ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! – ตอนที่ 903

ตอนที่ 903

บทที่ 903 บรรดานักล่าทั้งหลาย

“พี่ชาย พวกเราแค่มาทำการค้าขายเล็กๆ เท่านั้นเอง!”

เฉินเกอได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเจินจี ยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นยืนตอบคำถามของนักล่า

นักล่าคนนี้มองมาที่เฉินเกอด้วยสายตาที่เย็นชา

“แม่งเอ้ยแกเป็นใครวะ?กูกำลังพูดกับสาวสวยคนนี้อยู่ เกี่ยวอะไรกับแกด้วย?”

นักล่าคนนี้หยิ่งผยองมากจ้องมองเฉินเกอด้วยสายตาโกรธเคืองและด่ากราดเขาออกมา

หลังจากที่เฉินเกอได้ยินแล้ว คิ้วขมวดเข้าหากัน และสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

“โฮ้ง!”

วินาทีต่อมา เฉินเกอลงมือจัดการทันที

แค่พลังฝ่ามือเดียวของเฉินเกอก็ทำให้นักล่าคนนี้กระเจิงออกไปทันที

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ นักล่าคนอื่นๆ ทยอยกันลุกขึ้น จากนั้นดึงมีดของตัวเองออกมาทันที และจ้องมองไปที่เฉินเกอด้วยความโกรธ

พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเฉินเกอจะลงมือออกมาแบบนี้โดยตรง และฝีมือยังเก่งกล้ามากขนาดนี้

“พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป มาที่นี่ต้องมีวัตถุประสงค์อะไรแน่นอน!”

นักล่าอีกคนพูดขึ้นมา

“ลุย!”

พูดจบ นักล่ากลุ่มนี้ทุกคนต่างเข้ามาโจมตีเฉินเกอทั้งสามคน

เฉินเกอไม่ได้ตกใจอะไร ใช้พลังฝ่ามือออกไปอีกครั้ง

เสียงดังที่สะเทือนออกมาทำให้นักล่ากลุ่มนี้กระเจิงออกไปทันที

“ไป!”

หลังจากที่เสียงดังสะเทือนนักล่าพวกนี้จนกระเจิงไปแล้ว เฉินเกอรีบดึงเล๋ยเล่และเจินจีออกไปจากร้านอาหารทันที แม้แต่ค่าอาหารก็ไม่ทันได้จ่าย

หลังจากที่ออกไปจากร้านอาหารแล้ว เฉินเกอทั้งสามคนรีบขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

เมื่อนักล่ากลุ่มนั้นไหวตัวได้แล้ววิ่งออกมาตามหาพวกเขานั้น เฉินเกอทั้งสามคนได้หายตัวไปตั้งนานแล้ว

“แม่งเอ้ย สามคนนี้ต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดาแน่นอน ต้องรีบรายงานหัวหน้าทราบแล้ว!”

ผู้นำนายหนึ่งออกคำสั่งกับนักล่าคนอื่นๆ ขึ้นมาทันที

เวลานี้ ถือว่าเฉินเกอทั้งสามคนได้เปิดเผยตัวตนออกมาแล้วอย่างสมบูรณ์

“ฮู้!”

เมื่อนั่งอยู่บนรถ เล๋ยเล่ถอนหายใจหอบออกมาแรงๆ

เมื่อกี้ทำให้เขาตกใจแทบตาย

เขาคิดไม่ถึงว่าเฉินเกอจะลงมือจัดการอีกฝ่ายออกมาโดยตรง

“พี่เก่งจริงๆ ใช้เวลาไม่นานก็จัดการคนกลุ่มนั้นให้กระเจิงไปเลย พลังของคนหนึ่งคนสามารถจัดการคนหมื่นคนได้เลย!”

เล๋ยเล่ไม่ลืมที่จะชื่นชมเฉินเกอออกมา

“นายนี่คราวหลังตั้งสติให้ดีกว่านี้หน่อยได้ไหม?”

เฉินเกอมองไปที่เล๋ยเล่และตำหนิออกมาเล็กน้อย

เล๋ยเล่ตั้งสติไม่ได้เลยจริงๆ

“เอ๋อ….”

เล๋ยเล่รู้สึกอับอายและเกรงใจมาก

“เฉินเกอ ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี?คนกลุ่มนั้นต้องเห็นเราเป็นเป้าหมายแล้วแน่นอน!”

