ตอนที่ 160 ผู้ปกครองมาถึง
สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน โดยเรียก 110 ไม่ก็ 120 มา
หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ทั้งมหาวิทยาลัยต่างก็พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กัน ทางมหาวิทยาลัยรู้สึกว่ามันสร้างผลกระทบที่ไม่ดีเท่าไหร่ จึงรีบปิดข่าวไม่ให้แพร่กระจายออกไป
ส่วนหวาเหวินก็ถูกตำรวจพาตัวไปสอบปากคำ
หยวนซ่าวเองก็คิดไม่ถึงเช่นเดียวกัน จุดจบของคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจะถูกฟาดหัวแตกแบบนี้
ประเด็นสำคัญก็คือหวาเหวิน เด็กผู้หญิงที่มีนิสัยเฉพาะตัวคนนั้น ทำไมถึงได้มีด้านป่าเถื่อนรุนแรงแบบนี้ ?
ความจริงแล้ว ในตอนที่หวาเหวินยังเป็นเด็กมากนั้น เธอปกป้องตัวเองได้อย่างแข็งแกร่งมาก
ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต เธอก็จะลงมือปกป้องตัวเองด้วยสัญชาตญาณทันที ไม่ยับยั้งกำลังเลยสักนิดเดียว
เรื่องนี้ในความหมายของเธอ ถือว่าเป็นการป้องกันตัว
ถึงอย่างไรถ้าเธอไม่ฟาดเขา ตัวเองก็คงจะถูกจูบไปแล้ว ซึ่งเธอจะไม่ยอมให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด
หยวนซ่าวถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล แต่เขากลับไม่ได้เป็นอะไรมาก ถูกเย็บเพียงไม่กี่เข็ม ซึ่งเขาเองก็ไม่กล้าทำให้คนที่บ้านแตกตื่นแต่อย่างใด
หลังจากที่หวาเหวินถูกนำตัวไปยังสถานีตำรวจแล้ว เธอก็เอาแต่นิ่งเงียบ
ตำรวจที่สอบปากคำเธอ เริ่มค่อย ๆ ขึงขังมากขึ้น
“พูดมา ทำไมต้องตีหัวคน?” คุณอาตำรวจวัย 40 กว่าปีเริ่มถลึงตาใส่
“ปกป้องตัวเอง” หวาเหวินตอบแบบราบเรียบ
“อะไรที่เรียกว่าปกป้องตัวเอง เขาทำร้ายเธอแล้วเหรอ?”
หวาเหวินกวาดตามองไปทางตำรวจอย่างไม่สนใจไยดี “ต้องรอให้เขาทำร้ายฉันก่อนเหรอคะ ฉันถึงจะสามารถลงมือได้ ทันเหรอ?”
“งั้นเธอมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจะทำร้ายเธอ? จากคำให้การจากเพื่อนในห้องของเธอ เขาเพียงแค่อยากเข้าใกล้เธอเท่านั้น”
“ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะคะ ร่างกายของฉันตัดสินด้วยตัวเองภายใต้จิตสำนึก ในตอนที่มีภัยคุกคามมาถึงตัว มันก็จะโต้กลับทันที คน ๆ นั้นไม่ใช่คนในสาขาประวัติศาสตร์ แต่กลับถลันเข้ามาในห้องเรียนของเราในตอนที่กำลังมีการเรียนการสอนอยู่ แถมยังมาพูดจาหยาบคายกับฉัน ตั้งใจจะเข้ามาล่วงละเมิดฉัน ฉันไม่คิดว่าตัวเองทำผิดคะ”
“เธอเป็นผู้หญิงนะ อายุก็ยังไม่มาก แต่กลับปากคอเราะร้าย เธอรู้จักกฎหมายบ้างไหม? เธอไปทำร้ายคนอื่นตามใจตัวเองแบบนี้มันไม่ถูกต้อง ถ้าผู้ชายคนนั้นได้รับบาดเจ็บร้ายแรงขึ้นมา เธอต้องไปขึ้นศาล เธอตั้งใจทำร้ายคน อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กนะ ฉันขอเตือนเธอ”
หวาเหวินไม่เอ่ยคำใดออกไป และก็ไม่ได้แสดงออกถึงความกลัวแต่อย่างใด
“ผู้ปกครองละ โทรศัพท์มาเซ็นต์รับทราบด้วย”
หวาเหวินลังเลเล็กน้อย ว่าจะโทรหาพ่อแม่ หรือว่า……..?
