ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ – ตอนที่ 301

ตอนที่ 301

ตอนที่ 301 คุณหนูกลับมาแล้ว

เฝิงหยู่ก็น้ำตาไหลอยู่ข้างๆเงียบๆ คนในครอบครัวนี้จิตใจแตกสลายกันหมดแล้ว

หลังจากร้องไห้อย่างเจ็บปวด แซ่หลิงก็ค่อยๆสงบลง

“หยาวหยาว สรุปแล้วหนูผ่านอะไรมาบ้าง?”แซ่หยานปวดใจแทนลูกสาว ในใจรู้สึกทุกข์มาก

สายตาของแซ่หลิงดูสับสนคลุมเครือ เธอพยายามย้อนคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงนี้

“พ่อ เอาจริงๆ หนูจำได้แค่เรื่องตอนที่พึ่งมาถึงเนปาลแค่นั้นเอง……หลังจากนั้นหนูก็เริ่มจำไม่ค่อยได้แล้ว……เพราะว่าเพื่อนของหนูนับถือศาสนาพุทธ ทุกปีก็เลยต้องไปกราบไหว้นมัสการที่เนปาล ไปมาแล้ว3ปีก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร หนูคิดว่าครั้งนี้อยากจะไปกับเธอด้วย เพราะว่าก่อนสอบมันค่อนข้างจะเครียด ก็เลยอยากจะไปขอพรหน่อย วันแรกตอนที่ไปถึงพวกเราก็อยู่ที่โรงแรม ออกไปกินข้าว หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงท้องถิ่นคนหนึ่งเข้ามาใกล้ชิดพวกเรา คุยกับเพื่อนหนูได้ดีมาก แถมเธอยังบอกพวกเราว่าจะพาพวกเราไปวัดที่มีจิตวิญญาณมากที่สุด”

“แล้วลูกก็เชื่อคนแปลกหน้างั้นเหรอ”แซ่จื๋อจ้วนค่อยๆขมวดคิ้ว ค่อนข้างจะไม่พอใจ

ไม่ว่าจะยังงั้นก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว โตเป็นหญิงสาวอายุ20ปีแล้ว แต่กลับไปกับคนแปลกหน้า

“ฟังน้องสาวพูดให้จบก่อน” แซ่เฟยโม่รีบห้ามแซ่จื๋อจ้วนไว้ ไม่ให้เขาพูดอะไรมากมาย

แซ่หลิงพยักหน้า พยายามคิดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดวันนั้น แล้วก็พูดต่อ “ตอนแรกหนูก็เตรียมใจไว้ป้องกันอยู่เหมือนกัน แต่เพราะว่าคิดว่ามันเป็นตอนกลางวัน น่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้นแม้แต่ระหว่างทางผู้หญิงคนนั้นกับคนขับรถเอาน้ำให้เราดื่ม หนูกับเพื่อนก็ยังไม่ดื่มเลย หลังจากไปถึงที่วัดแล้ว เธอก็พาพวกเราไปไหว้พระ ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างราบรื่น แถมพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงยังเขียนพรลงในยันต์ให้พวกเราอีกด้วย เพื่อนหนูดีใจมาก ก็เลี้ยงข้าวพวกเขา ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าแถวๆนั้นมีร้านเด็ด ให้พวกเราไปลองดู หนูจำได้ว่ามันคือ……ข้าวเนื้ออบ หนูกินไปแค่คำเดียว เรื่องราวหลังจากนั้น……หนูก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย”

“แล้วได้สติกลับมาตอนไหน?”เฝิงหยู่ถาม

“จนถึงเมื่อวาน มีคนมาช่วยหนู หลังจากพาหนูออกมา แล้วก็ฉีดยาให้หนูเข็มหนึ่ง หนูถึงได้ฟื้นขึ้นมา ตอนนั้นหนูถึงได้รู้ตัวว่า หนูหายไปที่เนปาลนานขนาดนั้นเลย”

“คุณพระ น่ากลัวจริงๆ”เฝิงหยู่กลัวมาก

ถ้าเกิดว่ามันไม่ได้ออกมาจากปากของแซ่หลิง เธอคงจะนึกว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นแค่ในนิยายเท่านั้น

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? การสะกดจิตงั้นเหรอ?”แซ่เฟยโม่เองก็งงเหมือนกัน

ตอนที่แซ่จื๋อจ้วนคุยกับฉินชุงเจี้ยนอยู่นั้น ก็รู้เรื่องแค่นิดหน่อยเท่านั้น ก็เลยทายว่า “ในเนปาลมีองค์กรหนึ่ง ฮึกเหิมมาก พวกเขาก่อตั้งองค์กรที่ผิดกฎหมาย และก็มียาที่ควบคุมเส้นประสาทอยู่ในครอบครอง ชาวบ้านเรียกมันว่าน้ำนางฟ้า ก็คือหลังจากที่คุณดื่มมันเข้าไปแล้ว ก็จะเสียสติปัญญาไป ใครบอกให้ทำอะไรก็จะทำตามนั้น ไม่สามารถต่อต้านได้เลย ได้ยินมาว่ามีเหยื่อหลายร้อยรายจากการโดนยานี้เมื่อปีที่แล้ว ส่วนใหญ่ถูกปล้นทั้งเงินสดและเงินในบัตร ฮึกเหิมมาก แต่ว่าสำหรับหยาวหยาวนั้นรุนแรงกว่า สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่เงินของหยาวหยาว แต่ว่าการใช้เธอเพื่อเป็นของบูชา”

“ของบูชางั้นเหรอ?”หลังจากที่คู่สามีภรรยาแซ่หยานได้ยินก็หายใจเข้าลึกๆ

หลังจากนั้น แซ่จื๋อจ้วนถึงได้เล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ฉินชุงเจี้ยนเล่าให้เขาฟัง สถานการณ์ก็ยังสอดคล้องกับที่แซ่หลิงพูดด้วย

น่าจะประมาณว่า หลังจากที่แซ่หลิงกับเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงคนนั้นถูกพวกกลุ่มหัวรุนแรงพาตัวไป ก็ถูกส่งตัวไปยังรังสำคัญขององค์กรพวกมัน

หลังจากนั้นก็รออยู่ที่นั่นเพื่อรอการบวงสรวง แล้วผู้หญิงที่ไปด้วยกันอาจจะเพราะว่าเหตุผลบางอย่าง คุณสมบัติไม่เหมาะสมกับการบวงสรวง ก็เลยโดนคนทำร้ายจนตาย

แซ่หลิงโชคดี ยังไม่ทันรอถึงการบวงสรวง ก็โดนคนของฉินชุงเจี้ยนช่วยออกมาก่อนแล้วส่งกลับบ้าน

“พี่สอง เพื่อนหนูตายแล้วเหรอ?” แซ่หลิงเบิกตาโต เหมือนกับโดนสายฟ้าฟาด ไม่มีทางเชื่อได้เลย

“ใช่ เธอเสียไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว ตอนที่พบศพนั้น แทบจะดูไม่ได้เลย”

แซ่หลิงตกใจจนหน้าซีดไปหมด……

“ฉินชุงเจี้ยนบอกว่า เพื่อนของเธอมีตำหนิ ไม่เหมาะกับการเป็นของบวงสรวง โดนพวกหัวรุนแรงพวกนั้นมองว่าเป็นผู้หญิงสกปรก เพราะฉะนั้นก็เลยโดนฆ่าหลังจากที่พวกมันล่วงละเมิด……แต่เพราะว่าเธอบริสุทธิ์ ก็เลยผ่านด่าน”

ทัศนคติของแซ่หลิงตอนนี้แตกเป็นเสี่ยงๆ เธอจะนึกถึงได้ยังไงว่าเพราะว่าเธอบริสุทธิ์ก็เลยรอดชีวิต แต่เพื่อนของเธอกลับต้องตายอย่างน่าเสียดาย……

“จื๋อจ้วน ลูกจะพูดเรื่องพวกนี้ทำไม? น้องสาวลูกตกใจจะแย่อยู่แล้ว” คุณนายแซ่กอดลูกสาวไว้ ปวดใจเป็นอย่างมาก

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

Status: Ongoing

ลือกันว่าหวาเหวิน คุณหนูห้าของตระกูหวาที่เป็นตระกูลใหญ่นั้นเป็นคนที่พูดติดอ่างและหน้าตาอัปลักษณ์ ตั้งแต่เด็ก เธอก็ไปทำสมาธิบนเขากับคุณย่า จนถึงที่บ้านหมั้นหมายผู้ชายให้ เธอจึงกลับมา ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวก็หนีงานแต่งไปนอนกับดาราหญิงไก่กา เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปให้คนรู้กันทั่วในงานแต่ง หวาเหวินที่โดนคนหัวเราะเยาะนั้นใช้นิ้วชี้ไปผู้ชายคนหนึ่ง ลากเขาขึ้นมาดำเนินงานแต่งต่อ สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจนั้นคือชายหนุ่มที่หวาเหวินสุ่มลากไปแต่งงานนั้นเป็นเจียงหยู่ ลูกชายคนเดียวของตระกูลใหญ่สุดตั้งแต่นั้นมา หวาเหวินโดนเขาทรมานทุกคืน จนถึงเธอทนต่อไปไม่ได้อีก“เจียงหยู่ ไอ้คนเลว เราคุยกันดีแล้วไม่ใช่หรือ ว่านี่มันเป็นแค่การแต่งงานปลอมๆ” เจียงหยู่ทำหน้าไร้เดียงสา“ใช่ ฉันกำลังใช้ร่างกายเพื่อรักษาคู่ชีวิตของเราอยู่….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท