ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ – ตอนที่ 98

ตอนที่ 98

ตอนที่ 98 เทพธิดาลงมาจุติ

หวาเหวินอยากไปเรียน เป็นความปรารถนาที่เธอมีมานานแล้ว

เธอไม่ได้ต้องการประกาศนียบัตรอะไรนั้น ไม่มีใบจบก็ไม่เป็นไร แต่เธออยากไปหาอาจารย์ที่สอนประวัติศาสตร์ อยากเรียนเกี่ยวกับสมัย 5 ราชวงศ์ 10 ประเทศ ซึ่งมันมีส่วนช่วยในเรื่องการทำวิจัยเครื่องลายครามของเธอมากทีเดียว เพราะเครื่องลายครามไม่เพียงแต่จะเป็นสิ่งของแล้วเท่านั้น อีกทั้งยังแสดงถึงประวัติศาสตร์และรัชสมัยที่รุ่งโรจน์อีกด้วย

เจียงหยู่ช่วยหวาเหวินสมัครเรียนในมหาวิทยาลัยหนึ่งในสามอันดับแรกที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมือง

พรุ่งนี้เป็นวันที่ต้องไปรายงานตัว ซึ่งความจริงแล้วเป็นวันที่มหาวิทยาลัยเปิดเรียนในทุกปี

คนอื่น ๆจะไปต้องรายงานตัวในวันที่ 2 เดือนมกราคม แต่หวาเหวินไปรายงานตัวในวันที่ 3

เพื่อไม่อยากให้ดูโอ้อวดเกินไป เจียงหยู่เลยขับรถยี่ห้ออาวดี้ A8 สีดำ ไม่ได้ขับรถโรลส์-รอยซ์ โฮลดิงส์ไปส่งแต่อย่างใด

หวาเหวินไม่อยากทำตัวโอ้อวด จึงใส่แค่เพียงกางเกงยีนส์สีซีดง่ายๆ กับเสื้อเวตเตอร์ขนสัตว์ตัวหนึ่งเท่านั้น

ส่วนผมก็ปล่อยสยายลงมาถึงระดับเอว สวมหมวกแก๊ปที่สลักคำว่า MLB สีดำอยู่บนศีรษะ

เพื่อปิดบังใบหน้า ไม่อยากให้เป็นที่สนใจเท่านั้น

เจียงหยู่มาส่งเธอ ณ สถานที่ที่ใช้รายงานตัวนักศึกษาใหม่ หลังจากที่เซ็นชื่อแล้ว ก็เดินโบกมือมาทางนี้แล้วเดินจากไป

หวาเหวินตัดสินใจจะอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดของที่นี่ในช่วงเช้า เพื่อให้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัย

ตลอดช่วงเช้าเธอเอาแต่นั่งจมปรักอยู่ในมุมที่ไกลห่างจากผู้คนในห้องสมุดแห่งนี้

เป็นมุมที่แทบจะไม่มีใครสังเกตเห็น เธอจึงอ่านหนังสือได้อย่างสบายใจตลอดช่วงเช้า

หลังจากที่เจียงหยู่จัดการงานที่บริษัทเสร็จแล้ว เขาก้มลงมองนาฬิกา ที่บอกเวลา 11 โมงแล้ว

จากนั้นเขาก็ส่งวีแชทหาหวาเหวิน

เจียงหยู่ : เหวินเหวิน กินข้าวรึยัง?

หวาเหวิน : ยังเลย

เจียงหยู่ : สภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยเป็นยังไงบ้าง?

หวาเหวิน : ก็ดีนะ เริ่มคุ้นชินแล้วละ

เจียงหยู่ : งั้นรีบไปกินข้าวเถอะ เธออยากกลับบ้านตอนไหนก็ทักมาหาละกัน เดี๋ยวฉันไปรับ

หวาเหวิน : ไม่ต้องหรอก นายยุ่ง เดี๋ยวตอนบ่ายฉันให้ชุนเถามารับ

เจียงหยู่ : มีอะไรก็โทรหาฉันนะ ดูแลตัวเองด้วย

หวาเหวิน : วางใจเถอะ ฉันอยู่ในมหาลัย ไม่ได้ไปเดินตลาดมืดซะหน่อย

เมื่อเจียงหยู่ได้ยินประโยคนี้ เขาก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

ในเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เหล่าผู้บริหารกำลังเดินไปโรงอาหารพอดี เมื่อพวกเขาเห็นประธานเจียงยิ้มแบบนี้ ทุกคนต่างพากันแสดงสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาในทันที

เพราะเวลาที่เจียงหยู่อยู่ในบริษัท เขามักจะเป็นผู้นำที่ชอบทำหน้าเคร่งขรึมอยู่เสมอ

ทุกคนต่างก็เคารพเขา และกลัวเขามาก

เพราะเขาทำหน้าที่ด้วยความเฉียบขาด แยกแยะรางวัลและลงโทษอย่างชัดเจน

หวาเหวินอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดมาจนถึงเวลา 11 โมง จากนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาทันใด

เธอยืนขึ้นแล้วนำหนังสือกลับไปเก็บไว้ตรงตำแหน่งเดิม ก่อนจะเดินตรงไปยังโรงอาหารที่อยู่ไม่ไกลนัก

ไม่ไปก็ดี แต่พอไปแล้วกลับรู้สึกตกใจขึ้นมา

คนที่อยู่ภายในโรงอาหารมีจำนวนเยอะดั่งภูเขาดั่งมหาสมุทร นักศึกษาในมหาวิทยาลัยก็มีจำนวนเยอะมากด้วย

แถมข้าวในโรงอาหารก็ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยไม่แพ้ที่ใด

ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกของหวาเหวิน ที่จะต้องเดินต่อแถวซื้อข้าวพร้อมกับกลุ่มคนเหล่านั้น

อุปกรณ์เข้าเรียนเหล่านี้เป็นสิ่งที่เจียงหยู่เตรียมไว้ให้เธอ แม้แต่บัตรอาหารที่อยู่ในมือ

เธอเองก็ไม่รู้ว่าในนี้มีเงินอยู่จำนวนเท่าไหร่

ดังนั้นในตอนที่เธอไปซื้อหมี่ผัดชุดหนึ่ง เธอจึงได้รู้ว่ามียอดเงินคงเหลืออยู่ที่ 10,000 หยวน

สำหรับนักศึกษาแล้ว เป็นจำนวนเงินที่เงินมากทีเดียว

หวาเหวินซื้อแค่เพียงผัดหมี่แค่ชุดเดียว แล้วน้ำเปล่า 1 ขวด

ราคาอาหารที่นี่ค่อนข้างถูกมาก หมี่ 8 หยวน น้ำ 2 หยวน รวมเป็น 10 หยวน

หลังจากที่หวาเหวินซื้อเสร็จก็ค้นพบว่า พื้นที่ในการรับประทานอาหารเต็มหมดแล้ว แทบจะไม่มีที่ว่างเหลือเลยด้วยซ้ำ

เธอเลยยกถาดอาหารเดินวนอยู่ในโรงอาหารอยู่รอบหนึ่ง และกำลังจะตัดสินใจออกไปหาที่นั่งรับประทานอาหารด้านนอก

โชคดีที่ตอนนี้อยู่ในเดือนกันยายน ยังไม่หนาวมาก

ทันใดนั้นเธอก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนขึ้น “เธอ เธอนั่งที่ฉันก็ได้ ฉันกินเสร็จพอดี”

หวาเหวินพยักหน้า แล้วเดินไปนั่ง

จากนั้นก็เงยหน้ามองแวบหนึ่ง ผู้ชายสามคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอ ต่างพากันตกตะลึงไปตามๆกัน

ใบหน้านี้……นี่มันเทพธิดา….. ดั่งเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ลงมาจุติอย่างไรอย่างนั้น….

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

Status: Ongoing

ลือกันว่าหวาเหวิน คุณหนูห้าของตระกูหวาที่เป็นตระกูลใหญ่นั้นเป็นคนที่พูดติดอ่างและหน้าตาอัปลักษณ์ ตั้งแต่เด็ก เธอก็ไปทำสมาธิบนเขากับคุณย่า จนถึงที่บ้านหมั้นหมายผู้ชายให้ เธอจึงกลับมา ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวก็หนีงานแต่งไปนอนกับดาราหญิงไก่กา เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปให้คนรู้กันทั่วในงานแต่ง หวาเหวินที่โดนคนหัวเราะเยาะนั้นใช้นิ้วชี้ไปผู้ชายคนหนึ่ง ลากเขาขึ้นมาดำเนินงานแต่งต่อ สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจนั้นคือชายหนุ่มที่หวาเหวินสุ่มลากไปแต่งงานนั้นเป็นเจียงหยู่ ลูกชายคนเดียวของตระกูลใหญ่สุดตั้งแต่นั้นมา หวาเหวินโดนเขาทรมานทุกคืน จนถึงเธอทนต่อไปไม่ได้อีก“เจียงหยู่ ไอ้คนเลว เราคุยกันดีแล้วไม่ใช่หรือ ว่านี่มันเป็นแค่การแต่งงานปลอมๆ” เจียงหยู่ทำหน้าไร้เดียงสา“ใช่ ฉันกำลังใช้ร่างกายเพื่อรักษาคู่ชีวิตของเราอยู่….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท