ตอนที่ 161 ช่วยคนเลวก่อกรรมทำชั่ว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการกอดต่อหน้าตำรวจมากมายขนาดนี้ หวาเหวินจึงรู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไหร่นัก
เธอจึงผลักเจียงหยู่ออกไปอย่างเงียบ ๆ “ฉันไม่เป็นอะไร”
“ทนายความได้จัดการเรื่องการขอประกันตัวแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
สถานที่แห่งนี้ เจียงหยู่ไม่อยากให้หวาเหวินอยู่นานแม้แต่วินาทีเวลาเดียว
เจียงหยู่จูงมือของหวาเหวินออกไป โดยไม่สนใจรอยยิ้มของผู้บัญชาการและหัวหน้าคนนั้นที่ฉีกยิ้มตลอดเวลาแต่อย่างใด
ทุกคนเองต่างก็มองออก ข่าวลือข้างนอกนั้นเป็นเรื่องจริง
ประธานเจียงรักใคร่ภรรยาของตัวเองมากจริง ๆ สามารถเปลี่ยนสีหน้าในชั่วพริบตาเดียว เพื่อภรรยาที่รัก
หลังจากที่ขึ้นรถแล้ว เจียงหยู่ก็ยื่นน้ำขวดหนึ่งให้กับเธอ
หวาเหวินรับมาเงียบ ๆโดยไม่พูดอะไร
“ไม่คิดจะพูดกับฉันหน่อยเหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” เขามองไปทางเด็กดื้อด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ให้รู้สึกว่าตัวเองจะปลุกปั่นเธอแต่อย่างใด
“ไม่มีอะไรจะพูด ก็แค่ตีหัวคนมา”
“ทำไมถึงไปตีเขาละ?”
“ขัดตา” หวาเหวินขี้เกียจอธิบายรายละละเอียดมากมายแต่อย่างใด
ถึงอย่างไรก็คงไม่เหมาะสมที่จะพูดต่อหน้าของเจียงหยู่ ว่าเป็นเพราะหยวนซ่าวจะจูบเธอ
ถ้าพูดออกไป เรื่องมันอาจยิ่งแย่ลงไปมากกว่านี้ คาดว่าเจียงหยู่ก็คงจะโกรธ และไม่ปล่อยเขาไว้อย่างแน่นอน
“เอาเถอะ ภรรยาของฉันแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวโดยมีสติสัมปชัญญะ ทำถูกแล้ว”
หวาเหวิน : ……….
“แต่หลังจากนี้จำไว้นะ ถ้าเห็นใครขัดตา ก็จัดการมันเลย เพียงแต่เรื่องหยาบคายเหล่านี้ เธอไม่ต้องลงมือเองหรอก อย่าทำร้ายตัวเธอเองละกัน ฉันจะส่งบอดี้การ์ดให้ไปอยู่ข้างกายเธอ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันคิดว่าแค่ชุนเถาก็พอแล้ว หล่อนไม่ต่างไปจากบอดี้การ์ดนักหรอก แต่ฉันคิดว่าทั้งหมดนี้มันไม่จำเป็น แค่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่ต้องทำอะไรที่มันโอเวอร์ขนาดนั้นหรอก” หวาเหวินปฏิเสธเจตนาดีของเจียงหยู่ เพราะกลัวว่าเขาจะจัดบอดี้การ์ดอะไรนั้นมาปกป้องเธอจริง ๆ
“ก็ได้ แล้วแต่เธอ แต่ฉันมีเรื่องที่ต้องเตือนเธอสักหน่อย”
เจียงหยู่ดูจริงจังขึ้นมาทันใด หวาเหวินคิดว่าเธอทำให้ตระกูลเจียงเสียชื่อเสียง เพราะเรื่องที่ตัวเองก่อ
ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนรู้อยู่แล้วว่าลูกสะใภ้ของตระกูลเจียงได้ใช้เก้าอี้ฟาดหัวคนภายนมหาวิทยาลัย และตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน
ทันใดนั้น เจียงหยู่มองไปทางเธอด้วยความลึกซึ้งผ่านกระจกหลัง
ก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า “ครั้งต่อไป ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกะทันหัน ไม่ต้องรอให้ตำรวจมาถึง เธอต้องโทรศัพท์หาฉันทันที แบบนี้จะได้หลีกเลี่ยงเหตุการณ์แบบนี้ เราไปสถานที่แห่งนั้นให้น้อยที่สุดยิ่งดี ฉันเรียกทนายความมาจัดการให้ได้ตลอด เธอโง่รึไง ตัวเองเข้าไปตั้ง 1 ชั่วโมงแล้ว ถึงจะโทรศัพท์หาฉัน”
ที่แท้เจียงหยู่ก็เจ็บปวดใจกับภรรยาของตัวเอง ที่อยู่ภายในห้องสอบปากคำนานขนาดนั้นโดยที่ไม่โทรหาเขา
นี่……..ถือว่าช่วยคนชั่วก่อกรรมไหมเนี่ย?
