ตอนที่ 302 ผู้ช่วยชีวิต
“แม่ น้องอายุ20แล้ว ไม่เด็กแล้ว ก็เพราะว่าหลายปีมานี้พวกเราดูแลน้องดีเกินไป แม่ก็ดูสิ น้องใสซื่ออย่างกับเด็กอนุบาล ไม่มีความสามารถแม้แต่จะปกป้องตัวเอง เพราะฉะนั้นเรื่องบางเรื่องก็ต้องให้น้องรู้ ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งต้องให้รู้ว่า โลกไม่ได้มีแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่มีด้านมืดด้วยเหมือนกัน”แซ่จื๋อจ้วนสอนบทเรียนที่โหดร้ายให้น้องสาว เพราะฉะนั้นไม่ว่าเธอจะรับได้หรือไม่ได้ ก็จำเป็นต้องบอกความจริง
“แม่ หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่สองพูดถูกแล้ว พวกแม่ดูแลหนูดีเกินไป ยังไงหนูก็ต้องเผชิญหน้ากับโลกใบนี้ด้วยตัวเอง พ่อแม่ไม่สามารถปกป้องหนูได้ตลอดชีวิตหรอก”
“โอเคๆๆ กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้วล่ะ”
แซ่หยานถอนหายใจยาว หลังจากนั้นก็สั่งให้แม่บ้านทำอาหารให้ลูกสาว
เฝิงหยู่กับคุณนายแซ่พาแซ่หลิงไปอาบน้ำ แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า
อาศัยช่วงว่าง แซ่หยานก็ถามแซ่จื๋อจ้วน “หลังจากที่ฉินชุงเจี้ยนช่วยออกมาแล้ว ต้องการอะไรตอบแทนล่ะ?”
“ผมให้ไปแล้ว พ่อไม่ต้องถามหรอกครับ”
แซ่จื๋อจ้วนแบกไว้ด้วยตัวเองไม่ได้ใช้เงินของตระกูลแซ่เลยแม้แต่นิดเดียว ใช้เงินของตัวเอง
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรละเอียด แซ่หลิงคือน้องสาวแท้ๆของเขา แค่ก้อนเนื้อเล็กๆเพียงเท่านั้น เขาตัดใจทิ้งได้อยู่แล้ว
แซ่หยานพยักหน้า พอใจกับการกระทำของแซ่จื๋อจ้วน แล้วก็วิธีการที่เขาจัดการเรื่องราวอะไร
เมื่อแทบกันแล้ว ลูกชายคนโตสามารถทำธุรกิจได้ หาเงินได้ แต่ว่าเกี่ยวกับเรื่องที่มืดมนและจัดการยากพวกนี้ ก็ยากที่เขาจะสามารถลงมือได้
เพราะฉะนั้นจากเรื่องนี้ก็เลยเห็นได้ว่า แซ่จื๋อจ้วนที่เมื่อก่อนเอาแต่กินดื่ม เล่นไปเรื่อยไม่สนใจความก้าวหน้าของชีวิต แต่พอจะจริงจังขึ้นมา เขาก็ยังโดดเด่นกว่าพี่ชายเยอะ
แต่ว่าคำพูดพวกนี้ แซ่หยานไม่สามารถพูดออกไปต่อหน้าได้ ได้แต่คิดไว้ในใจก็พอแล้ว
“หลังจากหยาวหยาวกลับมา ก็ไม่คิดจะให้เธอกลับไปอีกแล้ว แค่ติดต่อมหาลัยในเมืองเจียงให้เธอได้ไปเรียนต่อก็พอแล้ว ส่วนที่แคนาดานั้นลูกก็จัดการด้วยแล้วกัน”แซ่หยานมองไปที่ลูกชายคนโต
“เข้าใจแล้วครับพ่อ”
“จื๋อจ้วน ช่วงนี้ลูกก็ต้องกังวลใจกับเรื่องพวกนี้ไม่น้อยเลย ในเมื่อตอนนี้น้องก็กลับมาแล้ว ลูกเองก็ไปนอนหน่อยเถอะ แล้วค่อยไปจัดการธุระอะไรของลูกต่อ”
“อืม ถ้ายังงั้นผมกลับไปก่อนนะ พ่อ มีเรื่องอะไรก็โทรหานะ”
แซ่จื๋อจ้วนหยิบเสื้อคลุมแล้วก็เดินออกไปข้างนอก มันก็จริงๆที่เขาแทบไม่ได้นอนเลย ก็เหนื่อยล้านิดหน่อย
หลังจากที่แซ่หลิงกลับมาแล้ว ผ่านไป3วันเต็ม ถึงจะค่อยๆดีขึ้น ยังโชคดีที่ช่วงนั้นเธอถูกควบคุมจิตใจ ก็เลยจำไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เพราะฉะนั้นภาระในหัวใจก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ ไม่ยังงั้นถ้าเกิดว่าจำเหตุการณ์ที่น่ากลัวเหล่านั้นได้ นั่นต่างหากถึงจะเรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายที่ยากจะลบล้าง
หลังจากผ่านไปสามวัน แซ่หลิงก็ไปหาพี่สองด้วยตัวเอง ไปที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทยาตงหยัง แซ่จื๋อจ้วนก็กำลังประชุมอยู่พอดี
เธอนั่งรออยู่ในห้องทำงานสักพัก
ตอนที่แซ่จื๋อจ้วนเข้ามานั้น ก็เห็นน้องสาวในทันที
“พี่สอง” เธอยิ้มอย่างสดใส
“แก้มเริ่มมีเนื้อขึ้นมาแล้ว” แซ่จื๋อจ้วนจ้องใบหน้าของสาวน้อย
“อืม แม่ของพวกเราบังคับให้กินข้าววันละ5มื้อ กินแล้วก็กินอีก ไม่อ้วนสิถึงจะแปลก สามวันน้ำหนึ่งขึ้นมา2.5โล พี่กล้าเชื่อไหมล่ะ?”
แซ่จื๋อจ้วนเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของหัวหน้า เขาหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นต์เอกสารแล้วก็ส่งให้ผู้ช่วยหญิง
“ช่างเถอะนะ แม่ก็ทำเพื่อเธอนั่นแหละ”
“พี่สอง ที่ฉันมาวันนี้ ที่จริงเพราะว่าอยากจะให้พี่พาฉันไปหาฉินชุงเจี้ยน”
“อ้อ? อยากไปเจอเขาทำไม?”
“จะเรียกได้ว่าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิตของฉันก็ได้”แซ่หลิงรู้สึกอายเล็กน้อย
“ถ้าเกิดว่าอยากจะขอบคุณ ก็ไม่ต้องหรอก เพราะว่าฉินชุงเจี้ยนก็ไม่ได้ช่วยเปล่า เขาได้ประโยชน์จากครอบครัวของเราไปแล้ว ไม่ติดหนี้อะไรกันแล้ว”
“หา? ได้รับประโยชน์จากครอบครัวเรางั้นเหรอ?” สายตาของแซ่หลิงดูผิดหวัง
“ไม่งั้นจะอะไรล่ะ? เธอคิดว่าเขาจะช่วยเปล่าๆเหรอ? เขาเป็นนักธุรกิจนะ ไม่ได้ทำการกุศล”แซ่จื๋อจ้วนหัวเราะแล้วส่ายหน้าอย่างจำใจ หัวเราะที่น้องสาวของตัวเองยังคงใสซื่อแบบนี้อีก
ตอนนี้เอง แซ่หลิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ทันใดนั้นก็พูดออกมาว่า “ใช่สิ วันนั้นที่สนามบินตอนที่กลับมา พี่บอกฉันไม่ใช่เหรอว่า พี่หวาเหวินทำนายให้ฉันไม่ใช่เหรอ? ถ้ายังงั้นพวกเราไปเลี้ยงข้าวพี่หวาเหวินหน่อยดีไหม?”
“ความคิดนี้ดี” พอได้ยินว่าจะไปกินข้าวกับหวาเหวิน แซ่จื๋อจ้วนก็รีบตอบรับทันที
หลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็โทรหาหวาเหวิน