บทที่ 26: เขาใส่ใจขนาดนี้
คืนนี้ไป๋เสว่เอ๋อร์นอนไม่ดี พลิกตัวไปมา สุดท้ายหลับไปในช่วงกลางดึก เป็นไปตามคาด ตื่นขึ้นมาอีกวัน ใต้ขอบตาดำอย่างเห็นได้ชัด
ไป๋เสว่เอ๋อร์ล้างหน้าล้างตา แต่งหน้าเรียบร้อย ลงมาข้างล่างบ้าน พบว่าคุณแม่ไป๋กำลังยุ่งอยู่ในห้องครัว
พอเห็นเธอ คุณแม่ไป๋รีบยกโจ๊กและซาลาเปามาให้เธอ “เสว่เอ๋อร์ลูก กินอาหารเช้าสักหน่อยนะลูก”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงัก “แม่ นี่แม่ทำเองหรอคะ”
“แม่ทำเป็นที่ไหนหละ เมื่อกี้แม่วิ่งไปซื้อหน้าปากซอยต่างหาก รีบกินตอนที่มันยังร้อนอยู่”
ตั้งแต่ล้มละลายมา ไป๋เสว่เอ๋อร์พึ่งจะเห็นคุณแม่ไป๋ดีใจขนาดนี้ เธอนั่งลงข้างโต๊ะอาหาร ถามไปว่า “แม่ ทำไม่วันนี้ดูดีใจจังคะ”
“เมื่อวานแม่ดวงขึ้น เล่นไพ่ได้เงินมาหน่อย”
มือที่ถือช้อนอยู่ชะงักไปครู่หนึ่ง เงยหน้ามองคุณแม่ไป๋ “แม่ เมื่อวานหนูบอกแม่แล้วไม่ใช่หรอว่าห้ามเล่นพนันอีกแล้ว”
คุณแม่ไป๋ยักไหล่ไม่สะทกสะท้าน “แม่ก็แค่เล่นนิด ๆ หน่อย ๆ มีแพ้มีชนะ เป็นเรื่องปกติ ลูกไม่ต้องเป็นห่วงหรอกหน่า แม่เองรู้ว่าอะไรคืออะไร”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มุ่ยหน้า รู้ว่าแม่พูดไม่ฟัง ขี้เกียจที่จะพูดต่อ รีบกินโจ๊กในถ้วยให้หมด บอกลาแม่ว่าไปทำงานก็ออกจากบ้านไปโดยเร็ว
เมื่อก่อนไม่เคยเห็นคุณแม่ไป๋ติดพนันงอมแงมแบบนี้ ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนแต่ก่อน เขาไม่มีต้นทุนในการเล่นพนันอีกแล้ว แต่คุณแม่ไป๋กลับเอาความหวังไปไว้ในการเล่นไพ่
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถอนหายใจ ไม่อยากคิดอะไรมาก รีบมุ่งไปเผยซื่อ
พอถึงชั้นที่ 22 ไป๋เสว่เอ๋อร์วางกระเป๋าลง ตั้งใจไปเดินแถวหน้าประตูห้องประธาน แต่ข้างในกลับว่างเปล่า สงสัยเผยลี่เชินยังมาไม่ถึง
ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับไปเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องตามตารางงานตอนเช้าของเผยลี่เชินไว้เรียบร้อย วางไว้บนมุมขวาบนโต๊ะทำงานเขา และกลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง อ่านเอกสารโครงการหนานไห่ต่อ
ผ่านไปไม่นาน มีเสียงโหวกเหวกอยู่นอกห้อง ไป๋เสว่เอ๋อร์ลุกขึ้นยืน พอออกประตูไปก็เห็นแผ่นหลังของเผยลี่เชิน ข้าง ๆ เขายังมีผู้ชายที่ดูเหมือนเป็นลูกน้องตามอยู่ กำลังรายงานเขาอยู่
สวี่เย่วหรูกำลังถือเอกสารเดินออกมาจากห้องทำงาน กำลังจะเดินตามไป พอเหลือบไปเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ข้าง ๆ เลยกลอกตาไปมาใส่ “ฉันจะไปประชุมเช้ากับประธานเผย เธอว่างมากหรอ โทรไปคอนเฟิร์มตารางงานตอนบ่ายของประธานเผยสิ”
“ทราบ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบรับ เธอมองไปทางเผยลี่เชินด้วยสายตาลึกซึ้งอีกครั้ง ถึงจะหันหลังกลับห้องทำงาน
เมื่อคืนเธอตั้งใจว่าเธอจะไม่ยอมเป็น Loser เธอจะใช้พลังของตัวเอง ไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ และการตัดสินใจนี้เธออยากบอกกับเผยลี่เชินด้วยตัวเอง
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังคอนเฟิร์มตารางงานตอนบ่ายของเผยลี่เชิน แต่คนที่จะเข้าพบตอนบ่ายมีสถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้ช่วยฝ่ายนั้นขอให้เปลี่ยนแปลงเวลา ไป๋เสว่เอ๋อร์จดบันทึกไว้ ขณะเดียวกันวางตารางงานที่ตอนบ่ายสามารถดำเนินการได้ รอให้เผยลี่เชินประชุมเช้าเสร็จค่อยให้เข้าตัดสินใจเอง
ไม่ถึงชั่วโมง ประชุมเช้าเสร็จสิ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเสียงห้องข้าง ๆ รีบลุกไป เคาะประตูห้องเข้าไปในห้องแล้ว พึ่งพบว่าในห้องนอกจากจะมีเผยลี่เชินแล้วยังมีผู้ชายอีกคนอยู่ในนั้น
ผู้ชายอายุราว 40 กว่า ไรผมแซมไปด้วยเส้นผมสีเงิน เสื้อเชิ้ตสีเทาเงินเนื้อผ้าแพรสวมด้วยเสื้อสูทที่ใหญ่กว่าตัว แลดูใส่ใจในการแต่งตัว แววตาเข้มขรึม มีความน่าเกรงขามอยู่ในตัวเขา
เมื่อเห็นเธอเข้ามา ผู้ชายมองไปทางเธอ สายตาหยุดอยู่บนตัวเธอชั่วคราว และหันไปมองเผยลี่เชิน “เปลี่ยนเลขาใหม่หรอ”
“ครับ” เผยลี่เชินตอบรับด้วยน้ำเสียงธรรมดา และเงยหน้ามองไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ “ขอกาแฟสองแก้ว แก้วนึงปกติ แก้วนึงไม่ใส่น้ำตาล”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบรับเบา ๆ ยิ้มที่มุมปากในองศาที่กำลังดี ค่อย ๆ เดินออกจากห้องไป
เมื่อเธอเตรียมกาแฟเสร็จเรียบร้อย กำลังจะถือเข้าไปในห้อง ผู้ชายคนนั้นและเผยลี่เชินกำลังคุยกันอยู่
“รองประธานฟางเหนื่อยแย่เลยนะครับ ถึงแม้ครั้งนี้เดินทางไปเจรจาเรื่องเทคนิคทางธุรกิจใช้เวลานานไปหน่อย แต่ผลลัพธ์ถือว่าค่อนข้างดีเลยครับ”
“นั่นไม่ใช่ผลงานผมคนเดียวหรอกครับ แต่ว่า…ผมเสียดายกับโครงการหนานไห่ครั้งที่แล้วด้วยนะครับที่ไม่สำเร็จ ได้ข่าวว่าคุณรับงานมาจากรองประธานเผยแล้วหรอ”
“ใช่ครับ ครั้งนี้ผมจะไปดูงานด้วยตัวเอง ไปสำรวจสภาพความเป็นจริงหน่อยครับ” เผยลี่เชินพูดไปชำเลืองไปเห็นผู้หญิงกำลังเสิร์ฟกาแฟวางบนโต๊ะเล็กหน้าฟางหรงเทียน แอบเผยขาอ่อนที่เรียบเนียนขาวใสออกมาท่านหนึ่ง
ใจเขาสั่นเบา ๆ เบี่ยงสายตาออกด้วยความเนียน มองไปทางฟางหรงเทียน “ปลายสัปดาห์นี้ผมจะเดินทางไปเมืองหนานไห่ อาจจะอยู่สักพัก รองประธานฟางพึ่งกลับมาจากเมืองนอก พักไปก่อนนะครับ ในบริษัทยังมีเผยอี้อยู่ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ”
ปลายสัปดาห์นี้?
ตั้งแต่เธอก้าวเข้าประตูมา ได้ยินเขาคุยกันเรื่องโครงการหนานไห่ ก็หูผึ่งตั้งใจฟัง พอได้ยินว่าเขาจะไปเมืองหนานไห่ปลายสัปดาห์นี้ แอบใจหายเบา ๆ
เธอกำลังถือกาแฟเดินไปทางเผยลี่เชิน เผลอแป๊ปเดียวไม่ทันได้สังเกตเห็นพรมใต้โต๊ะเล็กสะดุดเข้า ทั้งคนล้มไปข้างหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจ ในใจกรีดร้องยิ่งนัก แต่พอเห็นกาแฟในมือจะพุ่งตรงไปใส่เผยลี่เชิน เธอตวัดมือไปด้านข้าง กาแฟร้อน ๆ ราดลงบนแขนขวาของเธอ แก้วตกลงบนพรม ไม่แตกแต่กาแฟกระจายไปทั่วพรม
เผยลี่เชินเอื้อมมือจับไหล่เธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่นั่นทำให้เธอไม่ล้มลงฟาดกับพื้น ถึงแม้จะไม่ล้ม แต่เธอกำลังคุกเข่าต่อหน้าเผยลี่เชินด้วยท่าทางแปลก ๆ บรรยากาศชักพิลึกอย่างอธิบายไม่ถูก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตั้งสติได้ ไม่สนใจแขนที่ถูกลวกจนแดงก่ำ รีบยื่นมือไปเก็บแก้วบนพรม “ขอโทษค่ะ…”
เธอลุกขึ้นด้วยความดันทุรัง แทบจะไม่กล้ามองหน้าผู้ชาย “ขอโทษนะคะประธานเผย เดี๋ยวฉันไม่ทำให้อีกแก้วค่ะ”
เธอไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากผู้ชาย จึงรีบถือแก้วหันหลังเดินออกจากห้องให้เร็วที่สุด
ขณะที่เธอเดินออกจากห้องประธาน เธอแอบได้ยินข้างในมือเสียง
“เลขาคุณนี่…”
ฟางหรงเทียนยังพูดไม่จบ เผยลี่เชินแทรกขึ้นมา “พึ่งมาทำงาน ยังพอให้อภัยได้ครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากตัวเอง รีบวิ่งไปในห้องกาแฟ บดกาแฟให้ใหม่อีกแก้ว จากนั้นเอามือที่ถูกลวกเมื่อสักครู่ผ่านน้ำสองสามทีแบบชุ่ย ๆ แล้วรีบถือกาแฟเข้าไปในห้องทำงาน
พอผลักประตูเข้าไป ผู้ชายเมื่อกี้ไม่อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงเผยลี่เชินนั่งในท่าสบาย ๆ อยู่บนโซฟา
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยายามตั้งตัวให้เดินไปอย่างช้า เสิร์ฟกาแฟให้เผยลี่เชิน
“ประธานเผยคะ เรื่องเมื่อกี้…”
“คุณมานี่”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้า สบตากับเขาเข้าพอดี ชะงักไปครู่หนึ่งรีบเดินอ้อมโต๊ะเล็กไปหาเผยลี่เชิน
เธออยากจะขอโทษต่อ แต่ใครจะไปรู้ว่าเผยลี่เชินเอื้อมมือดึงเธอไปนั่งข้างๆเขา ขณะที่เธอยังตั้งตัวไม่ทัน ผู้ชายเหมือนเล่นมายากลได้ จู่ ๆ ในมือก็มีหลอดยาเรียวยาวอยู่ในมือ
เขาถกแขนเสื้อเธอขึ้นโดยไม่ได้ทักถาม ม้วนขึ้นเพื่อให้เห็นบริเวณที่เธอถูกลวกพอดี
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะเห็นว่าเธอถูกกาแฟร้อนลวก
เผยลี่เชินไม่ได้พูดอะไร หยิบสำลีออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเล็ก บีบยาออกมา ค่อย ๆ เช็ดแผลลวกให้เธอ
ยาพึ่งจะแตะลงที่ผิว สัมผัสได้ถึงความเย็นทันที ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้า มองไปเผยลี่เชินที่สีหน้ามุ่งมั่น ใจสั่นเบา ๆ
เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเผยลี่เชินใส่ใจขนาดนี้