ตอนที่ 280 กวนเรื่องของนาย
ในช่วงเวลาที่สำคัญ จู่ ๆโทรศัพท์ดังขึ้น เจียงหยู่ก็ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขาจึงเอื้อมมือมารับโทรศัพท์โดยปริยาย “ฮัลโหล?”
“ประธานเจียง บริษัทเรื่องใหญ่แล้วครับ คุณต้องรีบมาจัดการนะครับ”
เจียงหยู่ดูเวลา ซึ่งจะเป็นเวลา 05.50 น. ท้องฟ้าเพิ่งสว่าง ก็มีเรื่องด่วนโทรเข้ามาให้จัดการแล้ว ดูท่าน่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากจริง ๆ
“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
เจียงหยู่วางสายไป จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างไม่รีรอทันที
เขาแต่งตัวเสร็จและวิ่งลงมาชั้นล่าง ก็เห็นว่าหวาเหวินนั้นได้ลงมาดื่มชาอยู่ข้างล่างแล้ว เพราะมีเตาผิงอุ่น ๆ อยู่ในห้อง ดังนั้นจึงค่อนข้างอุ่นกำลังดี
หวาเหวินใส่แค่เสื้อกล้ามสีดำ และคลุมด้วยเสื้อกันหนาวสีชมพูยี่ห้อดังตัวหนึ่ง
ความจริงแล้วสีชมพูนี้ค่อนข้างแสบตามาก คนทั่วไปใส่คงจะดูน่าเกลียดไม่น้อย แต่หวาเหวินไม่ได้เป็นคนทั่วไป ดังนั้นเมื่อเธอสวมใส่จึงดูอ่อนเยาว์อย่างมาก
“อรุณสวัสดิ์ เหวินเหวิน” เจียงหยู่พยายามปรับอารมณ์ตัวเอง
“จะไปแล้วเหรอ?”
“อื้อ มีเรื่องที่ต้องไปจัดการที่บริษัทหน่ะ”
“ไม่กินอาหารเช้าหน่อยเหรอ?” หวาเหวินถาม
“ไม่ทันแล้วละ ไม่กินแล้ว วันนี้เธอจะไปโรงพยาบาลไหม?”
“ฉันยังไม่แน่ใจ ดูก่อน”
“โอเค งั้นโทรมานะ” หลังจากเจียงหยู่กล่าวทักทายง่าย ๆ แล้ว ก็ขับรถออกไปทันที
เฟิงหวาหลี่
หยินซิ่งวิ่งเข้ามาซุบซิบนินทาว่า “คุณหนูคะ ดูเหมือนคุณผู้ชายจะหน้าตาไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นะคะ อาจจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นก็ได้?”
“ไม่แน่ใจ” หวาเหวินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คงจะไม่ได้ล้มละลายหรอกนะ? พระเจ้า ถ้าตระกูลเจียงล้มละลายขึ้นมาละก็ พวกเราคงจะไม่ต้องวิ่งหนีแบบหัวซุกหัวซุนหรอกนะคะ?” หยินซิ่งโพล่งออกมาด้วยความอยากรู้
หวาเหวินก้มหน้าเม้มปากกลั้นหัวเราะ ชุนเถาขึงเสริมขึ้นว่า “คุณพี่คะ เธออย่าเพิ่งคิดมากสิ ตระกูลออกจะมั่งคั่งร่ำรวยขนาดนั้น ถึงเจียงหยู่จะถลุงเงินเป็นว่าเล่นทุกวัน ต่อให้จ่ายเป็นร้อย ๆ ปีก็ไม่มีวันหมดหรอก ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะล้มละลายเลย จะว่าไปแล้ว เธอเคยได้ยินว่ามีธนาคารไหนล้มละลายบ้างไหมละ?”
