ตอนที่ 99 ระดับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์
เมื่อผู้ชายทั้งสามเห็นผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามแล้ว ก็ต่างพากันตื่นตกใจจนพูดไม่ออก
อึ้งงันจนไม่มีใครกล้าแม้แต่จะพูดแก้เขินออกมา ได้แต่มองหวาเหวินที่กินแล้วเสร็จอย่างเงียบๆ จนเดินจากไป
“พระเจ้า…. พวกนายเห็นไหม? ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ พวกเราก็เห็น”
“นี่มัน……เทพธิดา……พระเจ้า เมื่อกี้ฉันคิดว่าฉันเห็นดาราซะอีกนะ ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้อ่า?”
“ไม่รู้สิ ที่นี่มีการถ่ายรายการอะไรรึเปล่า บางทีอาจจะเป็นดาราจริง ๆก็ได้”
หลังจากที่หวาเหวินเดินจากไป พวกผู้ชายเหล่านั้นก็พากันแอบกระซิบกระซาบกัน
หลังจากที่หวาเหวินทานข้าวเสร็จ เธอก็มาเดินเตร่อยู่ภายในสวนของมหาวิทยาลัย
เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจ ในตอนที่เธอเดินอยู่นั้น เธอได้ดึงปีกหมวกลงมาให้ต่ำที่สุด พร้อมกับก้มหน้าลง เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นหน้าของเธออย่างชัดเจน
ณ เวลาบ่ายโมงตรง ชุนเถาก็ขับรถอ้าวดี้ A8 มารับ
หวาเหวินให้เธอไปรับตรงประตูข้างที่มีคนไม่พลุกพล่านมากนัก
หลังจากที่เจ้านายและสาวใช้ออกจากมหาวิทยาลัยได้ไม่นาน
“คุณหนู เปิดเรียนวันแรกเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ก็ใช้ได้ จะบอกว่าไม่ได้ชอบอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ถึงกับเกลียด”
“แล้วเข้าเรียนรึยังคะ? เจอเพื่อนๆรึเปล่า?” ชุนเถาถามขึ้นด้วยความสนใจ พร้อมกับเงี่ยหูฟังไปด้วย
หวาเหวินส่ายหน้า “วันนี้เป็นวันรายงานตัวนักศึกษาใหม่เท่านั้น ฉันยังไม่เข้าเรียน ฉันเดินไปเดินมาอยู่ในนั้น และก็ไปอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดเท่านั้น”
“ไอหยา ดีจังเลย คุณหนูอยู่บ้านคนเดียวมันก็น่าเบื่อ มาเรียนยังพอได้เอ้อละเหยขึ้นมาได้หน่อย”
หวาเหวินเพียงแค่ยิ้ม แล้วมองออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่าง โดยไม่พูดอะไรอีก
ส่วนใหญ่แล้วเธอจะค่อนข้างเงียบมากกว่า
ตกค่ำ เจียงหยู่กลับมาถึงบ้านในเวลาหนึ่งทุ่มตรง
หวาเหวินเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ และกำลังเดินขึ้นไปดื่มชาบนระเบียง
เจียงหยู่เคาะประตูและเปิดเข้ามา
ก็เห็นหวาเหวินที่ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำนั่งอย่างสบายอยู่ตรงระเบียง
ผมที่ยังไม่แห้งของเธอนำพาให้ดูมีเสน่ห์อย่างมากทีเดียว
เจียงหยู่ตั้งสติ แล้วเดินเข้าไป “เหวินเหวิน หลังเลิกงานฉันผ่านร้านค้าแห่งหนึ่ง เลยซื้อของเหล่านี้มาให้ เธอดูสิ”
เขายื่นกล่องหนึ่งให้ หวาเหวินกวาดตามองแวบหนึ่ง
ด้านบนสุดเป็นโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง ยี่ห้อหัวเว่ยรุ่นพอร์เชอ บรรจุอยู่ในกล่องที่ใหญ่มาก
ด้านล่างเป็นปากกาหมึกซึมปาร์คเกอร์สีชมพูด้ามหนึ่ง และก็เป็นสิ่งของที่มีราคาหลักพันด้วย
และด้านล่างสุดเป็นร่มกันแดดหนึ่งคัน ซึ่งก็เป็นยี่ห้อที่มีราคาสูงทั้งนั้น
มันใช้งานได้จริงและไม่ขาดตกบงพร่องแต่อย่างใด
“โทรศัพท์ฉันมีแล้ว” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฉันรู้ว่าเธอมีแล้ว แต่ยี่ห้อนี้มันก็ไม่เลวเลยนะ เอาไว้ถ่ายรูปวิวเวลาไม่มีอะไรทำก็ได้…….”
หวาเหวินไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอชอบถ่ายรูปเป็นที่สุด โดยเฉพาะรูปทิวทัศน์
หลังจากกลับมา เธอก็เอาแต่วาดภาพตามภาพทิวทัศน์ที่ถ่ายมา
ก่อนหน้านั้นตัวเธอเองก็ตั้งใจว่าจะซื้ออยู่แล้ว แต่ก็พอไปเดินดูก็ยังไม่มีโทรศัพท์เครื่องไหนน่าสนใจสักนิดเดียว
เมื่อเจียงหยู่ซื้อมา เธอก็รู้สึกว่ามันสามารถใช้ได้จริง ๆ
สำหรับร่มและปากกาหมึกซึมนั้น ก็ยิ่งเป็นของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันอย่างมาก
หวาเหวินเงยหน้าขึ้นมองไปทางเจียงหยู่ “ก็ได้ วางไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันบอกให้ชุนเถาเอาเงินมาให้นาย”
“เอาอีกละ” เจียงหยู่แสดงท่าทางเบื่อหน่ายออกมา
สิ่งของทุกสิ่งทุกอย่างที่ซื้อมาให้ เธอก็มักจะเอาแต่คืนเงินตลอด เขาจึงไม่ค่อยเคยชินกับท่าทางแบบนี้ของเธอเท่าไหร่นัก
เขาพยายามพูดกับเธอด้วยความอดกลั้นว่า “เหวินเหวิน ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของฉันแล้ว ฉันซื้อของขวัญให้เธอ เป็นเรื่องปกติ…..เธอไม่ต้องมาคืนเงินให้ฉันหรอก มันไม่ค่อยชินอ่า”
“แต่ฉันไม่อยากติดหนี้นาย เราไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริง ๆ สักหน่อย” เธอพูดแก้ขึ้นมา
“ไม่ได้เป็นกันจริง ๆ ฉันก็จะให้ ตระกูลเจียงของพวกเราเป็นตระกูลใหญ่โต สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆเหล่านี้…….ถือซะว่าเป็น…… เงินของเราละกัน”
หวาเหวิน : ………..
เจียงหยู่เงียบขึ้นมากะทันหัน หวาเหวินเองก็ปรับตัวไม่ได้จริง ๆ
ไม่ทันรอให้เธอเอ๋ยปากพูดออกมาแต่อย่างใด เจียงหยู่ก็ยื่นมือออกไป จากนั้นก็ลูบไปบนผมของเธออย่างเบามือ
มืออุ่นๆของเขานั้น ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งตัวของเธอ
“สระผมเสร็จก็ควรจะเป่าผมให้แห้งก่อนนะ ไม่อย่างนั้นจะไม่สบายเอาง่ายๆ”
หวาเหวินทำท่าจะอ้าปากพูด……
แล้วก็ได้ยินเขาพูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้เธอต้องไปเรียนแต่เช้า รีบนอนนะ”
น้ำเสียงของเขาอบอุ่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หวาเหวินตกอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มอย่างไม่สามารถถอนตัวได้ขึ้นมากะทันหัน…..
และสิ่งที่เหมือนกับอยู่ในความฝันยิ่งกว่าก็คือ ทั้งสองคนรักกัน