ตอนที่ 311 ขายน้องสาวเพื่อแลกกับผลประโยชน์
หวาซวงส่ายหน้า “เปล่า ตั้งแต่ครั้งที่แล้วหวาฟ้านก็ได้บล็อกฉันกับพี่สองของเธอ ไม่รับสาย ส่วนน้องห้า……ฉันโทรไปแล้ว แต่เหมือนกับว่าช่วงนี้สุขภาพของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ก็เลยไม่ได้มา”
“อ้อ……”หวาผิงพยักหน้า คิดในใจว่าบางทีหวาเหวินกับหวาฟ้านอาจจะไม่ชอบการรวมตัวแบบนี้ ก็เลยหาข้ออ้างไม่มา
พอหวาผิงเข้าไปในห้องส่วนตัว ก็รู้สึกประหลาดใจ
เพราะว่านอกจากพ่อกับแม่แล้ว ยังมีผู้ชายแปลกหน้าอยู่อีกคนหนึ่ง
ความจริงแล้ว อาหารมื้อนี้แขกที่มาด้วยนั้นน่าสนใจมาก มีหวาซวงกับสามีหลิวเด๋อข่าย แล้วก็ยังมีหวาหรุงกับสามีหลิวยู่โจว
แถมยังมีคุณพ่อหวาเจิ้นเยว่แล้วก็แม่ แล้วก็มีผู้ชายแปลกหน้าอีกคนหนึ่ง สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ ผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นยังนั่งอยู่ตำแหน่งที่นั่งหลัก
ถ้าเกิดว่าใช้คำสมัยใหม่ก็คือตำแหน่งcenter ต้องรู้ว่าทุกครั้งที่คนในตระกูลหวากินข้าวกันนั้น คนที่นั่งตำแหน่งนี้ได้มีเพียงแค่ผู้เฒ่าของตระกูลหวาเท่านั้น
แต่ว่าผู้ชายคนนั้นก็ดูอายุยังไม่เยอะเท่าไหร่ ดูแล้วน่าจะประมาณ30ปีเท่านั้น แต่ว่าเขากลับนั่งตำแหน่งตรงกลาง นี่มันคืออะไรกัน?
หวาผิงมึนงง หวาหรุงยิ้มแล้วก็ลุกขึ้นเพื่อแนะนำ “น้องสาม ขอแนะนำให้เธอรู้จัก ท่านนี้คือคุณชายสวีจากเมืองหลง”
หวาผิงเลิกคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร ความหมายก็คือ คนๆ นี้คือใคร? ฉันรู้จักไหม? แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน?
พอเห็นท่าทางการแสดงออกของหวาผิง หวาหรุงก็อธิบายต่อ “คุณชายสวีเป็นเพื่อนสนิทพี่เขยสองของเธอ ทั้งคู่เป็นเพื่อนสมัยมัธยมตอนที่พี่เขยสองของเธอไปเรียนหนังสืออยู่ที่เมืองหลง ต้องบอกว่าคุณชายสวีเนี่ยนะ เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอำนาจอย่างแท้จริง พ่อของเขาเป็นคนใหญ่คนโตในเมืองหลง น่าจะเคยเห็นในข่าวใช่ไหมล่ะ รู้จักสวีหงไห่ใช่ไหม ท่านนั้นคือคุณลุงที่สามของเขา……และคนใหญ่คนโตที่พึ่งได้รับรางวัลเหรียญทองด้านสิ่งแวดล้อมเมื่อเร็วๆ นี้ สวีหงเย้นเธอน่าจะรู้จักใช่ไหม นั่นคือป้าที่ห้าของเขา……”
“เดี๋ยวก่อน พี่สอง พวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอ? ”
เห็นพี่สองกระตือรือร้นขนาดนั้น หวาผิงรู้สึกรำคาญใจมาก พูดตามตรง ถ้าเกิดว่าไม่ได้ยินว่าพ่อแม่ก็มาที่นี่ เธอก็ขี้เกียจจะมาเหมือนกัน
เห็นว่าหวาผิงพูดแบบนี้ หวาหรุงก็ยิ้มแข็งทื่อทันที
และคุณชายสวีคนนั้นก็ยิ้มให้หวาผิง “เคยเห็นในทีวี แต่ไม่คิดเลยว่าตัวจริงจะสวยกว่าในทีวีเสียอีก หวาผิง ผมเป็นแฟนคลับคุณ……ผมเคยดูหนังของคุณมาทุกเรื่องเลยนะ”
“อ้อ ขอบคุณค่ะ” การตอบกลับของหวาผิงดูเฉยเมยมาก
บางทีอาจจะเพราะว่าอยู่ในวงการบันเทิงมานาน ก็เจอคนใหญ่คนโตมาเยอะ เพราะฉะนั้นเธอก็เลยไม่สนใจพวกลูกชายคนใหญ่คนโตอะไรแบบนี้หรอก และก็ไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
“น้องสาม ที่คุณชายสวีมาในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะมาระลึกความทรงจำกับพี่เขยสอง และก็ถือโอกาสมาตามดาราด้วยเลย เขาเป็นแฟนตัวยงของเธอเลยนะ……ทั้งสองคนคุยกันดีๆ ไปนะ” หวาหรุงพยายามจับคู่ให้อย่างมาก
“มา น้องสาม มานั่งนี่สิ นั่งเป็นเพื่อนคุณชายสวี”สามีของหวาหรุงก็ให้ความสำคัญกับนามสกุลสวีมาก เพราะฉะนั้นก็เลยให้หวาผิงไปนั่งข้างๆ ผู้ชายคนนั้น
แต่ว่านี่มันทำให้หวาผิงโกรธ เธอตอบอย่างตรงไปตรงมา “ฉันไม่ได้มีนิสัยชอบรำลึกความทรงจำกับแฟนๆ ซะด้วยสิ แฟนๆ ของฉันรู้หมดว่าฉันเป็นคนเย็นชา แล้วอีกอย่างเขาก็เป็นเพื่อนของพี่เขยสองไม่ใช่เหรอคะ? พี่น่าจะมีอะไรที่อยากจะคุยกับเขาเยอะแยะเลยสิถึงจะถูก จะให้ฉันไปนั่งตรงนั้นทำไมกัน? ”
ประโยคนี้ทำให้หลิวยู่โจวไม่กล้าเอ่ยต่อต้าน หวาหรุงก็ส่งสายตาให้กับพ่อของเธอ
หวาเจิ้นเยว่ก็เอ่ยปากพูดเพื่อทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง “หวาผิง คุณชายสวีเป็นแขกของเราที่มาตั้งไกล ต้องมีมารยาทนะ”
“คุณพ่อพูดแบบนี้ได้ยังไงคะ หนูไม่มีมารยาทตรงไหน หนูไม่ได้รู้จักเขาแม้แต่นิดเดียว”หวาผิงนั่งลงข้างๆ แม่ของเธอ หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหาร และก็ไม่ได้คำนึงถึงกฎเกณฑ์ใดๆ
“ไม่เป็นไรๆ คุณลุงครับ ผมชอบนิสัยขี้โมโหของหวาผิงแบบนี้” ในตอนที่ผู้ชายคนนั้นยิ้มนั้น สายตาของเขาก็มองไปที่เรือนร่างและใบหน้าของหวาผิงด้วยเจตนาที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
หวาผิงรู้สึกโกรธอยู่ในใจ ตอนนี้เธอมองออกแล้ว มันใช่การรวมตัวของคนในครอบครัวที่ไหนกัน นี่มันเป็นการกินข้าวเพื่อคู่สามีภรรยาของหวาหรุงขายน้องสาวเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตัวเองชัดๆ
ใช้เธอเพื่อมาประจบสอพลอคนใหญ่คนโตจากเมืองหลง เหอะ น่าขยะแขยงเสียจริง