ตอนที่ 310 บุคคลที่มีอำนาจพวกนั้น
หวาผิงสงสัย “ทำไมจู่ๆ นายพูดแบบนี้? ”
“ฉันแค่ไม่อยากให้เธอเปิดเผยใบหน้าต่อหน้าสาธารณชนอีกแล้ว”
“หึ นายนี่มันมะเร็งชายแท้จริงๆ ”
หวางเซียวอี้:……
“ถ้าเกิดว่าฉันไม่มีอาชีพเป็นของตัวเอง มีลูกให้นาย ซักผ้า ทำกับข้าว กลายเป็นผู้หญิงแก่ หลังจากนั้นก็รอให้นายไปมีความสุขกับหญิงชู้ ฉันก็ล้างหน้าด้วยน้ำตาอยู่ที่บ้าน เป็นเหตุการณ์ที่ย่ำแย่ใช่ไหม? ”
หวางเซียวอี้ : “เธอสุดโต่งเกินไปแล้ว”
“นี่ไม่ได้เรียกว่าสุดโต่ง นี่คือสถานการณ์ในสังคมปัจจุบัน แม้ว่าฉันจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย พวกเราจับคู่กับคนที่เหมาะสมกับตัวเอง ไม่ว่าฉันจะมีเงินมากแค่ไหนแต่ฉันก็แก่ได้เหมือนกัน ฉันจำเป็นต้องมีอาชีพของตัวเอง ไม่ยังงั้นถ้าฉันยังสบายๆ ต่อไป ก็ไร้ประโยชน์ วันๆ เอาแต่อยู่รอบตัวนาย จนถึงเวลาฉันก็จะสูญเสียตัวเองไป เพราะฉะนั้น……ถ้าจะให้ฉันทำหน้าที่ภรรยาเต็มตัว ทางที่ดีนายแม้แต่อย่าจะคิดเลยดีกว่า ทำลายความคิดนี้ไปซะ”
“ก็ได้ ทำเป็นว่าฉันไม่เคยพูดแล้วกัน”
หลังจากบทสนทนาสั้นๆ ที่ไม่แฮปปี้ หวางเซียวอี้ก็ถอนหายใจออกมา เหมือนกับว่าเขารีบร้อนเกินไป เขาไม่ควรจะพูดอะไรแบบนี้กับหวาผิงเลย
“ไปแล้วนะ”
หวาผิงก็ยังอารมณ์ไม่ค่อยดีเหมือนกัน สะบัดผม แล้วก็เดินขึ้นชั้นบนไป
ยังไงมันก็เป็นแค่ตอนสั้นๆ เท่านั้น เพราะฉะนั้นหวางเซียวอี้ก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
หลังจากที่ทั้งสองคนนอนด้วยกัน มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง แน่นอนว่าความคิดความอ่านก็ต้องเปลี่ยนไปเหมือนกัน
ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงก็มีความต้องการที่จะครอบครองกันทั้งนั้น ก็ต่างหวังว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้นหวางเซียวอี้ก็เลยอยากให้หวาผิงออกจากวงการบันเทิง แต่ว่ามันไม่ใช่เพราะว่าอยากจะให้เธอมาทำหน้าที่ภรรยาเต็มตัว เธอสามารถมีอาชีพของตัวเองได้ แม้แต่เข้ามาทำงานที่บริษัทหวางซื่อก็ไม่เป็นไร แต่ว่าแค่ไม่อยากให้เธอปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนในฐานะศิลปิน มีแต่คนชี้นิ้วมาที่เธอ
หวาผิงไม่เข้าใจความคิดของหวางเซียวอี้ คิดว่าเขาแค่จริงจังกับความคิดที่ว่าผู้ชายเป็นใหญ่ เป็นมะเร็งผู้ชายระยะลุกลามหรืออะไรสักอย่าง
หวางเซียวอี้ก็ไม่ได้มีนิสัยใจร้อนเหมือนกับแซ่จื๋อจ้วนอะไรแบบนั้น ปกติเขามีอะไรก็ไม่ค่อยพูด มักจะเก็บไว้ภายในใจ
ตามแบบฉบับผู้ชายราศีมังกร เป็นสัญลักษณ์ของราชาแห่งโลก ไม่ว่าจะเรื่องไหน ดีหรือร้าย ก็มักจะอดกลั้นไว้ เรื่องนี้ คุณต้องเชื่อมั่น
หลังจากที่หวาผิงกลับไปนั้น ก็พักผ่อนสักครู่ก่อนเริ่มงาน
ตอนพักผ่อนเมื่อตอนเที่ยงนั้น หวาซวงก็โทรหาเธอ บอกว่าอยากไปกินข้าวกลางวันกับเธอ
ตอนแรกก็อยากจะปฏิเสธ แต่ว่าหวาซวงบอกว่าพ่อแม่ก็มาด้วย หวาผิงคิดอยู่พักหนึ่งก็ตกลงไป
ดังนั้นก็เลยเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมใส่แจ็กเก๊ตผ้าฝ้ายทรงยาว ทำให้เห็นคลื่นที่เซ็กซี่ สวมหน้ากากและแว่นกันแดดและขับรถไปยังสถานที่นัดหมาย
สถานที่นัดกินข้าวก็คือสมาคมส่วนตัวที่อยู่ข้างๆ บริษัทตระกูลหวา เงียบสงบและหรูหรา
ตอนที่หวาผิงมาถึงนั้น หวาซวงก็ลงมารับ ดูมีน้ำใจไมตรีมาก
“น้องสาม ทำไม่แต่งตัวดีๆ หน่อยล่ะ ไม่แต่งหน้าด้วยเหรอ? ”
“ฉันมาจากกองถ่าย ถ่ายละครโบราณ การแต่งหน้านั้นหนาจนน่ากลัว ฉันก็เลยลบหมดเลย”
ที่จริงแล้วหน้าสดของหวาผิงก็ดูดีมากอยู่แล้ว เพราะว่าลักษณะบนใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของเธอ ผิวขาว ดวงตากลมโต เหมือนนางแบบลูกครึ่ง ดูดีมาก
ก่อนหน้านี้นิตยสารแฟชั่นในประเทศได้คัดเลือกเทพธิดาหน้าสดทั้ง10คน หวาผิงได้รับเลือกให้เป็นแชมป์ด้วยคะแนนโหวตถึง170,000คะแนน สมควรได้รับแล้วจริงๆ
ก่อนหน้านี้ในรายการวาไรตี้โชว์รายการหนึ่ง เล่นเกมเอาน้ำสะอาดล้างหน้า ดาราสาวหลายคนต่างก็กลัวจนหน้าซีด
แต่ว่าหวาผิงกลับล้างหน้าจนสะอาดหมดจด หลังจากที่เครื่องสำอางหนาๆ หลุดออกจากใบหน้าไปแล้ว ใบหน้าของเธอก็ดูอ่อนเยาว์มาก ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กทารก
เพราะฉะนั้นเธอก็เลยไม่แคร์แม้แต่นิดเดียว และก็ไม่ได้ไปสนใจฟังคำพูดของพี่สาวด้วย
“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ แล้วทำไมมารวมตัวกันที่ร้านอาหารได้ล่ะ? วันนี้เป็นวันดีอะไรเหรอ? ”หวาผิงถามพี่ใหญ่
“ไม่มีสักหน่อย ก็แค่รวมตัวกันเฉยๆ ”
“น้องสี่ น้องห้าก็มาเหมือนกันเหรอ? ”หวาผิงถาม