ซือถูจ้าวคิดได้เช่นนั้น หัวใจก็กระตุกรัดเกร็ง
เขาเอ่ย “องค์ชายใหญ่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว กระหม่อมไม่ได้คิดกีดกันจงซานออกไป ทั้งไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเลย แต่ตัวจงซานต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน! ท่านลองคิดดูเถิด ตอนแรกเพราะเขา ท่านเห็นด้วยกับการมอบทหารสองแสนนายให้เยี่ยเม่ย ยามนี้ท่านไม่รู้สึกแคลงใจบ้างเชียวหรือ”
“ปัญหานี้ก่อนหน้าก็สงสัยแล้วมิใช่หรือ จงซานก็อธิบายชัดเจนแล้ว หลังจากวันนั้นที่จงซานชี้แจงจนกระจ่าง ท่านลุงก็ไม่ว่ากระไร! ไฉนวันนี้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอีกแล้วเล่า” เป่ยเฉินเสียงฟังคำพูดซือถูจ้าวยิ่งหมดความอดทน เขาเพียงรู้สึกว่าซือถูจ้าวไร้เหตุผล รบเร้าไม่เลิก เพื่อทำให้เขาตีตัวออกห่างจงซาน ท่านลุงลงมือโดยไม่เลือกวิธีการ!
ทั้งยังใช้วิธีการหยิบยกเรื่องในอดีตขึ้นมาอีก
ซือถูจ้าวคิดไม่ถึงเลยว่าเป่ยเฉินเสียงจะพูดไม่รู้เรื่อง ปัญหาก็แจ่มแจ้งขนาดนี้แล้ว เขายังยืนกรานหนักแน่น แม้กระทั่งข้อสงสัยใหญ่ก่อนหน้านี้ที่ตัวซือถูจ้าวยังแคลงใจมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเรื่องกำลังทหารสองแสนนาย เป่ยเฉินเสียงเป็นเจ้าทุกข์ตัวจริง บอกว่าปล่อยวางได้ก็ยอมปล่อยวางแล้ว
ซือถูจ้าวเห็นตัวเองแล้วรู้สึกถึงคำพูดของคนช่างยุ่งเรื่องชาวบ้านประโยคหนึ่งที่เรียกว่า ฮ่องเต้ไม่ร้อนแต่ขันทีรีบ!
เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็ส่งสายตาไปหาฮองเฮา เอ่ยว่า “ฮองเฮา หรือท่านไม่อาจแยกแยะได้ ยามนี้จงซาน เยี่ยเม่ยและเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด องครักษ์ในวังหลายคนเห็นจงซานสนทนากับเยี่ยเม่ยครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้จงซานยังทะเลาะกับกระหม่อมเที่ยวหนึ่ง เรื่องนี้ต้องไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน!”
ซือถูจ้าวรู้สึกว่าหากคนทั้งสองยังไม่เชื่อเขาอีก น้ำตาของตนต้องไหลทะลักออกมาอย่างแน่นอนแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรฮองเฮาก็เป็นน้องสาว ฮองเฮาย่อมไม่มีทางคิดว่าเขาจะให้ร้ายองค์ชายใหญ่กระมัง ทั้งยังต้องเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง พูดว่าเชื่อใจเขาออกมาหลายคำเป็นแน่
ซือถูจ้าวกำลังแอบคิด
ทว่าเขาไม่มีวันคิดได้เลยว่าหลังจากฮองเฮาได้ฟังแล้วก็มองซือถูจ้าวคราหนึ่ง สีหน้าไม่พอใจในตัวซือถูจ้าวอยู่บ้าง เอ่ยว่า “หากพูดเรื่องอื่น ข้ายังไม่มีคำพูดโต้แย้ง แต่หากจะพูดเรื่องที่ท่านทะเลาะกับจงซานจนไม่มีคนห้ามทัพทำให้แม่ทัพทั้งสองเกิดเรื่อง ข้าส่งคนไปสืบมาแล้ว…”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ ฮองเฮากล่าวต่อไป “องครักษ์เฝ้าห้องทรงพระอักษรรายงานกับข้าว่า เรื่องนี้ฝ่าบาททรงลงโทษท่านกับจงซานไปแล้ว ดังนั้นข้าคิดว่าเรื่องนี้หาใช่ปัญหาของจงซานแต่เพียงผู้เดียว ท่านกับจงซานล้วนมีปัญหาด้วยกันทั้งสิ้น! อันที่จริงในเมื่อท่านคิดได้เช่นนี้ก็ไม่สมควรเอาแต่ทะเลาะกับจงซานอีก ควรช่วยเกลี้ยกล่อมแม่ทัพทั้งสองมากกว่า ทำไมท่านถึงได้รบเร้าจงซานไม่เลิก ทำให้พวกท่านพลาดโอกาสโน้มน้าวแม่ทัพทั้งสองเพื่อช่วยแบ่งเบาความกลัดกลุ้มของข้าบ้างเล่า”
ซือถูจ้าว “อะไรนะ…?!”
นี่มันเรื่องจริงใช่ไหม
อย่าว่าแต่เรื่องนี้เลย เดิมซือถูจ้าวก็โมโหที่ฮ่องเต้ไม่แยกแยะถูกผิดลงโทษเขากับจงซานด้วยกันแล้ว
คิดไม่ถึงว่าฮองเฮายังยกเรื่องนี้ขึ้นมาอีก
เขาฝืนปลอบใจตัวเองอยู่ตั้งนานว่า เพราะฝ่าบาทอารมณ์ไม่ดี รู้ว่าแม่ทัพทั้งสองต่อยตีกัน พระองค์ทรงกลัดกลุ้มกังวล ดังนั้นทรงไม่อยากตัดสินเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ถึงได้ลงโทษเขากับจงซานไปด้วยกัน
มาตอนนี้ก็ดีเลย
ฮองเฮายังหยิบยกออกมาพูด ทั้งยังคิดว่าเรื่องนี้เขาเป็นฝ่ายผิดอย่างชัดเจน กลับกันกลายเป็นหลักฐานว่าจงซานไม่มีปัญหา ?!
ยังมีอันใดอีกนะ ฮองเฮายังเอ่ยอีกว่า สาเหตุเพราะเขาทะเลาะกับจงซาน ดังนั้นเรื่องนี้ล้วนโทษเขาแล้วใช่ไหม
ตัวเขาครุ่นคิดอยู่แทบตาย กลัวว่าพวกเขาสองแม่ลูกเสียเปรียบ กลัวว่าตัวเองตัดสินใจผิดไปแล้ว ทำให้พวกเขาโชคร้ายตามตัวเองไปด้วย พวกเขาสองคนกลับทำดีนัก ทำให้เขาเข้าใจตัวเองใหม่ ทั้งยังทำให้เขารู้แล้วว่าคนผู้หนึ่งโง่งมได้ถึงขั้นไหนเชียว
อันที่จริงคำพูดของฮองเฮา เป่ยเฉินเสียงคิดออกได้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่ซือถูจ้าวเป็นท่านลุงและขุนนางคนสำคัญของเขา เขาไม่เหมาะจะเอ่ยคำพูดนี้ออกไป เมื่อฮองเฮากล่าวแทน เขาก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
ดังนั้นจึงรีบฉวยโอกาสกล่าวกับซือถูจ้าว “ท่านลุง คำพูดของเสด็จแม่ท่านลองไตร่ตรองดู การที่ท่านเป็นปรปักษ์กับจงซาน ไม่ดีต่อพวกเราสักนิด!”
ซือถูจ้าวอึ้งเงียบ
เขารู้สึกว่าตัวเองโมโหจวนจะระเบิดออกมาแล้ว ทั้งยังสำนึกได้ว่าเขาโมโหเสียจนพูดไม่ออกแม้สักคำ บางทีเขาหันไปสนับสนุนองค์ชายรองและองค์ชายสาม ยังน่าพึ่งพาเสียกว่าสองแม่ลูกคู่นี้มากนัก
แต่คนผู้นี้ดันเป็นน้องสาวของเขาน่ะสิ แล้วเหตุใดเป่ยเฉินเสียเยี่ยนหลานชายอีกคนของเขาต้องมีความแค้นอย่างใหญ่หลวงกับซือถูเฟิงและซือถูเฉียงด้วย ถึงชักนำให้เขาต้องร่วมมือกับคนโง่เขลาทั้งสองนี้
ยามที่ซือถูเฟิงบุตรชายเสียชีวิต เขาก็มิได้โทษว่าสวรรค์ไม่เป็นธรรม ยามที่ซือถูเฉียงบุตรสาวเสียชีวิต เขาก็ไม่โทษความอยุติธรรม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตัวโง่งมทั้งสอง เขาทนไม่ไหวอีกแล้ว รู้สึกว่าสวรรค์ช่างโหดร้ายกับเขานัก ช่างไม่เหลือหนทางไว้ให้คนบ้างเลย
การมีชีวิตอยู่ช่างลำบากยากเข็ญนัก!
ครั้นเห็นซือถูจ้าวสีหน้าคล้ำเขียว ดวงตาแดงก่ำราวกับว่าจะร้องไห้ออกมา
ฮองเฮาเห็นท่าทางของเขาก็ยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่ เอ่ยกับซือถูจ้าวว่า “ท่านพี่ ข้ารู้ว่ายามนี้ท่านกำลังโทษตัวเอง ท่านรู้ว่าตนเองเป็นลุงของเสียงเอ๋อแต่ไม่อาจคิดถึงเขาเป็นอันดับแรก มักเป็นปรปักษ์กับจงซานตลอดจนทำให้เกิดความรู้สึกผิดในใจ ถึงข้าจะไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเราต่างก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นเรื่องนี้ ข้ากับเสียงเอ๋อไม่คิดเล็กคิดน้อยกับท่าน!”
ซือถูจ้าว “…” ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขา?!
อย่างนั้นสินะ เขาซือถูจ้าวกลับกลายเป็นคนผิดไปเสียแล้ว
นี่เขาสมควรสำนึกบุญคุณอย่างใหญ่หลวง คุกเข่าขอบคุณที่สองคนนี้เมตตากรุณาหรือเปล่า! เขาโมโหเสียจนแทบกระอักเลือดออกมา ในสายตาของสองคนนั้นกลับเป็นการสำนึกผิด
เมื่อคิดเช่นนี้ ซือถูจ้าวก็ยิ่งโมโหเป็นการใหญ่ อารมณ์ขุ่นมัวที่บุตรชายและบุตรสาวตายอย่างเวทนาและเผชิญหน้ากับคนโง่เขลาไม่ยอมฟังคำเตือนทั้งสองนี้ก็ไม่อาจควบคุมได้อีกแล้ว
เลือดสดๆ พุ่งขึ้นมาหลังจากสิ้นเสียงไอของเขา
เลือดก็ถูกกระอักออกมาคำหนึ่ง!
ซือถูจ้าวค่อยเข้าใจว่าอะไรถึงเรียกว่าโมโหจนกระอักเลือด! หวังให้คนตรงหน้าแก้แค้นให้เผิงเอ๋อกับเฉียงเอ๋อของเขา เรื่องนี้ยังเป็นไปได้อยู่หรือเปล่า คงไม่ใช่ฝันลมๆ แล้งๆ ของเขาใช่ไหม
ครั้นเห็นเสนาบดีกระอักเลือดแล้ว
ฮองเฮากับองค์ชายใหญ่พลันร้อนรนขึ้นมา รีบเข้าไปพยุงเขา
ฮองเฮากล่าวว่า “ท่านพี่ เป็นอะไรไปแล้ว ท่านเสียใจ แต่ก็ไม่ควรโทษตัวเอง! ทั้งยังกระอักเลือดออกมาอีก! ไม่ง่ายเลยกว่าที่เสียงเอ๋อจะรอคอยจนถึงวันนี้ วันที่ทุกคนต่างร่วมใจ แม้กระทั่งเจ้าเดียรัจฉานเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังยินยอมช่วยเหลือเสียงเอ๋อ เยี่ยเม่ยก็ยินยอมสนับสนุนเขา เวลานี้ท่านไม่อาจเกิดเรื่องขึ้นได้เด็ดขาดเชียว!”