สุดท้าย เธอก็จะทำตามหัวของใจตัวเอง นั้นคือเลือกที่จะโทรหาเจียงหยู่
เดิมทีเจียงหยู่กำลังไปดูสถานที่ร่วมมือใหม่กับลูกค้าอยู่ หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ของหวาเหวิน เขาก็รีบบึ่งมาทันที
ทนายความของตระกูลเจียงเองก็รีบปลีกตัวออกมาจากบริษัทเช่นเดียวกัน
ในตอนที่เจียงหยู่มาถึง ก็สร้างความตื่นตกใจให้กับตำรวจทุกคนทั้งสถานีทันที
รวมถึงผู้บัญชาการต่างก็เดินออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอันดับต้น ๆ ของประเทศ และก็เป็นคนที่เลขาธิการของพรรคการเมืองต่างให้ความเคารพ
“ประธานเจียง คุณมาได้ยังไงครับเนี่ย?” ผู้บัญชาการพูดขึ้นด้วยท่าทางเกรงใจ
“ได้ยินมาว่าภรรยาของผมถูกพวกคุณจับตัวมา ฉันมาหาผู้ที่พามา” สีหน้าของเจียงหยู่ไม่ค่อยดีนัก
ไม่ว่าเรื่องจะเกิดเพราะเหตุผลใด แต่การกักขังสะใภ้ของตระกูลเขาแบบนี้ เขาย่อมไม่พอใจอย่างแน่นอน
“อ่า? จับตัวภรรยาของคุณ?” ผู้บัญชาการกระวนกระวายใจอย่างมาก
ต่อมาเมื่อได้ยิน ก็รู้ว่านักศึกษาหญิงที่ถูกจับมาเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนคือภรรยาของเจียงหยู่
คนที่เป็นตำรวจต่างก็พากันช็อกอีกครั้ง คุณอาที่สอบปากคำหวาเหวินคนนั้นก็ถึงกับขาอ่อนลงเช่นเดียวกัน
“ประธานเจียง…… ผม……ผมไม่รู้จริง ๆ ว่านี่คือภรรยาของประธานครับ …..ต้องขอประธานอภัยด้วยจริง ๆ ครับ”
คุณอาคนนั้นกล่าวขอโทษด้วยท่าทางแข็งแกร่ง จนแทบจะวาดมือขึ้นมาตบตัวเองเลยทีเดียว แต่เจียงหยู่กลับไม่ได้สนใจแต่อย่างใด
“ทนายความของผมจะดำเนินการขอประกันตัวกับพวกคุณ ถ้าพวกคุณต้องการอะไร ก็บอกกับทนายของผมได้เลยครับ”
เมื่อเจียงหยู่ทิ้งท้ายประโยคนี้จบ ก็รีบผลักประตูกห้องสอบปากคำเข้าไปทันที
หวาเหวินยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างว่าง่าย ดูท่าทางโดดเดี่ยวมาก
เจียงหยู่เจ็บปวดใจมากทีเดียว เพราะกลัวว่าเธอจะได้รับความไม่เป็นธรรม จากนั้นก็สาวท้าวยาวเดินเข้าไป แล้วกอดเธอทันที
“เหวินเหวิน ฉันขอโทษ ที่มาช้า เธอตกใจมากเลยใช่ไหม?” เขาพูดขึ้นด้วยความอ่อนโยน
ตำรวจที่ยืนอยู่ด้านหลังถึงกลับพูดไม่ออก ตกใจ? ไม่เลยสักนิด เด็กคนนี้เพิ่งจะโต้คารมกับหัวหน้าไปกว่าครึ่งชั่วโมง ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวสักนิด?
เจียงหยู่กลัวว่าจะไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจผิดต่อภรรยาของตัวเอง?