ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ – ตอนที่ 272

ตอนที่ 272

ตอนที่ 272 รอต่อไป

คุณหมอขยับแว่นเล็กน้อย เพื่อดูผลตรวจ ก่อนจะพูดว่า “สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก ผลการตรวจที่พวกเราได้รับมายังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ต้องนำผลตรวจทั้งหมดส่งไปให้โรงพยาบาลแห่งแรกในเครือมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ในเมืองช่วยวินิจฉัยอีกครั้ง”

“หมายความว่ายังไง? ไม่มีผลสรุปเหรอ?” คุณผู้ชายตระกูลหวาเริ่มโมโห และไม่พอใจอย่างมาก

เมื่อหวาหรุงได้ยินคำพูดนี้ของพ่อ ก็รีบด่าตามขึ้นทันทีว่า “ใช่ คุณหมอทำอะไรกันอยู่คะ ? กลับไปกลับมานานขนาดนั้น ผลก็ยังไม่ออก? แล้วคุณหมอก็ยังให้พวกเรายอมรับความเสี่ยง คุณหมอทำได้ยังไงคะ? คุณหมอซื้อใบวิชาชีพแพทย์มาเหรอกันคะ?”

คุณหมอผู้ชายคนนั้นมองไปทางหวาหรุง แล้วส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

“ทำการวินิจฉัยอีกขั้นหมายความว่ายังไงคะ?” หวาเหวินยื่นหน้าเข้ามาถาม

“เพราะผลรายงานในตอนนี้ยังคลุมเครือไม่ชัดเจนครับ พื้นที่สีเทาเหล่านั้นยังวนเวียนไปมา อาจจะมีความเป็นไปได้ และก็เป็นไปไม่ได้ครับ พวกเราไม่กล้าทำผลวินิจฉัยสุดท้ายออกมาได้ ….. เพราะโครงสร้างของจุดดำเหล่านั้นค่อนข้างซับซ้อนมาก ไม่ใช่โครงสร้างของเซลล์มะเร็งธรรมดาทั่วไป ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการวินิจฉัยผิด จึงตัดสินใจส่งไปให้สถาบันที่มีอำนาจมากที่สุดเพื่อทำการวินิจฉัยอย่างละเอียดอีกขั้น”

หวาเหวินเข้าใจ จึงพยักหน้า ความจริงแล้วไม่ใช่ปัญหาในการผ่าตัดของหมอแต่อย่างใด

สถานการณ์ของหวาฟ้านในตอนนี้พิเศษมาก คุณหมอทำการทดสอบตามหน้าที่ของตัวเอง

“อีกนานแค่ไหนถึงจะรู้ผลตรวจคะ?” หวาผิงถามต่อ

“เวลาที่ได้รับผลตรวจ น่าจะประมาณหนึ่งอาทิตย์ครับ คนที่ต่อคิวรอที่นั่นมีเยอะเกินไป มีองค์ประกอบเนื้อเยื่อทางร่างกายจากทั่วทุกมุมโลกกำลังรอผลทดสอบอยู่ไม่น้อย

หวาเหวินมองไปทางเจียงหยู่ “ช่วยนัดศาสตราจารย์คนนั้นให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”

“ไม่มีปัญหา ให้ฉันจัดการเถอะ ฉันจะรีบเอาผลตรวจมาให้โดยเร็วที่สุด”

เจียงหยู่รับรายงานผลตรวจจากมือของคุณหมอคนนั้นมา จากนั้นก็พาองค์ประกอบเนื้อเยื่อในร่างกายของหวาฟ้านไปด้วย โดยไม่ได้ใช้การขนส่งแต่อย่างใด แต่เลือกจะส่งคนไปยังมหาวิทยาลัยทางการแพทย์เพียงชั่วข้ามคืน

11.00 น. ตระกูลหวาต่างทยอยกันออกจากโรงพยาบาลไป เหลือไว้แต่หวาเหวินและชุนเถาหยินซิ่ง

เดิมทีหวาผิงเองก็ต้องการจะอยู่ต่อ แต่หวาผิงได้ยินจากผู้ช่วยสาวว่าเธอจะต้องไปถ่ายละคร 6 โมงเช้า จึงได้โน้มน้าวเธอให้กลับบ้าน

หวาฟ้านตื่นขึ้นมาหลังจากที่ยาชาหมดฤทธิ์ ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลา 12.00 น.แล้ว

แต่ทว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา กลับพบกับป๋ายห้าว เธอคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน จึงได้ทำการหลับตาลงอีกครั้ง

เมื่อลืมตา ขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าป๋ายห้าวยืนอยู่จริง ๆ เธอจึงตื่นตกใจมากทีเดียว

ป๋ายห้าวไม่ได้สวมชุดตำรวจแต่อย่างใด แต่กลับสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำธรรมดาตัวหนึ่ง ส่วนท่อนล่างก็เป็นกางเกงลำลองสีดำ ผมสั้นดูหล่อเหลาไม่น้อย หวาฟ้านมักจะพูดเสมอว่าเวลาที่ป๋ายห้าวนั่นแต่งชุดธรรมดาดูดีกว่าชุดตำรวจ ตอนนั้นทั้งสองคนยังอยู่ในช่วงเวลาที่แสนหอมหวานมากทีเดียว

ความจริงแล้วป๋ายห้าวมาโรงพยาบาลตั้งนานแล้ว หลังจากที่หวาฟ้านทำการเจาะช่องท้อง เขาก็มารอยู่ก่อนแล้ว แต่เพราะตระกูลหวาอยู่กันครบ เขาจึงไม่กล้ามาปรากฏตัวใน

หลังจากที่ตระกูลหวากลับกันไปหมดแล้ว เขาจึงได้เข้ามาเยี่ยมเธอได้อย่างวางใจ และรอเธอตื่นมาตลอด

“เสี่ยวหลิน เธอหิวน้ำไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“นายมาได้ยังไง?” น้ำเสียงของหวาฟ้านแหบพร่าเล็กน้อย เรี่ยวแรงก็อ่อนแอไม่น้อย

ป๋ายห้าวเจ็บปวดในหัวใจมาก แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนตอบไปแต่อย่างใด นอกจากหมุนตัวไปรินน้ำอุ่นมาให้เธอทันที

หวาฟ้านรับน้ำอุ่นมาดื่มอึกหนึ่ง และวางลง

“น้องสาวฉันน้องห้าเป็นคนบอกนายใช่ไหม?”

หวาฟ้านเดาถูก ว่าน่าจะเป็นฝีมือของหวาเหวิน นอกจากหวาเหวินที่รู้ใจแล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้สนใจเรื่องของเธอแต่อย่างใด

“อื้อ แต่เธอย่าไปโทษหล่อนเลยนะ ฉันซาบซึ้งใจที่หล่อนมาบอกฉัน ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะไม่รู้ว่าเธอป่วยหนักขนาดนี้”

“ไม่เป็นไร นายกลับไปเถอะ ฉันไม่ต้องการให้นายมาสนใจ ครั้งที่แล้วนายพูดชัดเจนแล้ว เราสองคนเลิกกันแล้ว ต่างคนต่างไป ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาย และฉันก็ไม่อยากฉกฉวยเอาอาการป่วยของตัวเองมาเรียกร้องความเห็นใจของนาย นายพูดถูก เลิกกันด้วยดี สิ้นสุดวาสนาต่อกัน ฉันจะดึงดันต่อไปทำไม” หลังจากที่หวาฟ้านป่วย ก็ทำให้เธอเห็นอะไรมากขึ้น”

ป๋ายห้าวเงียบไม่พูดอะไร 10 วินาทีต่อจากนั้น เขาก็ล้วงไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมา แล้วเปิดไปตรงหน้าของหวาฟ้าน

ในกล่องนั้นเป็นแหวนเพชรวงหนึ่ง หวาฟ้านมองไปทางแหวนเพชรด้วยความสับสน จนกระทั่งได้ยินเสียงของป๋ายห้าว “เสี่ยวหลิน เราแต่งงานกันเถอะ

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

Status: Ongoing

ลือกันว่าหวาเหวิน คุณหนูห้าของตระกูหวาที่เป็นตระกูลใหญ่นั้นเป็นคนที่พูดติดอ่างและหน้าตาอัปลักษณ์ ตั้งแต่เด็ก เธอก็ไปทำสมาธิบนเขากับคุณย่า จนถึงที่บ้านหมั้นหมายผู้ชายให้ เธอจึงกลับมา ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวก็หนีงานแต่งไปนอนกับดาราหญิงไก่กา เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปให้คนรู้กันทั่วในงานแต่ง หวาเหวินที่โดนคนหัวเราะเยาะนั้นใช้นิ้วชี้ไปผู้ชายคนหนึ่ง ลากเขาขึ้นมาดำเนินงานแต่งต่อ สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจนั้นคือชายหนุ่มที่หวาเหวินสุ่มลากไปแต่งงานนั้นเป็นเจียงหยู่ ลูกชายคนเดียวของตระกูลใหญ่สุดตั้งแต่นั้นมา หวาเหวินโดนเขาทรมานทุกคืน จนถึงเธอทนต่อไปไม่ได้อีก“เจียงหยู่ ไอ้คนเลว เราคุยกันดีแล้วไม่ใช่หรือ ว่านี่มันเป็นแค่การแต่งงานปลอมๆ” เจียงหยู่ทำหน้าไร้เดียงสา“ใช่ ฉันกำลังใช้ร่างกายเพื่อรักษาคู่ชีวิตของเราอยู่….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท