บทที่ 973 กอบกู้โลก(บทจบ)
“กลืนกินโลก!” เทพมารโบราณหันมาหัวเราะ ใช้ทั้งสี่มือของเขามารับกระบี่ซิงหยวน จากนั้นก็แสดงทักษะลับของเขาเป็นครั้งแรก พลังของกระบี่ซิงหยวนได้ถ่ายทอดอย่างต่อเนื่องจากภายในของเฉินเกอส่งต่อไปยังภายในร่างของเทพมารโบราณ ดาวหินทั้งเจ็ดเม็ดก็แตกละเอียด
“แกคิดว่าฉันไม่รู้กลเม็ดของแกเหรอ เจ้าหนุ่ม” เทพมารที่หน้าตาน่าเกลียดเวลาหัวเราะขึ้นมายิ่งน่าเกลียด “แกอย่าจะทำลายตันโม๋ของฉัน? ที่ข้าวางมันไว้ตรงนี้ ก็เพื่อจะล่อให้แกมาโจมตี แบบนี้ฉันถึงจะสามารถจับการโจมตีครั้งสุดท้ายของแกได้ ฮ่าๆๆ”
เฉินเกอใช้พลังทิพย์ส่วนใหญ่ไปแล้ว และได้ถูกเทพมารดูดไปส่วนหนึ่ง สูญเสียประสิทธิภาพแปรเทพไปแล้ว แม้แต่สถานภาพวิญญาณออกจากร่างยังรักษาไว้ไม่ได้ ต้องกลับไปอยู่ในร่างที่บาดเจ็บสาหัส
เจินจีทั้งสี่คนสู้ไปไม่กี่ท่า ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรง
เทพมารโบราณหัวเราะกล่าว: “ในไม่ช้านี้ฉันก็จะได้ครอบครองโลกใบนี้แล้ว เพื่อเป็นรางวัลให้กับพวกแก ฉันจะให้พวกแกดูโม๋ตันของฉัน จากนั้นจะทำให้พวกคุณกลายเป็นวิญญาณรับใช้ฉัน ฮ่าๆๆๆๆ” จากนั้นเทพมารโบราณก็ได้คายโม๋ตันสีแดงกลิ่นเหม็นออกมา ยื่นไปด้านหน้าของเฉินเกอ เช็ดถูนิดหน่อย แล้วก็กลืนมันเข้าไป
เฉินเกอแพ้แล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ได้อัปยศเพียงนี้ ไม่มีเจตจำนงในสมัยโบราณ ไม่มีความช่วยเหลือจากอาจารย์ เขาไม่ใช่อะไรทั้งนั้น เป็นเพียงกองดินที่ไร้ค่า เขาหลั่งน้ำตาแห่งความอัปยศ รอให้ชะตากรรมของตัวเองถูกตัดสิน
“พี่เฉิน! โอกาสมาแล้ว! ผมมาคุ้มกันพี่เอง!” เล๋ยเล่คำราม หยิบดาบวิญญาณสีดำพุ่งไปที่เทพมารโบราณ และด้านหลังของเขา ยังมีนักรบปิศาจสามตัวคอยคุ้มกันอย่างแน่นหนาอีกด้วย
“ทำไมนักรบปีศาจจึงสยบต่อเล๋ยเล่?” เฉินเกอสงสัยในใจ และตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดปัญหาอื่น เขาหลับตาลง ใช้พลังทิพย์ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเปิดตาทิพย์อีกครั้ง ให้เวลาช้าลงอีกครั้ง ในหัวเขากลับเกิดภาพในชีวิตของเขาขึ้นมา
เริ่มแรกเขาเป็นเพียงลูกเขยที่ถูกแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ชีวิตบัดซบ โชคดีที่ถูกซูมู่หานหลงรัก กลายเป็นความหวังของซูมู่หาน ต่อมาพี่สาวเฉินเสี่ยวที่ไม่สนใจคนในครอบครัวก็ได้ต่อต้าน ยืนหยัดในการสนับสนุนตัวเขา เพื่อให้เขากลายเป็นความหวังของตระกูลเฉิน หลังจากนั้นต่อมาเฉินเกอก็ได้กลายเป็นที่พึ่งและความศรัทธาของคนอื่น สุดท้ายก็มาถึงโลกยู่และแผ่นดินหลิงคง แล้วถูกอาจารย์ไหว้วาน กลายเป็นความหวังของโลก
ที่แท้ตัวเองเป็นความหวังของคนตั้งมากมาย เพื่อพวกเขาแล้ว เฉินเกอยินดีที่จะเหมือนกับอาจารย์ เสียสละชีวิตตัวเอง
เฉินเกอลืมตาทันที สำรวจพลังชีวิตของตัวเอง กลับเข้าสู่กระบี่ซิงหยวนอีกครั้ง เขาชูกระบี่ซิงหยวนพังเสียหายขึ้น ให้พลังดวงดาวนับหมื่นนับพันส่งเข้ามายังกระบี่ สุดท้ายรวบรวมได้นิดหน่อย ขณะที่นักรบปีศาจที่ต่อสู้กับเทพมารโบราณเกือบจะต้านไม่ไหวแล้วนั้น ในปากของเฉินเกอก็ได้ตะโกนออกมาหนึ่งประโยค : “วิชาสยบสพรรสิ่ง”
กระบี่ซิงหยวนได้แทงทะลุเข้าไปที่หน้าอกของเทพมารโบราณ หัวใจของและโม๋ตันของเทพมารโบราณถูกทำลายพร้อมกัน ไม่อยู่ในที่แห่งหนใดอีกต่อไป
เทพมารโบราณค่อยๆ ล้มลงบนพื้น นักรบปีศาจสามตนก็ไม่รอดเช่นกัน จากนั้นวิญญาณสามดวงก็ได้ออกมาจากร่างของนักรบปีศาจ “เห่อ ที่แท้ก็เป็นนายนี่เอง……” เฉินเกอมองเล๋ยเล่แล้วหัวเราะ จากนั้นก็สลบไป
……
สามเดือนต่อมา
การสู้รบครั้งสุดท้ายก็ได้ผ่านไปสามเดือนแล้ว คนส่วนใหญ่ได้ฟื้นฟูพลังกลับมาเป็นปกติกันแล้ว มีเพียงเฉินเกอที่ยังไม่ตื่น
เดิมทีตอนที่ตรวจสอบชะตาชีวิตนั้นคือไม่สามารถที่จะมีชีวิตต่อได้อีก แต่พลังชีวิตของเฉินเกอแข็งแกร่งกว่าปกติมา บวกกับพลังของมังกรเขียวน้อย ผลวิหายสะและการดูแลเอาใจใส่ของเจินจีและโจวโน่ ไฟในโคมที่ใกล้มอดได้สว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง
ในที่สุดเฉินเกอก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง โจวโน่ยังฟุบหลับอยู่ข้างเตียง เฉินเกอรู้สึกซาบซึ้งมาก หากไม่ใช่เพราะว่าโลกมนุษย์ไม่สามารถแต่งงานซ้ำซ้อน เฉินเกอถึงขั้นอยากตอบแทนโดยการใช้ร่างกายของเขา
ขณะที่เฉินเกอลูบขาตัวเองนั้น จึงรู้ว่าตัวเองที่อยู่ใต้ผ้าห่มนั้นไม่ได้สวมใส่อะไรไว้เลย อุทานไปหนึ่งที ทำให้โจวโน่ตื่นแล้วเขาก็แกล้งสลบต่อ
“เฉินเกอ? เฉินเกอนายตื่นแล้วใช่มั้ย นายพูดสิ” โจวโน่ตะโกนด้วยเสียงที่จะร้องไห้ทำให้เฉินเกอทนไม่ไหว ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมา พูดขึ้นมาหนึ่งคำ “ขอบคุณนะ”
หึๆๆๆๆ โจวโน่ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เอาแต่กอดเฉินเกอแล้วร้องไห้
……
เพราะการสู้รบครั้งนี้ โลกทั้งใบพรุนเป็นพันๆ รู พลังทิพย์ก็เริ่มขาดแคลน จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามร้อยปีจึงจะกลับมามีชีวิตชีวาได้ และประตูเชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินของแต่ละแห่งกำลังจะปิดลง ซึ่งก็หมายความว่าระหว่างแต่ละแผ่นดิน ต้องตัดขาดกันหลายร้อยปี ผู้ฝึกตนของโลกยู่และแผ่นดินหลิงคงสามารถที่จะมีอายุยืนยาวเช่นนั้นได้ แต่เพื่อนๆ ของเฉินเกอและคนในครอบครัวนั้นไม่สามารถที่จะอยู่นานขนาดนี้
“เฉินเกอ นายจะไปจริงๆ เหรอ?” เจินจีอยากที่จะรั้งเฉินเกอเอาไว้ เธอที่เข้าใจเหตุผลรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แค่แสดงออกว่าตัวเองไม่อยากให้เฉินเกอไป
“เฉินเกอ ฉันจะรอนาย นายไม่มานานแค่ไหน ฉันก็จะไม่ยอมแต่งงานนานเท่านั้น” คุณหนูใหญ่โจวเป็นแต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมา ทำให้เฉินเกอเขินอายไปเลย
เฉินเกอยังไม่เคยคิดที่จะแยกจากซูมู่หาน แต่โจวโน่กลับคิดไปถึงหลายร้อยปีข้างหน้า
“ฉันก็เต็มใจที่จะรอนาย” คุณหนูใหญ่เจินที่เย็นชามาตลอดจู่ๆ ก็ได้พูดออกมาหนึ่งประโยค ทำให้เฉินเกอหน้าแดงไปเลย
“เฉินเกอ นายเขินเหรอ สามเดือนที่ผ่านมานี้นายลองคิดดูว่านายอาบน้ำยังไง?”
