ตอนที่ 275 ให้กำเนิดลูกชาย
ตอนแรกเริ่มตระกูลหวามาเยี่ยมหวาฟ้านกันครบทุกคน แต่ต่อมา เหลือเพียงแค่คุณนายหวาและหวาผิงเท่านั้นที่มาเยี่ยมหวาฟ้านเป็นครั้งคราว คนอื่น ๆไม่ต้องถามเลย
แต่กลับเป็นป๋ายห้าวที่มาดูแลหวาฟ้านทุกวัน โดยปกติแล้วป๋ายห้าวมักจะมาหาในเวลาช่วงค่ำ และอยู่เป็นเพื่อนเธอจนกระทั่งเช้าไปทำงาน
หวาเหวินเบาใจลงเยอะทีเดียว หลังจากที่ได้รับองค์ประกอบเนื้อเยื่อมาจากโรงพยาบาลทางการแพทย์ในเมือง ฝั่งนั้นก็ตอบกลับมาภายใน 48 ชั่วโมงทันที
ดังนั้นตอนนี้จึงมีแต่การรอคอยที่แสนยาวนาน….
หลังจากที่หวาเหวินบริจาคเลือดแล้ว เธอค่อนข้างอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ไปเรียนและไปเฝ้าร้านแต่อย่างใด
เธอจะนอนขี้เกียจอยู่ในบ้าน นอนมาตลอดทั้งวันทั้งคืน ระหว่างนั้นก็มีกินข้าวบ้าง และหลังจากนั้นก็นอนต่อ
จนกระทั่งช่วงบ่ายของวันที่สอง หลังจากที่เธอออกไปซื้อเสื้อผ้าบางอย่างข้างนอก เธอก็รีบกลับมาอาบน้ำแล้วขึ้นเตียงทันที แต่แล้วเธอก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอย่างฉับพลัน
ทำไมบนเตียงใหญ่ถึงได้มีอะไรบางอย่างที่ผิดแปลกไป?
เตียงตัวนี้เป็นเตียงที่สั่งทำขึ้นมา ซึ่งที่นอนตัวนี้มีราคาสูงหลายแสนเลยทีเดียว เป็นที่นอนที่ออกแบบโครงสร้างมาเพื่อนอนหลับโดยเฉพาะ เป็นเตียงที่แค่ก้าวขึ้นไปนอนก็ทำให้รู้สึกง่วงในทันที
แต่ในตอนที่หวาเหวินใส่กระโปรงนอนเตรียมจะนอนนั้น แผ่นหลังของเธอก็ดันไปถูกกับอะไรบางอย่าง
เธอเปิดผ้าปูเตียงด้วยความประหลาดใจ และก็ตะลึงทันใด
ผลไม้แห้ง?
พระเจ้าเอ๊ย ลูกท้อ ลำไย ถั่ว เม็ดบัว?
เอาไว้ทำโจ๊กเหรอ?
“หยินซิ่ง เธอมานี่หน่อย” หวาเหวินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความเสียงไป
หยินซิ่งรีบวิ่งขึ้นมาข้างบนทันที จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไป
“เกิดอะไรขึ้นคะ ? คุณหนู?”
“นี่มันอะไร?” ห้องนอนของหวาเหวินแทบจะไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ เจียงหยู่ก็เข้ามาเป็นครั้งคราว ซึ่งอยู่ไม่นานก็ออกไป
ปกติแล้วมีแค่ชุนเถาและหยินซิ่งเท่านั้นที่เข้ามาทำความสะอาด ดังนั้นเธอจึงคิดว่า หยินซิ่งอาจจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
“เอ่อ….” หยินซิ่งตะลึงงันไปทันที
“นี่มันอะไร? มันควรจะอยู่ในห้องครัวไม่ใช่เหรอ? เอามาวางบนเตียงของฉัน ตั้งใจจะแกล้งฉันเหรอ?” หวาเหวินไม่เข้าใจ
แต่ในตอนนั้นเองหยินซิ่งก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาตบหัวตัวเอง “เวรเอ๊ย คุณหนูคะบ่าวรู้แล้วค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนที่คุณหนูออกไปข้างนอก คุณนายมาคะ ….. คุณแม่ของคุณผู้ชาย แม่ยายของคุณหนูเป็นสะใภ้ของตระกูลเจียง หล่อนเอาผักและผลไม้สดปลอดสาระพิษมาให้ค่ะ หลังจากนั้นก็ขึ้นไปข้างบน บ่าวไม่ได้สังเกต ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นเจ้าของบ้าน คงไม่มีทางทำอะไรหายแน่นอน บ่าวจึงไม่เห็นว่าคุณนายทำอะไรคะ”
หวาเหวินตะลึงงันเข้าไปอีก “แม่ยายของฉัน? ทำไมหล่อนถึงทำแบบนี้?”
“คุณหนูคะ มันไม่ใช่แค่ผลไม้แห้งเองนะคะ เมื่อมาอยู่รวมกันจะมีความหมายว่าเด็กผู้ชายค่ะ”
หวาเหวิน : ……
“ประเพณีนี้สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ยังมีอีกหลายพื้นที่ยังคงรักษาประเพณีนี้เอาไว้อยู่ บ่าวเคยเห็นในโทรทัศน์มาค่ะ”
“เอาเถอะ ฉันคงจะความรู้น้อยเกินไป” หวาเหวินจนปัญญา
เธอคิดไม่ถึงจริง ๆว่าจะเป็นแม่ของเจียงหยู่ เธอเป็นผู้หญิงมีชาติตระกูลสูงศักดิ์ แต่ยังคงเชื่อและงมงายแบบนี้ เด็กผู้ชาย?
“ฮ่าฮ่า คุณหนูไม่ชอบงั้นบ่าวออกไปให้ก็ได้ค่ะ แต่คุณนายเขามีเจตนาดีนะคะ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณนายจะหวังได้เจอหลานชายนะคะ”
หยินซิ่งปลอบใจ จากนั้นก็รีบนำของเหล่านี้ออกไปแล้วเอาหมอนมาเสริมให้กับหวาเหวินแทน
หวาเหวินหมดอารมณ์นอนทันใด จนกระทั่งตอนพลบค่ำ เจียงหยู่กลับมา หวาเหวินไม่ได้พูดเรื่องนี้แต่อย่างใด เธอไม่อยากมาเป็นคนขี้ฟ้อง
แต่หยินซิ่งกลับเร็วยิ่งกว่า รีบพูดออกมาทันที เมื่อเจียงหยู่ได้ยิน สีหน้าก็ยังคงเรียบเฉย
“คุณแม่ เกินไปละ ไว้ฉันจะกลับไปคุยให้”
“ช่างเถอะ มันไม่ได้เรื่องใหญ่อะไร เธอก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย” หวาเหวินรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
เจียงหยู่มองไปทางหวาเหวิน แล้วพบว่าเธอนั้นยังคงมีสีหน้าซีดเซียวกว่าปกติ จึงรู้สึกปวดใจขึ้นมาไม่น้อย
“ช่วงนี้เธอไม่ต้องกังวลเรื่องพี่สี่ของเธอมากเกินไปก็ได้ ทั้งบริจาคเลือดทั้งวิ่งไปดูแล เธอน่าจะระวังเรื่องสุขภาพบ้าง”
“ฉันไม่เป็นไร”
“แต่ฉันอยากให้เธอเตรียมใจเอาไว้บ้าง” เจียงหยู่ลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะบอกหวาเหวินเป็นคนแรก