บทที่ 27: เรื่องบางเรื่องไม่ต้องรอให้กลับบ้านถึงจะทำได้
พอเผยลี่เชินทาแผลให้เธอได้พอประมาณ เขาถึงเงยหน้าขึ้น โยงสำลีเข้าถังขยะ “มองอะไร?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตั้งสติได้ กลับตอบคำถามจากเขาทันทีไม่ได้ จึงนิ่งเงียบไว้
เผยลี่เชินยิ้ม มองไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยท่าทางพูดเล่น “ผู้ชายเมื่อกี้เป็นรองประธานของบริษัท ฟางหรงเทียน เขาบอกว่าเธอโง่เกินไป ให้ผมไล่คุณออก คุณว่าไง”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ใจตกไปถึงตาตุ่ม มองสีหน้าพิลึกของเผยลี่เชิน เดาไม่ถูกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
แต่พูดถึงฟางหรงเทียน เธอเองก็เคยได้ยินมาก่อน รองประธานของเผยซื่อ อยู่ระดับเดียวกันกับเผยอี้ เป็นคู่หูมือหนึ่งที่ต่อสู้มาพร้อมกับเถ้าแก่เผย อำนาจแกในเผยซื่อมหาศาล ความสามารถยิ่งไม่ต้องพูดถึง เป็นคนที่น่านับถืออย่างยิ่ง ได้ข่าวว่าฟางหรงเทียนนี่มีความทะเยยทะยานในทางธุรกิจมาก…
เผยลี่เชินเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ตอบคำถามเขา แถมเหม่อลอยไปไหนอีก เขาเอื้อมมือ พลิกลำตัวมากดตัวไป๋เสว่เอ๋อร์ให้หลังพิงติดกับโซฟาทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตั้งตัวได้ เงยหน้าสบตาผู้ชาย หายใจเข้าลึก ๆ “จะไล่ฉันออกหรือเก็บฉันไว้ ไม่ได้อยู่ที่ฉัน สิทธิ์ในการตัดสินใจอยู่ในมือประธานเผยหนิคะ”
เผยลี่เชินหัวเราะเบา ๆ เหมือนตลกกับความจริงจังของเธอ เขาบีบเอวเธอเบา ๆ ด้วยมือที่ไม่นิ่งเฉย คางแตะที่หูเธอเบา ๆ “ลำพังเมื่อกี้เธอยอมให้กาแฟราดใส่ตัวเองเพราะไม่อยากให้ราดโดนผม ผมจะกล้าไล่คุณออกได้ไงหละครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกชาไปทั้งตัว ความชานั้นไหลไปทั่วร่างกาย ลมหายใจเธอเริ่มไม่เป็นจังหวะ
เผยลี่เชินเหมือนจะรับรู้ได้ว่าร่างกายของเธอมีปฏิกิริยาบางอย่าง ตั้งใจแนบคางเข้าใกล้หูเธอมากขึ้น สีคางเบา ๆ ไปมาอยู่ข้างหน้าเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์หน้าแดงก่ำ หายใจเข้าลึก ๆ ตักเตือนด้วยเสียงเบา “ประธานเผยคะ นี่อยู่ที่บริษัทนะคะ”
เผยลี่เชินแสยะยิ้ม แกล้งพูด “เรื่องบางเรื่องไม่ต้องรอให้กลับบ้านถึงจะทำได้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สะท้านไปทั้งตัว ภายในร่างกายร้อนวูบขึ้นมา เธอผลักเผยลี่เชินออก ลุกตั้งตัวขึ้นบนโซฟา ถอยหลังด้วยความเขินอาย “ประธานเผยคะ ฉันยังมีเรื่องต้องรายงานต่อ การนัดหมายกับหัวหน้าสาขาเฉินจากธนาคารพัฒนาธุรกิจเมืองไห่เฉินมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ คงต้องรอถึงพรุ่งนี้ ส่วนเวลาที่เว้นว่างไว้ช่วงบ่ายสามารถนัดพบกับผู้รับผิดชอบของบริษัทเฟิงสิงหรือบริษัทเซิ่งหัวได้ คุณคอนเฟิร์มหน่อยนะคะ”
พอพูดถึงเรื่องงาน เผยลี่เชินจริงจังขึ้นมาทันที เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง เอ่ยว่า “เลื่อนเฟิงสิงและเซิ่งหัวไปชั่วคราว ยังไม่พบ ตอนบ่ายผมมีรายการของตัวเอง จัดการเรื่องคนขับรถให้ผมก็พอ”
“รับทราบค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดจบมองเชิงเผยลี่เชินครู่หนึ่ง เห็นเขาไม่ได้พูดอะไรต่อ จึงบอกต่อว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปทำงานก่อนนะคะ”
อยู่ ๆ มีคนเคาะประตูพอดี เป็นลูกน้องของเผยลี่เชินมารายงานผลงาน ไป๋เสว่เอ๋อร์อาศัยจังหวะนี้ออกมาจากห้องประธาน
“ได้ข่าวว่าเธอทำกาแฟหกหรอ หน้าแดงขนาดนี้โดนด่าหรือไง” สวี่เยว่หรูยิงคำถามมาเป็นชุด ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเธอพูดเช่นนั้น ยกมือมาจับแก้มตัวเอง ตอบไปส่ง ๆ ว่า “อื้อ”
สวี่เยว่หรูเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ท่าทางเด๋อด๋าแบบนี้ คิดว่าเผยลี่เชินด่าเธอจนหัวเน่าแน่นอน ยิ่งสะใจเข้าไปใหญ่ “ซุ่มซ่ามขนาดนี้ ไม่รู้ว่าทำไมประธานเผยให้เธอเป็นเลขาได้ไงเนี่ย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามองไปทางสวี่เยว่หรู พูดเบา ๆ ว่า “รองประธานฟางที่อยู่ในห้องเมื่อกี้ดุมาก เขาบอกประธานเผยให้ไล่ฉันออก…”
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ ปากของสวี่เยว่หรูแทบฉีกไปถึงหู “รองประธานฟางเขาโหดขึ้นชื่อ ทำผิดต่อหน้าแกหนะ เธอไม่มีโอกาสครั้งที่สองหรอกนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มแล้วถามต่อไปตามน้ำ “เมื่อวานประชุมกับผู้บริหารระดับสูงกับประธานเผย ทำไมฉันไม่เห็นรองประธานฟางหละ”
“รองประธานฟางไปคุยงานที่เยอรมัน เพราะว่าโครงการหนานไห่เมื่อสามเดือนที่แล้วแกเอามาไม่ได้ หน้าแตกใหญ่ ก็เลยขอโทษด้วยการขอไปโครงการสำรวจงานเทคนิคที่ต่างเทศหนึ่งเดือน พึ่งจะกลับมาวันนี้แหละ”
สวี่เยว่หรูพร่ำไปโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีก็กลอกตาใส่ไป๋เสว่เอ๋อร์หนึ่งที “พูดกับเธอเยอะทำไมกัน เธอไม่เข้าใจหรอก อย่าคิดว่าประธานเผยสั่งสอนเธอไปแล้วเรื่องจะจบ อย่าลืมเอาพรมที่เธอทำเลอะไปซักแห้งด้วย ผืนที่อยู่ในห้องประธานนำเข้ามานะจ๊ะ ถ้าทำพังเธอรับผิดชอบไม่ได้หรอก”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้ม ๆ ไม่ได้โกรธอะไร “ฉันจดไว้แล้วจ๊ะ เดี๋ยวว่างจะรีบส่งไป”
หลังจากกลับมาที่ห้องทำงานตัวเอง พึ่งจะมีเวลาได้ทบทวนสนทนาระหว่างเผยลี่เชินและฟางหรงเทียนเมื่อสักครู่
ฟางหรงเทียนนี่ก็พึ่งจะกลับประเทศ เวลายังปรับไม่ทันก็วิ่งหน้าตั้งมารายงานตัวที่บริษัทซะแล้ว แต่เผยลี่เชินกลับบอกว่าตัวเองจะไปเมืองหนานไห่ปลายสัปดาห์นี้ ให้ฟางหรงเทียนพักผ่อนไป ในบริษัทยังมีเผยอี้อยู่…
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเรื่องราวซับซ้อนเข้า ต่อหน้าความสัมพันธ์ที่ดูเป็นมิตรกัน แต่ลับหลังนั้นมีลับลมคมในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อยวุ่นวายแค่ไหนกัน เธอเองก็คิดไม่ออก แต่พอจะสัมผัสได้ว่าฟางหรงเทียนนี่ไม่ธรรมดาแน่นอน
…….
ตอนบ่ายเผยลี่เชินไม่อยู่บริษัท มีเอกสารบางชิ้นส่งตรงมาให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ รวมไปถึงเอกสารที่ต้องอนุมัติในวันนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์โทรไปถามเผยลี่เชิน ส่งเป็นไฟล์ให้เขา หลังจากได้รับอนุญาตจากเขาถึงกล้าเอาตราประทับส่วนตัวเองเขาประทับลง
หลังอนุมัติเอกสารเรียบร้อย เนื่องด้วยเป็นเอกสารเร่งด่วน ไป๋เสว่เอ๋อร์ต้องส่งตรงไปที่แผนกการเงิน เธอพึ่งออกจากลิฟต์ ก็พบกับใบหน้าที่แสนจะคุ้นเคย
จินจิงจิงนี่เอง ถึงแม้เธอจะสวมแว่นกันแดด แต่หน้าตาที่มีเอกลักษณ์ เดินอยู่บนถนนสามารถเห็นได้จากป้ายโฆษณาที่นับไม่ถ้วน ทำไมถึงจะดูไม่ออก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วเบา ๆ ตอนแรกว่าจะทำตัวเหมือนไม่เห็นเดินผ่านไป แต่จินจิงจิงกลับมองจ้องมาที่เธอไม่หยุด
ตอนแรกจินจิงจิงนึกว่าตัวเองสายตาเบลอ แต่เมื่อเดินเข้าใกล้ดู เป็นเธอจริง ๆ ด้วย
เธอมาทำงานที่เผยซื่อหรอเนี่ย
ครั้งที่แล้วเธอใส่ยาไปในเหล้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ พอเผยอี้รู้เรื่องแล้วด่าเธอไปชุดใหญ่ เธอคับแค้นใจมานาน ไม่คิดว่าวันนี้มาหาเผยอี้ที่เผยซื่อจะเจอนางเข้า
ผู้หญิงคนนี้ ใช้ความเป็นแฟนเก่าเผยอี้ แถมยังปรากฏตัวในชีวิตเผยอี้ถี่ขนาดนี้ เธอหงุดหงิดมานานแล้วเหมือนกัน
จินจิงจิงเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์จะเดินผ่านเธอไป ไม่ทันได้คิดอะไรทั้งนั้น ก้าวไปขวางหน้าเธอ
“คุณไป๋ ไม่เจอตั้งนานนะคะ”
จินจิงจิงเค้นหน้ายิ้ม แต่ภายใต้แว่นดำนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา
ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นว่าหนีไม่พ้นแล้ว หันหน้าไปทางเธอแล้วพัดเอกสารในมือ “ขอโทษนะคะ ฉันยังต้องทำงาน”
“คุณหนูไป๋สถานะเร็วเหมือนกันนะ สองสามก่อนยังเป็นคุณหนูตระกูลไป๋อยู่เลย จู่ ๆ กลายเป็นพนักงานจ๊อกจ๋อย
ของเผยซื่อเฉยเลยนะ ชีวิตมีความหลากหลายดีเนอะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นว่าจินจิงจิงตั้งใจจะประชดประชันเธอ เธอหายใจเข้าลึก ๆ ฝืนยิ้มออกมา “ขอโทษนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ”
พูดจบ ก็ทำท่าจะอ้อมเธอไป
“คุณไป๋” จินจิงจิงยกระดับเสียงสูง “ตอนนี้เธอดูอยู่ดีเป็นสุขเชียวนะ ไม่รู้จริง ๆ หรอว่าสภาพพ่อเธอในคุกเป็นยังไง”