ตอนที่103 พรสวรรค์อันน่าทึ้ง
ไม่ทันรอให้หวาเหวินพูดแต่อย่างใด แซ่จื๋อจ้วนก็ส่งเสียงฮัมเพลงขึ้นมา
ในซอยที่เธอพักอาศัยอยู่นั้น ฉันได้เช่นห้องพักเอาไว้ห้องหนึ่ง
เพื่อต้องการที่จะพบเธอด้วยความบังเอิญ…….
ไม่ทันรอให้แซ่จื๋อจ้วนร้องเพลงจบแต่อย่างใด หวาเหวินก็พูดแทรกเขาขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบทันทีว่า
“แซ่จื๋อจ้วน นายคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“อ่า เหวินเหวิน ตอนที่เธอเรียกชื่อฉัน มันเพราะมากเลย……แต่ว่านะ เรียกว่าแซ่จื๋อจ้วนมันไม่ค่อยชินหูยังไงไม่รู้ เธอเรียกฉันว่าจื๋อจ้วนก็ได้ ครอบครัวฉันก็เรียกแบบนี้”
“แซ่จื๋อจ้วน ฉันกำลังเรียนอยู่”
“ฉันรู้ ดังนั้นฉันเลยมาดูเธอไง ก็ปกติแล้วฉันส่งข้อความหาเธอ เธอก็ไม่ตอบนิ โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ วีแชทก็ไม่รับแอด”
แซ่จื๋อจ้วนพูดเรื่องเหล่านี้ด้วยความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
เข้าขั้นบอกว่าได้ว่าหวาเหวินมีนิสัยประหลาดๆเลยก็ว่าได้
หวาเหวินเองก็จนปัญญา แซ่จื๋อจ้วนแตกต่างกับเจียงหยู่มากทีเดียว
ถึงแม้ว่าเจียงหยู่จะดูไร้ยางอายบ้างเล็กน้อยก็ตาม แต่……เจียงหยู่ก็เคารพความคิดเห็นของหวาเหวินมาก
แต่แซ่จื๋อจ้วนกลับไม่ใช่ เขาไร้ยางอายเอามาก ๆ
ครั้งที่แล้วก็หลอกลวงผู้อื่น แล้วยังมาหลอกลวงเรื่องเจ้าโคกอีก ทำให้หวาเหวินถึงขั้นจนปัญญาอย่างมาก
“พวกเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น นายอย่ามาทำแบบนี้เลย นายยิ่งมาทำแบบยนี้ยิ่งทำให้ชีวิตของฉันมันยุ่งยากมาเข้าไปอีก…..อีกอย่าง…..ถ้าเจียงหยู่รู้เข้าคงไม่สบายใจแน่ ๆ ถึงอย่างไรตอนนี้ฉัน…….ก็เป็นภรรยาของเจียงหยู่”
หวาเหวินคิดว่าการหยิบหยกเจียงหยู่ขึ้นมาเป็นธงประดับได้ เจ้าหมอนี้จะเก็บอาการได้บ้าง
ถึงอย่างไรเจียงเฉิงสถานที่แห่งนี้ ใครบ้างที่ไม่รู้จักชื่อเสียงของเจียงหยู่?
ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ก็ต้องอ่อนให้กับชื่อนี้
ทันใดนั้น แซ่จื๋อจ้วนก็หัวเราะอย่างชั่วร้ายออกมา
“เหวินเหวิน เธอไม่รู้ว่าเจียงหยู่เป็นคนน่าเบื่อบ้างเหรอ? เธออยู่กับเขา เสียของดีไปหมดเธอรู้ไหม? ฉันยอมรับว่าตอนนั้นฉันทำผิด ฉันไม่อยากแต่งงาน ….. แต่ตอนนั้นฉันเข้าใจผิดเพราะข่าวลือนะ ถ้าฉันรู้ว่าเธอเป็นแบบนี้ …… ต่อให้ตายฉันก็คงไม่หนีงานแต่งไปหรอก ดังนั้น…..เธออย่าโกรธกันเลยนะ”
“นายเข้าใจผิดแล้ว คุณแซ่ ฉันไม่เคยโกรธนายเลย ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว เชิญนายออกไปเถอะ ฉันต้องไปเรียนแล้ว”
หวาเหวินพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน……
“เหวินเหวิน”
“อย่าตามฉันมา ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ นายเองก็ควรจะไว้หน้าบ้าง ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป โทษฐานก่อกวน มันคงจะดูไม่ดีเท่าไหร่” หวาเหวินตักเตือนด้วยสายตาเย็นชา
แซ่จื๋อจ้วนเองก็จนปัญญา ไม่กล้าตามต่อแต่อย่างใด
ถึงอย่างไรการทำเธอเสียหน้าในครั้งที่แล้ว เธอก็เคยแจ้งความจับเขามาก่อน
ดังนั้นเรื่องที่แจ้งความในครั้งนี้ เขาเชื่อว่าหวาเหวินทำจริง
ช่วงบ่ายเธอไม่มีเรียนต่อ หวาเหวินเลยไปหาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของสาขาภาควิชาประวัติศาสตร์ท่านหนึ่ง
อาจารย์ท่านนี้มีชื่อว่า ซุนเซียง เป็นหญิงสูงวัยอายุเกือบๆ 50 ปีคนหนึ่ง เธอทำวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มาทั้งชีวิต ถือได้ว่ามีความรู้มากมายเลยทีเดียว
หวาเหวินมาเชิญอาจารย์ไปดื่มกาแฟภายในมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง หลังจากนั้นก็พูดคุยเรื่องข้อคิดเห็นของตัวเอง
คุยไปคุยมาเวลาก็ร่วงเลยไปกว่า 2 ชั่วโมง
จากนั้นเขาลือเกี่ยวกับพรสวรรค์อันน่าทึ้งของเทพธิดาที่มาใหม่ก็ได้แพร่สะพัดไปในมหาวิทยาลัยอีกครั้ง เธอสามารถนั่งพูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมทางประวัติศาสตร์กับผู้คงแก่เรียนอย่างอาจารย์ซุนนานกว่าสองชั่วโมงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ตอนเลิกเรียน ชุนเถาก็มารับตามเคย
รถเพิ่งมาจอดตรงประตูข้างได้ไม่นาน หวาเหวินก็เปิดประตูแล้วกระโดดขึ้นรถไปในทันที
“รีบออกรถ”
“คุณหนู เป็นอะไรเหรอคะ? มีคนสะกดรอยตามมาด้านหลังรึเปล่าคะ?”
“ไม่ใช่ กลัวคนเหล่านี้จะเห็น แค่คำนินทาในช่วงนี้ก็มากพออยู่แล้ว”
“ฮ่า พวกเขาตกตะลึงในความสวยของคุณหนูแล้วใช่ไหม?”
“หยุดพูดเรื่องนี้เลยนะ ฉันไม่อยากได้ยินคำนี้” หวาเหวินรู้สึกปวดหัว
เมื่อนึกถึงจำนวนคนที่เบียดเสียดดั่งภูเขาดั่งมหาสมุทรตรงระเบียงทางเดิน เพื่อมาดูเธอเหมือนกับมาดูหมีแพนด้าในสวนสัตว์อย่างไรอย่างนั้น เธอเบื่อหน่ายมากทีเดียว
บวกกับเพื่อนร่วมห้องผู้หญิงก็ต่างมองมาทางเธอด้วยสายตาอิจฉาริษยาและลุ่มหลงไม่แพ้กัน
เมื่อกลับถึงบ้าน หวาลินก็โทรศัพท์มาพอดี