ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! – ตอนที่ 942

ตอนที่ 942

บทที่ 942 ดวงวิญญาณเคียดแค้นที่แข็งแกร่ง

“กลิ่นความเคียดแค้น?ทำไมผมถึงสัมผัสไม่ได้ล่ะ?”

หลี่เยว่เหอถามอย่างประหลาดใจ

เฉินเกอมองหลี่เยว่เหอแวบหนึ่ง

“เพราะคุณเป็นคนสามัญชนธรรมดา จึงสัมผัสไม่ได้”

เฉินเกอตอบคำถามอย่างเรียบง่าย

ได้ยินการตอบเช่นนี้ ในใจหลี่เยว่เหอก็รู้สึกสงสัยระคนหดหู่เล็กน้อย คิดว่าทำไมเฉินเกอไม่พูดจาให้น่าฟังกว่านี้บ้างนะ

เล๋ยเล่ที่ยืนอยู่ด้านข้างแอบหัวเราะอยู่ในใจ

แต่ทว่ามีเพียงเฉินเกอเองที่รู้ทุกอย่างดี

เล๋ยเล่คิดว่าเฉินเกอจงใจพูดหลอกๆ เช่นนี้ ซึ่งความจริงแล้วเฉินเกอสัมผัสถึงกลิ่นอายความเคียดแค้นที่รุนแรงได้จริงๆ

และกลิ่นอายความเคียดแค้นนี้ เมื่อวานตอนที่เฉินเกอกลายร่างเป็นผีล่องหนมาก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลย ทำไมจู่ๆ วันนี้ถึงได้ปรากฏขึ้นมานะ

ซึ่งทำให้เฉินเกอรู้สึกประหลาดใจเหลือเกิน มันไม่มีทางเป็นดวงวิญญาณของเก่อเล่กับผู้ชายมีรอยมีดฟันได้เลย

เพราะพวกเขาทั้งสองคนได้ถูกเฉินเกอใช้ป้ายเส่ส้ากำจัดวิญญาณทิ้งแล้ว

ดูเหมือนว่าที่นี่ต้องมีความผิดปกติอย่างแน่นอน ต้องเคยมีคนตายแล้วถูกฝั่งอยู่ที่นี่แน่ๆ

“ท่านหลิน ผมขอแนะนำว่าให้ทำการค้นหาทุกซอกทุกมุม สถานที่แห่งนี้นอกจากศพของเก่อเล่กับศพของผู้ชายมีรอยมีดฟันแล้ว ต้องมีศพร่างอื่นที่ยังไม่พบเห็นอีกแน่ๆ มิเช่นนั้นคงไม่มีกลิ่นอายความเคียดแค้นรุนแรงถึงเพียงนี้!”

หลังจากหยุดนิ่งได้ชั่ววูบ เฉินเกอก็รีบสั่งการกับหลี่เยว่เหอ

หลี่เยว่เหอได้ยินก็เชื่อฟังคำสั่งของเฉินเกออย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย จากนั้นก็รีบสั่งการให้ลูกน้องไปปฏิบัติตามทันที

ส่วนเฉินเกอกับเล๋ยเล่ก็ไปสำรวจดูบริเวณอื่น

เห็นรอบกายไม่มีผู้คนแล้ว เล๋ยเล่ก็เปิดปากถามเฉินเกอขึ้นมา

“คุณพี่เฉิน สิ่งที่พูดเมื่อกี้เป็นเรื่องปลอมใช่ไหม?”

เล๋ยเล่ถามเฉินเกออย่างสงสัย

“ใครบอกคุณว่าไม่จริง?เมื่อวานตอนที่ผมมายังสัมผัสไม่ได้ถึงกลิ่นอายความเคียดแค้นเลย เห็นทีสำนักหงซินคงเคยทำเรื่องชั่วๆ ไว้ไม่น้อย”

เฉินเกอมองเล๋ยเล่ด้วยสีหน้าที่แน่วแน่ ไม่มีท่าทีหยอกล้อแม้แต่น้อย

ได้ยินคำพูดนี้ของเฉินเกอ เล๋ยเล่ถึงรับรู้ว่าเฉินเกอพูดความจริงมาโดยตลอด จากเดิมเขาคิดว่าเฉินเกอจงใจแกล้งให้พวกหลี่เยว่เหอทำแบบนี้

“โอ๊ย..!”

หลังจากผ่านไปได้สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา

ทันใดนั้น ทุกคนต่างวิ่งไปยังต้นทางของเสียงทันที

พอมาถึงผนังบ้านแห่งนี้ บริเวณหลุมบนผนังก็ได้โผล่กะโหลกศีรษะออกมาหนึ่งอัน

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ เล๋ยเล่ก็รีบมองหน้าเฉินเกอ

เห็นทีว่าทุกอย่างเป็นจริงๆ เขาเชื่อในคำพูดของเฉินเกอ

หลี่เยว่เหอที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังขมวดคิ้ว และมีสีหน้าที่เคร่งขรึมมากเลยทีเดียว

บัดนี้หลี่เยว่เหอยิ่งเชื่อมั่นในความสามารถของเฉินเกอขึ้นมาอีก เพราะทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เฉินเกอได้บอกกล่าวไว้ไม่มีผิด

“ทุบผนังทิ้งแล้วเอาศพออกมา!”

หลี่เยว่เหอรีบสั่งการลูกน้องอย่างจริงจังขึ้นมาทันที

จากนั้นทุกคนก็เริ่มปฏิบัติการทุบผนังให้ทะลุออกมา

ในที่สุดกระดูกที่เก็บซ่อนไว้ด้านในก็ค่อยๆ ทยอยตกออกมา

ซึ่งกระดูกที่ตกออกมานั้นทำให้ทุกคนต้องรู้สึกตกตะลึง

เพราะกระดูกตรงหน้าไม่เพียงมีแค่ร่างเดียว แต่มีกระดูกถึงหลายศพเลยทีเดียว

“โอ้สวรรค์ ตรงนี้มีกระดูกเยอะไปหมดเลย!”

เล๋ยเล่เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความตกตะลึง

“ที่นี่ต้องไม่ใช่มีเพียงกระดูกของคนเดียว!”

เฉินเกอก็รีบมองหลี่เยว่เหอพลางเตือนขึ้นมา

หลี่เยว่เหอเป็นผู้สืบสวนคดี ดังนั้นจึงดูออกเช่นกัน เขาก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าด้านในสำนักหงซินจะเก็บซ่อนศพไว้มากมายเช่นนี้ มิน่าล่ะเฉินเกอจึงพูดว่ามีกลิ่นอายความเคียดแค้นอยู่นี่ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

“เร็ว หาคนมาประกอบกระดูกกันเร็ว!”

จากนั้นหลี่เยว่เหอก็สั่งการอีกหนึ่งประโยค

“โครมโครมโครม!”

บัดนี้ ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดสลัวและมีเสียงฟ้าร้องที่ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย

“ไม่ดีแล้ว กลิ่นความเคียดแค้นรุนแรงขึ้นทุกที!”

ทันใดนั้นเฉินเกอก็พูดอย่างตกใจด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว

“เร็ว ท่านหลินรีบให้คนของพวกคุณออกไปจากที่นี่โดยเร็ว ไปข้างนอก หยางชี่ (หยางชี่ สรรพสิ่งที่เป็นหยาง (หยางชี่) “ทุกอย่างในร่างกาย ทั้งสสารหรือสภาวะการทำงานที่มีลักษณะของ การเคลื่อนไหว ปรากฏอยู่ภายนอก มีทิศทางขึ้นบน อุ่นหรือร้อน ไม่มีรูปร่าง มีความสว่าง ความตื่นตัวเร่งเร้า “)ในร่างกายของพวกคุณจะเป็นเป้าหมายดึงดูดผีตายโหงพวกนี้ได้!”

จากนั้นเฉินเกอก็พูดกับหลี่เยว่เหอทันที

“สลายกองกำลังเดี๋ยวนี้”

หลี่เยว่เหอก็ไม่สนอะไรให้มายความแล้ว จึงรีบตะโกนสั่งขึ้นมาทันที

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สารวัตรที่อยู่ด้านในสำนักหงซินต่างวิ่งตามหลี่เยว่เหอออกไป แล้วไปยืนรออยู่ที่ถนนด้านนอก

พึ่งออกมาถึง พวกหลี่เยว่เหอก็เห็นหมอกดำกลุ่มหนึ่งได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ แล้วตรงเข้าไปภายในอาคารสำนักหงซินทันที

เมื่อเห็นภาพนี้ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกใจไม่น้อย รู้สึกว่าน่ากลัวเหลือเกิน พวกเขาไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย

บัดนี้ด้านในสำนักหงซินมีเหลือเพียงเฉินเกอสองคน

เฉินเกอมองเล๋ยเล่ที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่ง

“คุณยังอยู่ที่นี่ทำไมกัน ยังไม่รีบออกไปอีก!”

เฉินเกอจ้องมองเล๋ยเล่พลางกล่าวขึ้นมา

“คุณพี่เฉิน ผมจะอยู่ช่วยเหลือคุณ!”

เล๋ยเล่ตอบเฉินเกอ

“ช่วยอะไร ตอนนี้คุณยังไม่เป็นอะไรสักอย่างเลย รีบออกไปเร็วๆ ฉันรับมือเองได้!ถ้ายังไม่ออกไปเดี๋ยวจะไม่ทันนะ!”

เฉินเกอกล่าวไล่เล๋ยเล่

ช่างน่าขำสิ้นดี เล๋ยเล่ก็เป็นคนธรรมดาเหมือนพวกหลี่เยว่เหอเช่นกัน ดังนั้นหยางชี่ในร่างกายพวกเขาจะทำให้พวกผีตายโหงเกิดความตื่นเต้นดึงดูดใจ

“คุณพี่เฉิน”

“ไป!หรือแม้แต่คำพูดของอาจารย์ก็จะไม่เชื่อฟังอย่างนั้นหรือ?”

เล๋ยเล่เหมือนอยากจะพูดอะไรอีก แต่กลับถูกเฉินเกอต่อว่าหนึ่งประโยค

เล๋ยเล่ได้ยินก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่เชื่อฟังคำพูดของเฉินเกอ หันหลังจะเดินออกไปที่ประตู

“โครม!”

แต่ว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว มีประตูบานหนึ่งจากด้านในได้ลอยไปปิดกั้นทางออกไว้

เมื่อเห็นภาพนี้ เฉินเกอก็รู้ว่าไม่ทันเสียแล้ว

“ออกไปไม่ได้แล้ว คุณมาอยู่ข้างกายผม!”

เฉินเกอรู้ว่าตอนนี้เล๋ยเล่ออกไปไม่ได้แล้ว จึงรีบสั่งเล๋ยเล่ทันที

เล๋ยเล่เดินมาอยู่ข้างกายของเฉินเกออย่างเชื่อฟัง จากนั้นเอามือดึงเสื้อผ้าเฉินเกอไว้

“ฟิ้ว!”

วินาทีต่อมา หมอกดำก็ได้ปรากฏตรงหน้าพวกเฉินเกอสองคน

หมอกดำได้ลอยรายล้อมตัวพวกเฉินเกอทั้งสองคนไว้เป็นรูปวงกลม ราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่

เล๋ยเล่ไม่กล้าส่งเสียงสักคำเดียว แม้กระทั่งเสียงหายใจก็ไม่กล้าดังแม้แต่ครั้งเดียว

“ผีตายโหงตนไหน รีบปรากฏตัวโดยเร็ว!”

เฉินเกอตวาดใส่หมอกดำตรงหน้า

พูดจบในมือของเฉินเกอก็ปรากฏกระบี่ซิงหยวนขึ้นมา แล้วกวัดแกว่งไปรอบๆ หนึ่งครั้ง

หมอกดำสัมผัสได้ถึงพลังที่ร้ายกาจของกระบี่ซิงหยวน จึงได้ถอยลอยไปด้านหลัง

จากนั้นหมอกดำก็ได้กลายร่างเป็นคนต่อหน้าพวกเฉินเกอสองคน

เป็นวิญญาณสาวจอมอาฆาตที่มีใบหน้าขาวซีด ริมฝีปากแดง และลูกตาที่แดงสีเลือด

วิญญาณสาวจอมอาฆาตตนนี้เกิดจากการประกอบร่างของเหล่ากระดูกผู้หญิงทั้งหลายในที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นวิญญาณสาวจอมอาฆาตที่มีพลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

“ผมรู้ว่าพวกคุณถูกสำนักหงซินทำร้ายจนตาย แต่ว่าเก่อเล่ได้ตายไปแล้ว พวกคุณสามารถจากไปอย่างสงบสุขได้แล้ว!”

เฉินเกอมองวิญญาณสาวจอมอาฆาตที่อยู่ตรงหน้าพลางพูดขึ้นมา

วิญญาณสาวจอมอาฆาตจ้องเขม็งอยู่ที่เฉินเกอ จากนั้นก็ปล่อยริบบิ้นสีแดงเส้นหนึ่งออกไปยังเฉินเกอโดยไม่พูดไม่จาอะไร

เฉินเกอรีบกวัดแกว่งกระบี่ซิงหยวนในมือ เพื่อเริ่มปะทะกับริบบิ้นของวิญญาณสาวจอมอาฆาตขึ้นมา

เล๋ยเล่ที่หลบอยู่ด้านหลังของเฉินเกอก็ดิ้นรนไปมา เขาไม่กล้าลืมตามองวิญญาณสาวอาฆาตตนนั้นเลย เพราะรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

วินาทีต่อมา วิญญาณสาวจอมอาฆาตก็ได้ปล่อยริบบิ้นสีแดงให้ลอยออกจากมืออีกข้างของตน

ริบบิ้นสีแดงสายนี้ได้ลอยไปทางเล๋ยเล่ที่อยู่ด้านหลังของเฉินเกอ

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

Status: Ongoing

เรื่องย่อ ณวันนั้น พี่สาวกับพ่อแม่ที่ทํางานอยู่ต่างประเทศบอกกับตัวเองอย่างกะทันหันว่า ตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี ครอบครองสมบัติหลายล้าน เฉินเกอคิดในใจว่า ฉันเป็น ทายาทเศรษฐีจริงๆหรอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท