัน
ทั้งสามดูก็รู้ว่าเป็นนักล่าสัตว์เหล่านั้นที่ลงมือทำร้ายคนในบ้าน เหมือนอยากจะฆ่ายกครัว ช่างผิดมนุษย์มนาเสียจริงๆ
“เฉินเกอ พวกเราต้องช่วยพวกเขาแล้วมั้ง นักล่าพวกนี้ทำเกินไปแล้ว!”
เจินจีเวลานี้ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงได้รีบเสนอกับเฉินเกอทันที
เฉินเกอฟังแล้ว ก็พยักหน้าโดยไม่โต้แย้งใดๆ
“เล๋ยเล่ นายก็หลบอยู่ในนี้อย่าขยับเด็ดขาด รอให้พวกเราจัดการเรียบร้อยแล้วนายค่อยออกมา!”
ก่อนที่จะลงมือ เฉินเกอยังไม่ลืมที่จะมองไปทางเล๋ยเล่แล้วกำชับ
แน่นอนเล๋ยเล่ก็ต้องเชื่อฟังเฉินเกออย่างว่าง่าย หลบอยู่ในพุ่มไม้โดยไม่กล้าขยับ
จากนั้น เฉินเกอกับเจินจีก็รีบพุ่งตัวออกไป รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
ทั้งสองคนมาถึงหน้าประตู เห็นเพียงสามีภรรยาคู่หนึ่งได้ถูกฆ่าตายแล้ว นอนจมอยู่บนกองเลือด
เห็นภาพนี้แล้ว ก็ทำให้เขาทั้งสองโกรธอย่างมาก นักล่าเหล่านั้นมันไม่ใช่คน ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก
“ไอ้เดรัจฉาน!”
เจินจีอดไม่ได้จนต้องด่าออกมาอย่างโกรธเคือง
“อ้า….ช่วยด้วย!”
เวลานี้ก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวดังออกมาจากห้องด้านใน ฟังแล้วเหมือนคนที่กำลังจะสิ้นหวัง
เจินจีและเฉินเกอก็ตอบสนองทันที จึงได้รีบวิ่งเข้าไปโดยตรง
“ฉีบ!”
เฉินเกอเข้าไปแล้วก็ได้ชักกระบี่ออกมา ก็ใช้กระบี่ในมือไปฟันคอของเหล่านักล่าสัตว์โดยตรง
เจินจีก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทันที
ในห้อง เธอได้เห็นภาพอุจาดตานักล่าคนหนึ่งกำลังทำเรื่องอุบาทว์ต่อผู้หญิงที่สวมใส่ชุดชั้นในอยู่
สิ่งนี้มันทำให้เจินจีโกรธจนลุกเป็นไฟทันที ได้เดินไปด้านหน้าโดยตรง ใช้มีดแทงลงไปกลางหลังของนักล่าคนนั้น จากนั้นก็ยื่นมือไปกระชากผมของชายคนนั้น ดึงมันลงมาจากตัวของหญิงสาว แล้วโยนลงบนพื้นทันที
อย่างไรเสียเจินจีก็เป็นผู้ฝึกตน พละกำลังต้องแข็งแกร่งกว่าพวกนักล่าเหล่านี้อยู่แล้ว ดังนั้นแรงจึงเยอะมาก ใช้แรงนิดหน่อยก็สามารถที่จะหิ้วนักล่าคนนี้ขึ้นมาได้
“ฉึบ!”
เจินจีไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย ก็ได้ใช้มีดบาดคอนักล่าคนนี้ทันที
พริบตาเดียว นักล่าคนนี้ก็สิ้นใจลง
ใช้เวลาไปเพียงแค่หนึ่งนาที เฉินเกอทั้งสองคนก็ได้จัดการนักล่าเหล่านี้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่จัดการเรียบร้อยแล้ว เจินจีก็ได้เดินไปนั่งลงยังข้างกายของหญิงสาว
หญิงสาวกำลังตกใจ ร่างกายสั่นไปทั้งตัว
เจินจียื่นมือไปวางอยู่บนบ่าของหญิงสาวอย่างเบามือ
มือเพิ่งจะวางลงไป หญิงก็ร้องอย่างบ้าคลั่ง ถอยหลังโดยสัญชาตญาณ
“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว พวกเรามาช่วยเธอ ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ!”
เจินจีรีบคว้าตัวหญิงหญิงสาวไว้ กอดหญิงสาวเข้ามาในอ้อมอกแล้วปลอบโยน
สัมผัสถึงการปลอบโยนจากเจินจี หญิงสาวจึงได้สงบลง จากนั้นก็ได้ร้องไห้อยู่ในอ้อมอกของเจินจี ชั่วขณะเดียวเสียงร้องไห้ก็ได้ดังสนั่นไปทั่วบ้าน