เจินจีไม่ได้ตำหนิเล๋ยเล่ เพียงแต่มองไปที่เฉินเกอแล้วถามเขาออกมา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นอยู่แล้ว ดังนั้นต้องดึงดูดความสนใจขององค์กรนักล่าไปแล้วแน่นอน ถึงเวลานั้นต้องมีเรื่องเกิดขึ้นไม่ขาดสายแน่เลย

“ไม่ต้องกลัว ตอนนี้พวกเขายังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเรา อีกอย่างพวกเราอยู่ในที่ลับ พวกเขาอยู่ในที่แจ้ง ยังไงพวกเราก็ยังได้เปรียบมากกว่า!”

เฉินเกอพูดขึ้นมาอย่างมีสติ

ในความคิดของเฉินเกอนั้น หัวหน้าขององค์การนักล่าคงไม่ใช้กำลังคนและพลังคนมากเท่าใดนักในการมาจัดการพวกเขาทั้งสามคน เพราะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาคือป้ายเส่ส้า

ณ เวลานี้ อีกฝั่งหนึ่ง

ภายในเต็นท์ ของค่ายอีกแห่งหนึ่ง

เห็นแค่ชายชุดคลุมคนนั้นที่เฉินเกอเห็นเมื่อคืนนั่งอยู่ข้างในเต็นท์

ตรงหน้าเขามีนักล่ายืนอยู่สองสามคน

“หัวหน้า วันนี้พวกเราเจอคนแปลกๆ ในร้านอาหารสามคน หนึ่งในนั้นฝีมือดีมาก ดูเหมือนตัวตนของพวกเขาจะไม่ใช่คนธรรมดา!”

หนึ่งในนักล่านั้นรายงานกับชายชุดคลุม

หลังจากที่ชายชุดคลุมได้ยินแล้ว ได้ลุกยืนขึ้นมาทันที

“นายคิดว่าพวกเขาเป็นใครเหรอ?”

ชายชุดคลุมมองไปที่นักล่าพวกนี้แล้วถามพวกเขาออกมา

“รายงานหัวหน้า ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะมาตามหาป้ายเส่ส้า!”

นักล่าคนนี้รีบตอบคำถามชายชุดคลุมออกมาทันที

“อืม หลังจากนี้พวกนายคอยเฝ้าระวังหน่อย ถ้าพบเจอสามคนนี้ ให้รีบรายงานกลับมาทันที ถ้ามีเหตุการณ์อะไรที่มาขัดขวางพวกนาย ลงมือจัดการพวกมันได้ทันที!”

ชายชุดคลุมมองไปที่นักล่าพวกนั้นแล้วออกคำสั่งออกมา

“ครับ หัวหน้า!”

บรรดานักล่าต่างตอบรับออกมาพร้อมกัน จากนั้นทยอยเดินออกไปนอกเต็นท์

คืนนี้ เฉินเกอทั้งสามคนหาพื้นที่เรียบได้และกางเต็นท์นอนกัน

หลังจากที่ทั้งสามคนต่างกางเต็นท์กันเรียบร้อยแล้ว ได้นั่งลงหน้ากองไฟ

“ทำไมพวกเราต้องกางเต็นท์กันข้างนอกด้วย?ทำไมไม่ไปพักที่โรงแรม?”

เล๋ยเล่มองไปที่เฉินเกอแล้วถามเขาออกมาด้วยความสงสัย

เฉินเกอเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่เล๋ยเล่

“เพราะว่าเวลานี้บรรดานักล่าทั้งหลายกำลังตามหาพวกเราอยู่ ดังนั้นถ้าพวกเราพักที่โรงแรมก็จะถูกเปิดเผยตัวได้ง่าย!”

เฉินเกออธิบายให้เล๋ยเล่ฟัง

เมื่อได้ยินคำอธิบายของเฉินเกอแล้ว เล๋ยเล่จึงเข้าใจถึงสาเหตุทันที

ใช่แล้ว ครั้งนี้องค์กรนักล่าถูกส่งมาปฏิบัติการทั้งหมด ไม่ว่าที่ไหนก็มีเงาของนักล่าเต็มไปหมด ถ้าพักในโรงแรมคงอันตรายมากและอาจถูกค้นพบได้ง่ายอีกด้วย

หลังจากนั้นเวลาผ่านไปสักพัก เล๋ยเล่ลุกขึ้นยืน

“พี่เฉิน ผมไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะ!”

