บทที่ 28: ทำตามหน้าที่
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเหมือนหัวใจโดนกรีด ชะงักฝีเท้า หันหน้าไปมองจินจิงจิง “แก…หมายความว่ายังไง”
ตั้งแต่พ่อถูกตำรวจจับกุมตัว เห็นว่าเป็นการสืบสวนคดี แต่นี่ผ่านไปตั้งครึ่งเดือนแล้วก็ไม่มีข่าวคราวอะไร ต่อมาตระกูลไป๋ล้มละลาย เธอไม่มีเส้นมีสาย เงินทองก็ไม่มี ทำได้แค่รอฟังข่าวไปวัน ๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรับรู้เรื่องพ่อจากปากคนของนอก
จินจิงจิงเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์เริ่มกระวนกระวาย แสยะยิ้มด้วยความสะใจ มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “แต่ฉันว่าเธอกินดีอยู่ดีหนิ ไม่ห่วงกินห่วงนอน แถมยังมีงานให้ทำ แต่เธอคงจะไม่รู้สินะว่าพ่อแกใช้ชีวิตในคุกยังไงกัน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดอะไรไม่ออก คำพูดของเผยลี่เชินวิ่งผ่านความคิดเธอ “ส่วนทางคุก เดี๋ยวผมจะหาทางออกให้ ใช้เส้นสายหน่อย ให้เบื้องบนตัดสินโทษเบา ๆ ”
เผยลี่เชินสัญญากับเธอแล้วหนิ แต่เธอไม่ควรที่จะไม่ทำอะไรสักอย่างเลย
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากไว้ มองไปทางจินจิงจิง “เธอรู้เรื่องหรือไง”
“ทำไมฉันจะไม่รู้” จินจิงจิงหัวเราะ เพราะล้วงจุดอ่อนของไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ เธอไม่ยอมพูดออกมาอย่างจงใจ “ตั้งแต่ไป๋เจิ้งตงถูกจับกุมตัวจนถึงตอนนี้ ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ก็คงจะเป็นเพราะว่าข้อกล่าวหาแกถูกตัดสินแล้วสิท่า ชีวิตหลังตารางหนะคุณหนูอย่างเธอคงไม่เคยสัมผัสและไม่มีทางเข้าใจหรอกนะ”
จินจิงจิงตั้งใจเข้าใจไป๋เสว่เอ๋อร์ กดเสียงต่ำลง “ฉันได้ยินมาว่า ตั้งแต่ไป๋เจิ้งตงเข้าไปจนถึงตอนนี้ เวลาสั้น ๆ ครึ่งเดือน ผมนี่ขาวไปหมดเลย แถมผอมไปตั้งสิบกว่าโล แต่ก่อนที่มีอำนาจในวงการธุรกิจเมืองไห่เฉิน ปัจจุบันอยู่ในคุกไม่แก้เอ่ยปากสักคำ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเย็นว้าบที่สันหลัง เธอเงยหน้ามองจินจิงจิงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ปฏิเสธไปตามสันชาตญาน “พูดมั่ว!”
เธอไม่เชื่อว่าพ่อตัวเองจะตกต่ำขนาดนี้ เธอยิ่งไม่เชื่อว่าพ่อของเธอทำผิดในข้อหาใด
“ฉันพูดมั่วงั้นหรอ” สีหน้าจินจิงจิงเปลี่ยนไป มองไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยสายตาเย็นเฉียบ “เธอจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ เธอไปถามคนอื่น พวกเขาก็คงไม่กล้าบอกเธอหรอกนะ”
จินจิงจิงทำเสียงสะใจในลำคอ เหมือนว่าขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงด้วย เดินเต๊าะแต๊ะออกไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่กับที่ ในใจเหมือนมดแตกรัง ฟุ้งซ่านทำตัวไม่ถูก
ถึงแม้เธอจะไม่เชื่อสิ่งที่จิงจินจินพูด แต่รู้ว่าคุกเป็นสถานที่แบบไหน อีกอย่าง ตั้งแต่พ่อถูกจับกุมตัวจนถึงตอนนี้ ไม่มีข่าวคราวใด ๆ ทำให้เธอไม่คิดมากไม่ได้
แต่เผยลี่เชินบอกว่าจะช่วยเธอจัดการในส่วนของคุกหนิ การติดหนี้ของตระกูลไป๋เขาช่วยคืนให้ก็จริง แต่เรื่องคุกไม่เคยเห็นเขาพูดถึง
ไป๋เสว่เอ๋อร์อัดอั้นความสงสัยไว้ในใจ เหลือบเห็นเอกสารในมือ รีบเดินไปทางแผนกการเงิน
…….
หลังจากเผยลี่เชินเสร็จสิ้นจากงานเอนเตอร์เทนก็ค่ำแล้ว เธอตรงกลับไปที่บ้านพัก พอเข้าประตู คนใช้ก็รีบมาต้อนรับด้วยสีหน้าลำบากใจ “คุณชาย…มีแขกมาค่ะ”
แขก? เขามีแขกที่ไหนหละ
“ใครหรอ”
“คุณไป๋ที่คุณพากลับบ้านครั้งที่แล้วค่ะ”
เผยลี่เชินได้ยิน ยักคิ้วด้วยความสงสัย โบกมือให้คนใช้หลีกไป “โอเค ผมรู้แล้ว”
เขาเดินขึ้นบันได แต่ในหัวเต็มไปด้วยงุนงง ผู้หญิงคนนี้วันนี้รู้ตัวดี ส่งตัวเองมาถึงที่เชียว
เขาผลักประตูห้องนอน เห็นภายในห้องมีแสงไฟริบหรี่ เหมือนเปิดแค่ไฟที่ติดอยู่บนกำแพง เขาเดินไปสแกนทั้งห้อง ทั้งห้องน้ำ บนเตียง ไม่มีร่องรอยของผู้หญิง จนมองไปทางระเบียงเห็นผ้าม่านที่ปลิวไปตามสายลม เขามุ่งไปทางนั้น เพิ่งจะเห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเสียงรีบลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นเผยลี่เชิน ความกังวลไหลเข้ามาในแววตา “คุณกลับมาแล้วหรอ”
“อื้ม” เผยลี่เชินมองเธอ “คุณรอผมอยู่หรอ”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุย” ไป๋เสว่เอ๋อรพูดด้วยความจริงจัง ไม่มีความขบขันอยู่บนใบหน้า
ถ้ามีเรื่องจริง เธอสามารถเก็บไว้พูดตอนทำงานพรุ่งนี้ แต่เธอมารอเขาที่บ้านพักโดยเฉพาะ แสดงว่าไม่ใช่เรื่องด่วน แต่ตั้งใจมา
เผยลี่เชินเอื้อมมือ ปลดมือด้วยมือเดียว พูดด้วยความนิ่ง “คุณว่ามา”
“ฉันอยากถามว่าเรื่องของพ่อฉันเป็นยังไงบ้าง”
“คุณมานี่ก็เพราะเรื่องนี้หรอ” เผยลี่เชินปลดกระดุมออกเกือบหมด เผยกล้ามอกสีแทนออกมา เขาก้าวไปข้างหน้าจ้องหน้าเธอด้วยความนิ่ง
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจเข้า “ใช่ ฉันเป็นห่วงเขามาก อีกอย่างคุณสัญญาว่าจะช่วยฉันจัดการเรื่องของคุก ฉันไม่อยากให้เขาลำบากเกินไป”
“ไป๋เสว่เอ๋อร์ ตอนนี้คุณยังเอาตัวเองไม่รอดเลย ยังมีแรงไปเป็นห่วงคนอื่นอีก ตลกดีนะ” เผยลี่เชินพูดจาไม่เกรงใจเธอเลยสักนิด
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำมือแน่น เงยหน้าสบตาเผยลี่เชิน พูดด้วยความจริงจัง “ฉันรู้ แต่คุณสัญญากับฉันตั้งแต่แรก”
แววตาเผยลี่เชินนิ่งลง ถามกลับ “เรื่องของเรื่อง ที่เธอมาวันนี้ก็เพราะจะให้ผมทำตามหน้าที่ เพื่อทำตามคำสัญญาของผมที่มีต่อคุณงั้นหรอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจเข้าลึก ๆ เธอเข้าใจอย่างชัดเจนคำว่า ‘ทำตามหน้าที่’ ที่เผยลิ่เชินหมายถึงคืออะไร ก่อนที่เธอจะมานี่เธอเองก็เตรียมใจมาระดับหนึ่ง เผยลี่เชินเป็นนักธุรกิจที่ฉลาด ไม่มีทางให้ตัวเองเสียเปรียบแน่นอน
เธอตอบกลับมาด้วยเสียงนิ่ง “ใช่”
ผู้ชายหัวเราะเบา ๆ แต่เสียงหัวเราะนั่นเต็มไปด้วยความไม่พอใจนัก “ไป๋เจิ้งตงเลี้ยงลูกสาวได้ดีจริง ๆ ”
