ตอนที่ 93 หลอกลวงมากเกิน
หวาลินอึ้งงันราวครึ่งวัน ก่อนจะได้สติกลับมา
“เหวินเหวิน…..เธอ…..”
เมื่อหวาเหวินเห็นท่าทางอึ้งงันที่ฉายออกมาทางแววตาของหวาลิน เธอจึงยิ้มออกมาก่อนพูดว่า “รู้สึกเหนือความคาดหมายใช่ไหม?”
หวาลินพยักหน้า
“รู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดในวันนี้ มันแปลกมาก ไม่เหมือนกับเธอที่ฉันรู้จักมาหลายปีเลยสักนิด”
หวาเหวินถามเธอ “งั้นเมื่อก่อนฉันเป็นยังไงเหรอ?”
“ไม่ชอบพูด ไม่ชอบยิ้ม แข็งแกร่งได้โดยไม่ต้องพูดมาก บุคลิกเย็นชา”
หวาเหวินก้มหน้าลง พร้อมกับยิ้มบาง ๆ ออกมา
“เหวินเหวิน เธอมีความสุขใช่ไหม? เวลาอยู่กับตระกูลเจียง?” หวาลินถามคำถามนั้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“ตระกูลเจียงจะพูดยังไงดีละ? คงจะพูดว่ามีความสุขไม่ได้หรอกมั้ง พี่ก็รู้ว่าการแต่งงานของฉันมันปราศจากความรักเป็นพื้นฐาน แต่เมื่อจดทะเบียนกันแล้วก็ช่างเถอะ…..ถ้าจะให้พูดอย่างเป็นธรรมแล้วละก็ตระกูลเจียงดีกับฉันมาก ฉันเป็นอิสระได้อย่างเต็มที่ แค่นี้ก็พอแล้ว”
หวาลินครุ่นคิดสักพัก หวาเหวินต้องรู้สึกดีต่อตระกูลเจียงด้วยอย่างแน่นอน ถึงทำให้มีทัศนคติที่ดีกว่าเมื่อก่อน ยิ้มมากกว่าเมื่อก่อน และพูดมากกว่าเมื่อก่อนขนาดนี้
ในตอนที่ประกาศพินัยกรรมของคุณย่าครั้งที่แล้ว หวาเหวินได้ถูกครอบครัวโจมตีใส่ แต่เจียงหยู่ได้ออกหน้าปกป้องภรรยา ช่างเป็นผู้ชายที่พิเศษมากจริง ๆ
จะว่าไปแล้ว น้องห้าคนนี้ก็หน้าตาสะสวยใช้ได้เลยนะ เจียงหยู่ต้องดีกับเธออยู่แล้ว
แต่หวาลินก็ไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน เธอเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบซุบซิบนินทาอะไรแบบนั้น
ทั้งสองยังคงพูดคุยกันต่อราว 2 ชั่วโมง
หลักๆแล้วหวาลินต้องการมาขอโทษ และเอาหนังสือมาให้กับหวาเหวินเท่านั้น
เมื่อแยกกัน หวาเหวินเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือเฟือ
ชุดเถาเลยแนะนำว่าในละแวกนี้มีตลาดขายของโบราณตามท้องถนนอยู่ไม่น้อย เธอสามารถไปเดินเล่นได้
แต่ครั้งนี้ถึงจุดที่ค่อนข้างต่ำสุดจริง ๆ ถึงต้องไปเดินตลาดเปิดท้ายขายอยู่บนพื้น มีทั้งของแท้และของปลอม หากไม่ระวังก็อาจจะโดนหลอกได้
แต่สภาพจิตใจของหวาเหวินดีขึ้นมากแล้ว เลยคิดจะไปเดินเล่นแค่เป็นทางผ่านเท่านั้น
ดังนั้นเจ้านายและคนใช้ทั้งสองจึงตัดสินใจเดินไปทางตลาดขายของโบราณที่ปะปนไปด้วยมิจฉาชีพและคนดีผสมกัน
ถนนทั้งสี่สายที่ปฏิรูปเป็นตลาดขายของเก่าแห่งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นตลาดเปิดท้ายขายของตามท้องถนนทั้งนั้น
แต่คุณภาพของของนั้นแน่นอนว่ามีหลายอย่างที่ทำของปลอมเลียนแบบขึ้นมา
แสร้งทำเป็นเข้าใจเพื่อหลอกเอาเงินซึ่งในความจริงแล้วกลับไม่ได้เข้าใจอะไรเลยก็เท่านั้น
เมื่อเดินเข้ามาก็พบกับคนๆ หนึ่ง
เป็นเด็กหนุ่มอายุราว ๆ 20 กว่าปี หน้าอวบอิ่ม ใส่สร้อยทองเส้นใหญ่อยู่บนลำคอ ดูโอ้อวดโอ่อ่ามากจริง ๆ
เขาสวมใส่เสื้อผ้าของยี่ห้อเวอร์ซาเช สีฉูดฉาดมากทีเดียว
เขาถือกระเป๋าแบรนด์ LV พร้อมกับควงสาวน้อยท่าทางอ่อนโยนคนหนึ่ง
สาวน้อยคนนี้อายุไม่ถือว่ามากนัก แต่แต่งหน้าค่อนข้างจัดเต็มเลยทีเดียว เธอสวมใส่กระโปรงสั้น ถุงน่องสีดำ แต่สไตล์การแต่งตัวกลับดูค่อนข้างธรรมดามาก
ในตอนที่หวาเหวินเดินผ่านไปนั้น พวกเขาทั้งสองกำลังยืนมองถ้วยที่มีผู้เฒ่าขายอยู่ชิ้นหนึ่ง
ท่าทางของผู้เฒ่าคนนั้นค่อนข้างยากจน ใบหน้าหมองคล่ำ แต่…..ยิ่งมีท่าทางแบบนี้ ก็ยิ่งดึงดูดให้มีคนซื้อมากขึ้นเท่านั้น
เพราะคนซื้อเหล่านี้ต่างคิดว่าคนในหมู่บ้านเหล่านี้ ไม่น่าจะใช่คนหลอกลวงโดยจิตใต้สำนึกอยู่แล้ว
และยิ่งคิดว่าสิ่งของที่อยู่ในมือของพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นของที่บรรพบุรุษหลงเหลือไว้ให้ หรือไม่ก็เป็นของที่ขุดขึ้นมาจากภายในละแวกบ้านของตัวเองทั้งนั้น
“หนุ่มน้อย ถ้วยใบนี้ราคา 10,000 หยวนถือว่าไม่แพงแล้วนะ ฉันกับภรรยาของฉันก็ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้หรอก คิดแค่อยากจะเอามาแลกเป็นค่ารักษาตัวให้แก่ลูกชายเท่านั้น ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีวันเอาออกมาขายอย่างแน่นอน ถ้วยใบนี้เป็นของที่ปู่ของปู่เหลือทิ้งไว้ให้ ได้ยินมาว่าเป็นเครื่องกวนอิมลายครามในสมัยราชาวงศ์หมิงเลยนะ เจ้าหนุ่มซื้อกลับไปแล้วขายต่อให้กับผู้เชี่ยวชาญก็ได้นะ จะขายในราคาหลายแสนมันก็ไม่ใช่ปัญหาด้วย…….. ”
เมื่อผู้เฒ่าคนนั้นพูดจบ เจ้าอ้วนคนนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด
หวาเหวินกวาดตามองไปทางพวกเขาทั้งสองคนนั้นก่อนจะทอดถอนใจออกมาเบา ๆ “สมัยนี้ คนโง่เกลื่อนกลาด นักต้มตุ๋นก็มากพอกัน”
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดเสียงดังก็ตาม แต่สาวน้อยที่อยู่ข้างกายของเจ้าอ้วนคนนั้นก็ดันหูดี เมื่อเธอได้ยินก็ถลึงตาใส่หวาเหวินทันที
“ไหนพูดมาสิ เธอว่าใครโง่?”
ชุนเถากำลังรุดขึ้นหน้า แต่ก็ถูกหลอเหวินขวางเอาไว้
เธอส่ายหน้า เพื่อบ่งบอกว่าไม่ให้เไป
“คุณหนู คนแบบนี้ ต้องคิดบัญชีนะคะ คุณหนูอย่ามาขวางบ่าวเลย” ชุนเถาโกรธจนควบคุมสติไว้ไม่อยู่