ตอนที่ 43 หน้าไม่อาย
หวาฟ่านยังคงไม่ยอมจำนน ยังยากจะพูดอะไรอีกมาก แต่พี่ใหญ่หวาเซียงขัดจังหวะไว้ “ทุกคนรีบทานเถอะ เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นเอาหมด” ทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
แต่คุณตำรวจป๋ายห้าวไม่ได้ทานอาหารมื้อนี้อย่างเต็มที่ ทานเพียงไม่กี่คำ ก็บอกมีธุระขอตัวกลับก่อน หวาฟ่านก็อารมณ์เสียเธอบอกขอตัวไปส่งเขา และก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีก
หลังหวาฟ่านออกไป หวาหรงพูดอย่างไร้เยื่อใย “ยัยสี่เลอะเทอะจริงๆ คำว่ากิ่งทองใบหยกเป็นสิ่งทำบรรพบุรุษเค้ากำหนดมา สมองหล่อนคิดแต่เรื่องรักโดยไม่คิดถึงชีวิตเลย จะคอยดูสิรักที่ร้อนแรงจะอยู่ได้นานสักแค่ไหน? คุณพ่อ คุณแม่ จะไม่สนใจหน่อยเลยเหรอคะ? คือจะปล่อยให้นางบินเองโดยไม่สนใจอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ? ” หวาเจิ้นเยว่ดื่มเหล้าไปจอกนึงด้วยความหดหู่
“ไม่สนใจละ ลูกๆก็โตกันหมดแล้วจะมาคอยคุมก็ไม่ได้แล้ว ทางของตัวเองก็เลือกด้วยตัวเอง ความฝันของตัวเองก็วาดฝันเอาเอง ต่อไปตัวเองได้รับสุขหรือทุกข์ ก็ตัวเราเองเท่านั้นที่รู้”
“เอาเถอะ วันนี้เป็นวันดี พูดให้น้อยหน่อย ไม่ฉลองวันเกิดให้หลี่หวาหรือ?”
คุณยายไม่ค่อยสนใจเรื่องของหลานๆ แต่พอมาได้ยินเรื่องพวกนี้ก็รู้สึกไร้สาระ
เมื่อคุณยายพูดขึ้น ทุกคนต่างก็เงียบ
ทุกคนดูผ่อนคลายลงไม่น้อย คุยไปทานอาหารกันไป
นอกจากตระกูลหวาแล้ว ก็ยังมีญาติคนอื่นที่อยู่ด้วยอีกหลายคน
ตระกูลหวารวมกันได้5โต๊ะ ก็ถือว่าครึกครื้นพอตัว
ช่วงเวลานั้น ก็มีน้องสาวลูกพี่ลูกน้องมาหาเจียงหยู่เพื่อร่วมดื่มเหล้ากัน
“นี่แฟนพี่ห้าใช่มั้ย ว้าว…หล่อจริง หน้าเหมือนดาราที่ฉันชอบเลย พี่เขย มาชนแก้วกัน”
เด็กสาวคนนี้ดูเด็กกว่าหวาหวิน คงจะอายุ18-19ได้
แต่ชุดเดรสที่ใส่ดูไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ เปิดไหล่ เปิดหลัง
มันก็ดูเซ็กซี่อยู่หรอกนา แต่สำหรับในงานนี้….ดูไม่มีราคา ผมของหญิงสาวเป็นลอนยาวถึงข้างหู ดูแล้วน่ารักดี
ใส่คอนแท็กเลนส์สีม่วง ดูน่าตกใจนิดหน่อย เจียงหยู่จะไปรู้จักคนแบบนี้ได้ยังไง แต่เมื่อเค้าเป็นคนเชิญให้ดื่ม จึงทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อย
เหล้าในแก้วดื่มจนหมด หญิงสาวคนนี้ก็ยังไม่ได้ลุกไปไหน ยังคงยุ่มย่ามอยู่ “พี่เขย ฉันเรียนออกแบบแอนนิเมชั่นมา พี่พอจะช่วยหางานให้ฉันได้มั้ย? ”
หวาเหวินนั่งก้มหน้าทานข้าวอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไป ทำเหมือนมองไม่เห็นยังไงยังงั้น ทำให้หญิงสาม หวาผิงไม่พอใจ
จึงตะโกนใส่หญิงผู้นี้ “เกิดอะไรขึ้นกับเธอหูลี่หมิน รู้กฎระเบียบหรือเปล่า? พี่เขยกับพี่สาวเธอเพิ่งแต่งงานกันไม่กี่วัน สนิทกับเธอเหรอ? ถึงได้ให้เค้าหางานให้น่ะ อีกอย่างถ้าจะให้แนะนำงานให้จริงๆ เธอก็ควรจะบอกพี่ห้าสิ ไม่ใช่มาเล่นหูเล่นตากับผู้ชาย ทำไมตอนนี้มันเป็นที่นิยมรึไง ไม่รู้สึกไร้ยางอายบ้างเหรอ?”
“พี่สาม….ฉันไม่ได้…..” หวาผิงด่าเธอซะยกใหญ่ หญิงสาวรู้สึกอาย พยายามจะอธิบายแต่หวาผิงไปเปิดโอกาสให้เธอได้อธิบาย
ยังคงด่าต่อ “วันนี้วันอะไรเธอรู้มั้ย? วันคล้ายวันเกิดแม่ฉัน เธอมาตรงนี้แทนที่จะมาอวยพรวันเกิดให้คุณป้า แต่ดันมาหาเรื่องที่จะใกล้ชิดผู้ชาย เธอคิดอะไรของเธออยู่ ทำไมกำเริบสืบสานขนาดนี้ฮะ?”
เวลานี้ แม่ของหญิงรีบเข้ามาอธิบาย “หวาผิงจ๊ะ อย่าว่าน้องเลย เสี่ยวหมินของเราเพียงแค่กระตือรือร้นในการหางานทำเท่านั้น ก็ได้ยินมาว่าสามีของหวาเหวินเป็นคนเก่ง ก็คิดว่าคงจะพอช่วยได้น่ะจ้ะ”
หวาผิงตอกกลับทันควัน “แต่วันนี้ที่เชิญพวกคุณมาคืองานอวยพรวันเกิด ไม่ใช่ให้พวกคุณมาหางานทำ ทำอะไรช่วยแบ่งเวลาและโอกาสให้ชัดเจนได้ไหมคะ?”
“ค่ะค่ะค่ะ เรื่องนี้เสี่ยวหมินไม่ถูก เสียวหมินกลับไปนั่งที่ไป”
หวาผิงอบรมไปยกใหญ่ ดุเจ้าจิงจอกน้อยเตลิดไปเลย
จากนั้นมองมาที่หวาเหวิน “น้องห้า เธอนี่ใจใหญ่เนอะ มัวแต่กินแล้วก็ดูพวกปีศาจร้ายพวกนั้นอยู่ได้” เจียงหยู่เอื้อมมือไปลูบหัวหวาเหวิน แล้วหัวเราะ “อาเหวินเค้าไว้ใจผมครับ”