……
คนทั้งกลุ่มได้กลับมารวมตัวอีกครั้ง นานแล้วที่ไม่ได้ร่วมดื่มกันอย่างมีความสุขแบบนี้ ระลึกความหลังพร้อมกัน จินตนาการถึงอนาคตด้วยกัน
เล๋ยเล่บอกว่า เขาจะฝึกวิชาผีต่อ แม้ว่าจะขาดพลังทิพย์ไปแล้ว แต่ว่าผียังคงทำความชั่วอย่างต่อเนื่อง
อีกอย่าง จากการที่สู้รบกับเทพมารโบราณสิ่งที่เล๋ยเล่ได้กลับมาก็คือวิญญาณสามตน แม้ว่าความสามารถของพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเล๋ยเล่ แต่กลับเต็มใจที่จะร่วมสู้รบกับเขา เพราะว่าเล๋ยเล่ได้ช่วยพวกเขาเอาไว้ ยังได้ช่วยพวกเขาแก้แค้น
เจินจีบอกว่า เธอจะไปยังที่ที่เฉินเกอเคยไป ทุกการผจญภัยจะทำให้เธอเติบโต เธอก็จะช่วยเหลือผู้คนไปด้วย และก็บำเพ็ญปฏิบัติไปด้วย จนกระทั่งกลายเป็นหมอเทพที่เก่งกาจที่สุดในสามโลก
โจวโน่บอกว่า เธอจะไหว้ผู้หญิงที่ใส่มงกุฎเป็นอาจารย์ นั่นก็คือเจ้าของต้นผลวิหายสะ จะได้กินผลวิหายสะด้วย เธอยังจะฝึกวิชาขี่มังกร รอให้มังกรเขียวโตแล้วเธอจะพามังกรเขียวไปท่องเที่ยว ไม่แน่อาจจะเจออสูรเทพอื่นๆ เพิ่มก็เป็นได้
หลินจื่อหลันและเกาจื่อเฉิงบอกว่า สิบกระบี่ศักดิ์สิทธิ์มีพลังที่ไม่สิ้นสุด พวกเขาจะช่วยเฉินเกอรวบรวมกระบี่ที่เหลือ รอเฉินเกอกลับมาเป็นผู้นำของพวกเขาอีกครั้ง
หลังจากเสียงหัวเราะผ่านไป ไม่มีงานเลี้ยงไหนที่ไม่เลิกรา ท่ามกลางผู้คนที่มาส่ง เฉินเกอเดินเข้าไปประตูข้ามแดน
แสงสีทองได้ส่องขึ้นมา เฉินเกอกลับมาถึงโลกมนุษย์แล้ว ประตูข้ามแดนก็ได้สลายไป เฉินเกอเศร้าโศกชั่วขณะ จากนั้นก็โล่งใจ คนกลุ่มนั้นไม่จำเป็นต้องให้เขาเป็นห่วง ใครจะไปรู้ว่าอีกหลายร้อยปีข้างหน้าพวกเขาจะเติบโตเป็นแบบไหน
“เมียจ๋า ฉันกลับมาแล้ว!” เฉินเกอกลับมาถึงตรงหน้าของซูมู่หาน “คนบ้า! หลายวันนี้ไม่ส่งข่าวมาบ้างเลย ทำให้ฉันร้อนใจแทบแย่?” ซูมู่หานร้องไห้โผเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของเฉินเกอ ความอบอุ่นและกลิ่นหอมได้โชยขึ้นมา
สุดท้าย ไม่ว่าจะเป็น “คุณชายตระกูลเฉิน” หรือ “เป็นผู้กอบกู้โลก” สถานะที่เฉินเกอชอบมากที่สุดก็คือ “สถานะสามีของซูมู่หาน” ฮ่า!
(จบบริบูรณ์)