ตอนที่ 156 เจอกับคนคุ้นเคย
ดังนั้นในตอนที่ชุนเถาและหยินซิ่งกลับมานั้น ก็เห็นว่ามีเงิน 2000 หยวนวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งสองเลยพากันตื่นตกใจ
หลังจากที่ได้ยินว่าขายของได้แล้ว ก็ยิ่งตกใจกันเข้าไปใหญ่
“แม่เจ้า นี่คือโชคชะตาจริง ๆ ด้วยค่ะ” ชุนเถาตื่นตกใจ
หวาเหวินรู้สึกภาคภูมิใจ ด้วยจิตใจที่เบิกบาน
“เพิ่งเปิดร้านวันนี้ ก็ได้ค่าข้าวกลับมาแล้ว ใช้ได้เลยค่ะ ไม่เสียแรงเปล่า”
“คุณหนูคะ คุณหนูขายให้กับคนแบบไหนไปคะ? ดูเป็นคนใจกว้างมากไหมคะ?”
หยินซิ่งล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าเจดีย์น้อย ๆ ที่ดูเหมือนจะเก่าและผุพังชิ้นนั้น จะมีมูลค่าถึง 2000 หยวน?
หวาเหวินยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมขมับ พร้อมกับหลับตาทั้งสองข้างลง
“คงจะมีโชคชะตากับเธอแหละ หน้าผากของพี่สาวคนนั้นนูนสูงออกมา บ่งบอกถึงดวงกินผัว สามีน่าจะล้มหายตายจากไป ลูก ๆ จึงกำพร้าพ่อ แต่ฝ่ามือของเธอนั้นกว้างและหนา ตรงกลางฝ่ามือก็ยังบุบลงไปด้วย นั้นบ่งบอกได้ว่ายังมีขุมทรัพย์อยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีหวังเรื่องสามีก็ตาม แต่ขุมทรัพย์ของเธอถือว่าใช้ได้เลย ดูท่าแล้วครอบครัวของหล่อนน่าจะทำธุรกิจเล็ก ๆ ไม่ต้องกังวลกับเศรษฐกิจ เจดีย์ 2000 หยวนที่จ่ายออกมาได้ปรับเปลี่ยนโชคชะตาของเธอ และกลายเป็นของมงคลที่มีคุณค่ามาก”
“คุณหนู ที่คุณหนูขายของ นั้นเป็นเพราะว่าคุณหนูอยากทำนายดวงชะตาใช่ไหมคะ?”
หยินซิ่งรู้ว่าโรคเก่าของคุณหนูอดที่จะกำเริบขึ้นมาไม่ได้ ซึ่งก็คือนิสัยส่วนตัวที่ชอบทำนายดวงชะตาให้กับคนอื่น
ไม่ว่าจะบนใบหน้าก็ดี หรือว่าบนฝ่ามือก็ดี หรือว่าจากการเสี่ยงเซียมซีก็ดี
สุดท้ายผลลัพธ์ก็ล้วนแล้วแต่เหมือนกัน เพียงแต่ถูกทำนายออกมาในรูปแบบที่ไม่เหมือนกันเท่านั้น
ความจริงแล้วหวาเหวินเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้เป็นแบบนี้?
เหมือนกับว่าในสมองของเธอมีอะไรบางอย่างที่คอยชี้แนะให้เธอทำเรื่องเหล่านี้อยู่
ถ้าเธอทำการคำนวณอย่างละเอียดถี่ถ้วนละก็ เธอย่อมเห็นข้อมูลพื้นฐานและทิศทางของโชคลาภได้จากอวัยวะทั้ง 5 บนใบหน้าของคน ๆ นี้เลยทีเดียว
ดังนั้นด้วยความอยากรู้เมื่อสักครู่ เธอจึงได้ชำเลืองมองไปแวบหนึ่ง
แต่แล้วเธอก็ทำได้เพียงพึมพำกับตัวเอง ไม่ได้พูดคุยกับพี่สาวคนนั้นแต่อย่างใด ความลับของสวรรค์รั่วไหลย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ
การเปิดร้านเล็ก ๆ ของหวาเหวินนั้นทำให้หวาเหวินมีเรื่องที่ต้องทำมากมายเหมือนกัน
ดังนั้นเธอจึงได้ทำการปรับตารางเรียน จากเดิมที่ต้องเรียน 5 วัน หรือ 1 สัปดาห์ เธอก็ได้เปลี่ยนไปเรียนเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น ซึ่งก็คือวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์
ส่วนวันอังคารและวันพฤหัสเธอจะไปเฝ้าร้านเล็ก ๆ ของเธอ
ชื่อร้านแห่งนี้เธอครุ่นคิดอยู่นานมากแล้ว แต่ก็ยังไม่มีชื่อไหนเหมาะสม สุดท้ายก็ได้ใช้ชื่อในวีแชทของเธอว่า —— มีคุณตลอดชีวิต
ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับชื่อของเธอและก็ไพเราะมากด้วย
พริบตาเดียวเวลาก็ร่วงเลยมาถึงวันพุธอีกแล้ว วันนี้เป็นวันที่เธอต้องไปเรียน
หวาเหวินเข้าเรียนแค่คาบเช้าคาบเดียวแล้วก็ออกไปทันที เธอหนีห่างจากฝูงชน มาหลบอยู่ในมุมของห้องสมุดเก่าตามเดิม
ในช่วงพักกลางวัน เธอก็เดินไปทางประตูข้างของมหาวิทยาลัย ทะลุถนนสองเส้นออกไป จนมาถึงร้านซาลาเปานึ่งแห่งหนึ่ง
หลังจากที่เข้าไปในร้านแล้วก็พบว่ามีคนแน่นเต็มร้าน ไม่มีที่นั่งว่างเลยสักที่
หวาเหวินกำลังจะหมุนตัวเดินออกไป แต่แล้วก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเอง
“เหวินเหวิน”
หวาเหวินหันกลับไปมอง เมื่อเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้น เธอก็ตื่นตกใจไม่น้อย
นี่คือเพื่อนร่วมห้องชั้นเดียวกัน ? นักศึกษาผู้ยากจนคนนั้น? อวู๋ผิง? ถ้าเธอจำไม่ผิดละก็
“เหวินเหวิน มานั่งนี่ก็ได้ ตรงนี้มีที่ว่างอยู่ที่หนึ่ง”
ยังไม่ทันที่หวาเหวินจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง อวู๋ผิงก็หยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมาเช็ดโต๊ะที่ไม่เป็นที่สังเกตเห็นด้านในสุด
หวาเหวินไม่ได้เดินออกไป แต่หมุนตัวเดินกลับเข้ามา
เดิมทีเธอคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะมากินข้าวด้วยเหมือนกัน แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วกลับพบว่า เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่บนตัว และเสื้อผ้าของพนักงานภายในร้านนั้นเหมือนกัน
ดังนั้น………..
ไม่ทันรอให้หวาเหวินถามแต่อย่างใด เธอก็พูดออกมาเอง
“ฉันทำงานคิดเป็นรายชั่วโมงที่นี่ ฮ่า พักเที่ยวตั้งสองชั่วโมง หาเงินได้ตั้ง 40 หยวนเลยนะ” เธอยิ้มอย่างไร้เดียงสา
เธอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองน่าขายหน้า และก็ไม่ได้รู้สึกว่างานของตัวเองนั้นต่ำต้อยแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าเธอมีความสุข และพอใจในสิ่งที่มีมาก
เพียงแค่ 15 นาที ก็ทำให้ทัศนคติของหวาเหวินที่มีต่อเธอดีขึ้นมาเล็กน้อย
หวาเหวินพยักหน้า จากนั้นก็นั่งลงอย่างเงียบ ๆ
“เธอจะกินไส้อะไร เดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้” เธอถามขึ้นด้วยความกระตือรือร้น
“ฉันกินมังสวิรัติ ไส้อะไรก็ได้ ไม่ใส่เนื้อก็พอ”
“ได้ งั้นเดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้ เธอรอนี่นะ”
อวู๋ผิงคนนั้นยุ่งวุ่นวายราว 15 นาที จากนั้นก็ยกซาลาเปานึ่งจานหนึ่งเดินมาตรงหน้าของหวาเหวิน
“เหวินเหวิน นี่คือไส้ผักกาดขาว เธอรีบกินในระหว่างที่มันร้อน ๆ นะ”
หวาเหวินกำลังจะล้วงเงินขึ้นมา เธอรีบกุลีกุจอยับยั้งมือของหวาเหวินไว้ “ไอหยา เธอไม่ต้องล้วงออกมา ฉันเลี้ยงเอง”