คำพูดที่พูดกับเธอนี้ คงจะไม่ได้ให้กำลังใจว่าให้เธอทะเลาะวิวาทได้ในครั้งต่อไปหรอกใช่ไหม?
หวาเหวินก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไร เพราะเธอรู้สึกว่าเจียงหยู่…………พูดยังไงดีละ? ให้ท้ายเธอมากเกินไป ตามใจเธอมากเกินไป
และก็ไม่รู้ว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป จะดีหรือว่าไม่ดี?
หลังจากที่เจียงหยู่มารับหวาเหวินแล้ว ก็ได้พาเธอไปทานอาหารที่ร้านมังสวิรัติในศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง
หลังจากที่อยู่กับหวาเหวิน ดูเหมือนว่าเจียงหยู่เองจะกินเนื้อน้อยลงมากทีเดียว น่าจะได้รับอิทธิพลของเธอ แต่ตัวเองกลับไม่ได้สังเกตเห็นรายละเอียดนี้
ช่วงพลบค่ำ หวาผิงได้วิดีโอคอลมาหาเธอ
หวาเหวินกำลังเป่าผมหลังจากอาบน้ำเสร็จ เมื่อเห็นวิดีโอคอลของหวาผิงจึงกดรับ
“น้องห้า เธอดังใหญ่แล้วนะ” หวาผิงพูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
“อะไรคะ?” เมื่อหวาเหวินได้ยินเธอพูดแบบนี้ เลยดูงงๆ ไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“หัวของผู้ชายที่ใช้เก้าอี้ฟาดอ่า ฮ่าฮ่า หล่อเหลาเอาการเลยนะ” หวาผิงยกนิ้วโป้งให้กับเธอ
“พี่รู้ได้ยังไง?” หวาผิงถึงกับเหงื่อตก
เรื่องนี้ ถูกปิดข่าวเอาไว้แล้ว ตำรวจไม่พูด ในมหาวิทยาลัยก็ไม่พูด
เจียงหยู่ก็ยิ่งไม่ใช่คนที่จะพูดเรื่องนี้เองอย่างแน่นอน แล้วมันไปถึงหูของหวาผิงได้ยังไง?
“เธอก็ไม่เข้าใจใช่ป่ะ? สถานีที่เชิญเธอไปดื่มน้ำชาวันนี้ มีแฟนคลับชายของฉันอยู่ พี่ตำรวจน้อย ๆ ส่งวีแชทส่วนตัวมาบอกเพื่อเอาใจฉัน ฮ่าฮ่า ฉันก็เลยได้เห็น เมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับฉัน ฉันเลยคิดว่าต้องเปลี่ยนมุมมองเธอซะใหม่แล้วละ”
เมื่อก่อนหวาผิงรู้สึกว่าหวาเหวินนั้นเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณมาก ตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นตาไม่ถึ