เผยลี่เชินพูดไปด้วยและนั่งลงบนเก้าอี้โยกข้าง ๆ สั่งไปว่า “ไปอาบน้ำ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มุ่งไปทางห้องน้ำด้วยหน้าที่ร้อนแผ่ว
เธอเองก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงแบบนั้นสินะ ใช้ร่างกายของตัวเองได้มาซึ่งการตอบแทน ครั้งแล้วครั้งเล่า
สิบนาทีต่อมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ออกมาจากห้องน้ำ เธอสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ไว้ข้างนอก แต่เธอดูเซ็กซี่ยั่วยวนแต่มีความใสแฝงอยู่อย่างไม่คาดคิด
เธอค่อย ๆ เดินไปที่ระเบียง เผยลี่เชินนั่งเป่าลมดื่มเหล้าอยู่ตรงนั้น พอหันหน้ามาเห็นผู้หญิง สายตาเปลี่ยนไปทันที
แต่สีหน้าของเขายังคงนิ่งเหมือนผิวน้ำ ไม่สั่นกระเพื่อมใด ๆ แต่สายตาของเขาเคลื่อนย้ายไปตามไป๋เสว่เอ๋อร์
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปข้างหน้า ยื่นมือมาแตะที่บ่าเขา “จะตรงนี้หรือว่า…กลับห้องนอน?”
ประโยคแค่ประโยคเดียวของผู้หญิง เหมือนโยนก้อนหินลงไปในแม่น้ำที่นิ่งสงบ ผิวน้ำกระเพื้อมอย่างรุนแรง
เผยลี่เชินหายใจรุนแรงขึ้น เอื้อมมือออกแรงดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด
ไป๋เสว่เอ๋อร์สัมผัสถึงกลิ่นอายของผู้ชายที่ถาถมเข้ามา ถึงแม้จะมีความไม่ยินยอม แต่กัดฟันถามไปว่า “เผยลี่เชิน คุณจะช่วยฉันใช่มั้ย”
ท่าทางของเผยลี่เชินหยุดชะงัก หันไปขบหูเธอด้วยน้ำหนักไม่เบาไม่หนัก “แน่นอนสิครับ พวกเราตอบสนองความต้องการของกันและกันหนิครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หลับตาลง
อื้มใช่ พวกเขาเป็นความสัมพันธ์แบบตอบสนองความต้องการของกันและกัน
แต่ความสัมพันธ์ที่เธอมองว่าไม่ถูกต้องจากใจ กลับเติมเต็มเธออย่างบ้าคลั่ง แต่คนที่เติมเต็มเธอกลับเป็นผู้ชายที่เย็นชาจนไร้หัวใจอย่างเผยลี่เชิน
หลังผ่านศึกอันแสนหวานเย้ายวน เผยลี่เชินลุกขึ้นด้วยท่าทางชัดเจน เขาหยิบมือที่ดังขึ้นเมื่อกี้แต่ไม่ทันได้รับ สวมเสื้อคลุมเดินไปทางระเบียงแล้วกดโทรกลับไป
“ฮัลโหลพ่อ เรื่องโครงการหนานไห่ผมตัดสินใจแล้ว ปลายสัปดาห์นี้จะไปเมืองหนานไห่ครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเสียงพูดคุย ส่วนมากเกี่ยวกับโครงการหนานไห่ทั่งนั้น หลังจากเขาวางโทรศัพท์เดินกลับมา ชำเลืองมองไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ “ปลายสัปดาห์นี้พวกเราจะไปเมืองหนานไห่กัน คุณเตรียมตัวล่วงหน้าหน่อยนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลสักพัก “มีแค่พวกเราสองคนหรอ”