หยินซิ่งทำปากจู๋เล็กน้อย โดยไม่พูดอะไรอีก จริง ๆ แล้ว ตระกูลเจียงหยู่มีธนาคารส่วนตัวที่จัดการบริหารของตระกูลเพียงแห่งเดียวในประเทศมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว
อีกทั้งยังมีสาขาเปิดอยู่ทั่วทุกมุมโลกไม่น้อย เรื่องสินทรัพย์ไม่ต้องพูดถึงเลย
ธนาคารทำอะไรละ ก็รับสินเชื่อบ้านเพื่อกินดอกเบี้ย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะล้มละลายแต่อย่างใด เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะปล่อยเงินออกไปแล้วไม่ได้กลับคืนมา ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน อีกทั้งในตอนที่ลงสินเชื่อบ้านนั้นก็ยังจำเป็นจะต้องค้ำประกัน ดังนั้นเจ้าตัวจึงได้กำไรไม่มีวันขาดทุนอย่างแน่นอน
หวาเหวินไม่ได้สนใจธุรกิจของตระกูลเจียงเท่าไหร่นัก และก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอื้อมมือเข้าไปแทรกหรือซักไซ้ไล่ถามแต่อย่างใดมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้ไปพูดคุยเจาะลึกแต่อย่างใด
วกกลับมาที่หวาผิงที่ช่วงนี้ค่อนข้างโชคร้ายไม่น้อย หลังจากที่คุย Wechat กับหวางเซียวอี้ในวันนั้นแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย
นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอกันในช่วงเวลาน้ำชายามบ่ายแบบนี้ได้ โลกนี้มัน…… มันช่างกลมมากจริง ๆ
ร้านน้ำชายามบ่ายที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเจียงก็คือ ห้องชีเซียะชั้นสูงสุดของโรงแรมตึกระฟ้า 101 ชั้นแห่งหนึ่ง
สถานที่แห่งนี้มีทิวทัศน์ที่งดงามสามารถมองเห็นได้สุดลูกหูลูกตามาก ดังนั้นจึงกลายเป็นทางเลือกของนักธุรกิจจำนวนมาก หวาผิงมักจะพาผู้จัดการส่วนตัวมาที่นี่อยู่บ่อยครั้ง และเป็นสถานที่ที่ทั้งสองคนนัดเจอกันในช่วงนี้อีกด้วย
แต่หลังจากที่หวาผิงเข้ามาได้ 15 นาที หวางเซียวอี้ก็เข้ามา กับผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง หน้าตาของผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างธรรมดามาก ไม่ได้โดดเด่นอะไร
ตำแหน่งที่ทั้งสองคนนั้นก็อยู่ฝั่งตรงข้ามกับหวาผิง ดังนั้นทั้งสองคนจะสามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
หลังจากที่หวางเซียวอี้ตกใจเล็กน้อยแล้ว ก็กลับสู่โหมดปกติ
หลังจากที่หวาผิงตกใจแล้ว เธอกลับจ้องมองไปทางนั้น และจ้องมองไปทางผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับหวางเซียวอี้
“เวร ……… นั้นมันคุณหนูตระกูลหยางไม่ใช่เหรอ? ทำไมเร็วขนาดนี้?” หวาผิงกำลังครุ่นคิด ว่าใช่ผู้หญิงที่อีกฝ่ายจะแต่งงานด้วยหรือไม่?
เธอคิดไปพลาง ลุกขึ้นเดินและก้าวเท้าไปข้างหน้าไปพลาง
“ฮาโหล ที่รัก บังเอิญจังเลยนะคะ?” หวาผิงตั้งใจเรียกที่รัก ตั้งใจที่ก่อกวนอย่างเห็นได้ชัด
หวางเซียวอี้ไม่ได้เหนือความคาดหมายสักนิดเดียว หลังจากที่ผู้หญิงที่อยู่ข้ามเห็นหวาผิง เธอก็ตกใจไม่น้อย
“เธอคือ…… เธอคือหวาผิงเหรอ?” เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้จำดาราสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้
“ใช่ ถูกต้อง แต่ฉันยังมีอีกสถานะหนึ่งนะ นั้นก็คือแฟนสาวในข่าวลือของหวางเซียวอี้ยังไงละ” เธอยิ้มให้กับผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดขึ้น