เล๋ยเล่พูดกับเฉินเกอ จากนั้นได้แล้วเดินเข้าไปที่พุ่มไม้

เนื่องจากกางเต็นท์นอนอยู่ข้างนอก ทำไมพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่หาที่ฉี่เองข้างนอก

“เฉินเกอ พวกเราออกมาครั้งนี้คงต้องสู้รบจนมีการนองเลือดกับองค์กรนักล่าแน่เลย!”

เวลานี้เจินจีมองไปที่เฉินเกอแล้วพูดเตือนเขาออกมา

แน่นอนเฉินเกอก็เข้าใจและพยักหน้าออกมา

“อืม ผมเข้าใจความหมายของคุณ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ พวกเราจะให้องค์กรนักล่าได้ป้ายเส่ส้าไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นโลกนี้ต้องสับสนวุ่นวายแน่ๆ !”

เฉินเกอพูดกับเจินจีด้วยน้ำเสียงที่หนักใจ

ป้ายเส่ส้าสามารถควบคุมผีทั้งหมดบนโลกนี้ได้ ถึงเวลานั้นคนบนโลกใบนี้ก็จะถูกควบคุมโดยผี ถ้าถึงเวลานั้นทุกอย่างต้องพังทลายหมดแน่นอนเลย

“ใช่แล้ว เจินจี เวลานี้ฝีมือของคุณอยู่ในขั้นยอดของขอบเขตเจินเหรินใช่ไหม?”

เฉินเกอถามเจินจีออกมา

เจินจีพยักหน้าออกมา หลังจากได้ยิน

“ถูกต้อง ตอนนี้ฝีมือของฉันอยู่ในขั้นของขอบเขตเจินเหริน ฉันก็อยากพัฒนาขึ้นเหมือนกัน แต่ทำไม่ได้สักที”

ตอนที่เจินจีพูดประโยคนี้ออกมานั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจและเสียใจ

พลังของผู้ฝึกตนยากที่จะยกระดับขึ้นได้อีก เจินจีไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนเฉินเกอ ดังนั้นเธอจึงต้องหาโอกาสในการปรับปรุงยกระดับฝีมือให้เก่งขึ้นด้วยตัวเอง

นี่มันก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว พลังของเธอยังไม่พัฒนาไปถึงไหนเลย ทำให้กำลังใจของเธอสูญหายไปมาก

“ไม่ต้องกังวล ผมจะหาวิธีช่วยคุณให้พัฒนาฝีมือขึ้นเอง!”

เฉินเกอยิ้มแล้วปลอบใจเจินจีออกมา

ส่วนเจินจีนั้นได้พยักหน้าออกมาอย่างเชื่อฟัง ข้อนี้เธอเชื่อใจเฉินเกออยู่แล้ว เธอเชื่อว่าเฉินเกอต้องนำพาตัวเธอเองพัฒนาไปพร้อมกันแน่

“อ้า!”

ณ เวลานี้เอง ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา

ใช่แล้ว เสียงกรีดร้องนี้ไม่ใช่ของคนอื่น มันเป็นเสียงของเล๋ยเล่ที่ไปฉี่ในพุ่มไม้

ได้ยินเสียงกรีดร้องของเล๋ยเล่ เฉินเกอและเจินจีรีบวิ่งไปที่พุ่มไม้ด้วยความระมัดระวัง

“เล๋ยเล่ ทำไมเหรอ?”

เฉินเกอวิ่งไปด้วยร้องตะโกนถามออกไปด้วย

หลังจากที่วิ่งเข้าไปที่พุ่มไม้ เห็นเล๋ยเล่กางเกงก็ไม่ใส่ ตัวสั่นไปทั้งตัว ล้มอยู่ที่พื้น

เฉินเกอและเจินจีมองไปบริเวณรอบๆ ก็ไม่พบเห็นสิ่งผิดปรกติอะไร

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

Status: Ongoing

เรื่องย่อ ณวันนั้น พี่สาวกับพ่อแม่ที่ทํางานอยู่ต่างประเทศบอกกับตัวเองอย่างกะทันหันว่า ตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี ครอบครองสมบัติหลายล้าน เฉินเกอคิดในใจว่า ฉันเป็น ทายาทเศรษฐีจริงๆหรอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท