บทที่ 22: เธอเป็นคนแรก
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดเดินหันไปมองตามเสียง เห็นสวี่เย่วหรูยืนอยู่ตรงที่ไม่ไกลจากเธอ ในมือเธอถือแก้วไว้ใบหนึ่ง เหมือนว่าจะเพิ่งเดินออกมาจากห้องกาแฟ
ไป๋เสว่เอ๋อปั้นหน้ายิ้ม “เลขาสวี่ ฉันมีธุระต้องลงไปข้างล่าง แต่จะกลับมาเร็วที่สุดค่ะ”
สวี่เย่วหรูได้ยิน ยักคิ้วขึ้น โน้มตัวไปข้างหน้า “ธุระเกี่ยวกับงานหรือว่าธุระส่วนตัวมิทราบ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำเงินในมือไว้แน่น ลังเลสักพัก ตอบกลับไปตามความจริง “ธุระส่วนตัว”
“หึ” สวี่เย่วหรูขำด้วยความเย้ยหยัน “นี่เธอไม่รู้หรอว่าเผยซื่อไม่ผลิตคนขี้เกียจ ถ้าเวลางานเธอเอามาจัดการเรื่องส่วนตัวหมด แล้วบริษัทจะเอาะเธอไว้ทำไม”
สวี่เย่วหรูพูดจาไม่เกรงใจใด ๆ พอดีลิฟต์มาถึงชั้นพอดี “ติ๊ง” ประตูลิฟต์เปิดออกอย่างช้า ๆ เธอก้าวเท้าไปยืนบังอยู่หน้าประตู มองด้วยสายตาเย็นชา “กลับไปซะ!”
ไป๋เสว่เอ๋อขมวดคิ้วแน่น ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปาก เพราะที่สวี่เย่วหรูพูดก็ถูกแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาทำงานจริง
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหลัง กำลังจะเดินไปทางห้องทำงานตัวเอง แต่จู่ ๆ เธอรู้สึกถึงความร้อนแผ่วที่น่องตัวเอง พอหันหน้าไปก็พบว่าบนพื้นที่เยื้องตัวเองออกไปสักระยะมีน้ำชากำลังนองอยู่
“อุ๊ย ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำน้ำหก” สวี่เย่วหรูรีบพูดขึ้นมา แต่แววตาเต็มไปด้วยความสะใจ
ไป๋เสว่เอ๋อร์แอบกัดฟัน ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มให้สวี่เย่วหรู พูดว่า “ไม่เป็นไรจ่ะ”
หลังพูดจบ สวี่เย่วหรูพูดต่อด้วยความไม่ไว้หน้า “งั้นเธอก็เอาไม้ถูพื้นมาถูซะนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะหงิดใจ มองไปทางสวี่เย่วหรู “ในบริษัทมีป้าแม่บ้านนี่นา”
“ชั้นนี้เป็นสถานที่สำคัญของบริษัท เวลาทำงานไม่อนุญาตให้คนทำความสะอาดเข้าออก มีแค่เวลาเลิกงานเท่านั้นแหละเขาถึงจะมาทำความสะอาดได้ ตอนนี้น้ำนองเต็มพื้นซะขนาดนี้ ถ้ามีหัวหน้ามาคุยงานกับประธานเผยแล้วลื่นล้มจะทำไงหละ”
สวี่เยว่หรูพูดต่อพร้อมด้วยเสยผมขึ้น “ไม้ถูพื้นอยู่ในห้องกาแฟนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อกัดริมฝีปากล่างอยู่นานไม่พูดอะไรสักคำ
จะให้เลขาประธานอย่างเธอมาถูพื้น เจตนาดูถูกเหยียดหยามของสวี่เยว่หรูชัดเจนมาก แต่เธอเองเข้ามาในบริษัทช้ากว่าสวี่เยว่หรู ถ้าเรื่องแค่นี้เธอยังทนไม่ได้ วันข้างหน้าจะทำงานอะไรได้หละ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ปลอบใจตัวเองเบา ๆ พอเข้าใจก็ไม่ได้โมโนขนาดนั้นแล้ว เธอมองไปทางสวี่เยว่หรู พูดเบา ๆ “เลขาสวี่ ถ้าคุณยุ่งก็ไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวฉันจัดการที่นี่เอง”
พูดเสร็จก็เดินไปทางห้องกาแฟของพนักงาน ลากไม้ถูพื้นออกมา
เธอเสยผมขึ้น ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วค่อย ๆ ถูพื้น
สวี่เยว่หรูแอบตกใจนิดหน่อย ไม่คิดว่าคุณหนูของตระกูลไป๋ว่าง่ายสอนง่ายขนาดนี้ ให้ทำอะไรก็ทำ แถมยังไม่โกรธอีกด้วย
เผยลี่เชินยืนอยู่หน้าห้องประธานในที่ไม่ไกล มองเห็นภาพที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผู้หญิงที่กำลังก้มตัวถูพื้น เผยลำคอขาวใสออกมาพอดี
สายตาเขาเข้มขึ้นมาจากเดิมทันที
จริง ๆ แล้วเขาเห็นตั้งแต่แรกแล้ว การที่สวี่เยว่หรูทำแบบนี้คือตั้งใจทำให้เธอลำบากใจ แต่เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าความอดทนของหญิงผู้นี้มีมากกว่าที่เขาคิด
เผยลี่เชินยืนอยู่หน้าประตู แกล้งกระแอมไอในลำคอ สวีเยว่หรูได้ยินรีบหันหน้ามา พอเห็นเผยลี่เชินที่ยืนอยู่หน้าประตู ความกระวนกระวายเผยออกมาทางแววตา
“ประธานเผยคะ…”
เธอมองไป๋เสว่เอ๋อร์ที่กำลังถูพื้นแวบหนึ่ง รีบเดินไปทางเผยลี่เชิน “ฉันก็แค่…”
เธอค้นหาเหตุผลในหัวอย่างรวดเร็ว เพราะว่าเผยซื่อยังไม่มีธรรมเนียมที่ให้เลขาทำงานบ้านแบบนี้ การที่เธอทำแบบนี้แปลว่าจงใจแน่ ๆ เผลลี่เชินคงจะดูออกแน่นอน
เผยลี่เชินแสยะยิ้ม คิดเหตุผลให้เธอว่า “สั่งสอนพนักงานใหม่หรอ”
สวี่เยว่หรูพูดไปตามจังหวะ “ใช่แล้วค่ะ สั่งสอนพนักงานใหม่ค่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเสียงผู้ชายในที่ไม่ไกล ใจสั่นเบา ๆ เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้น ยังคงถูพื้นต่อไป ไม่เพียงแค่ถูบริเวณที่น้ำนองเมื่อกี้ แต่ยังถูจนพื้นรอบ ๆ ใสวิ้งค์
เผยลี่เชินเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่เงยหน้าขึ้นสักที รู้สึกตงิด เอื้อมมือหยิบเนคไทบนไม้แขวนผ้าหน้าประตู ยื่นให้สวี่เยว่หรู
“ผูกให้หน่อย”
สวี่เยว่หรูรับเนคไทอย่างไม่ทันตั้งใจ พยายามกลบรอยยิ้มบนหน้าไว้ ถึงแม้เธอจะทำงานภายใต้เผยลี่เชินในเผยซื่อมาหลายปี แต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสเขาใกล้ชิดขนาดนี้
“การเจรจาชั่วโมงถัดจากนี้ คอนเฟิร์มกับประธานเทียนเฉิงหรือยัง”
สวี่เยว่หรูผูกเนคไทให้เผยลี่เชินด้วยท่าทางตื่นเต้น ตอบด้วยเสียงเบา “คอรเฟิร์มแล้วค่ะ อยู่ที่อาคารซิงกวาง ตึก B 405 ค่ะ”
“อืม” เผยลี่เชินเงยหน้าขึ้น มองไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ ซึ่งพอดีกับจังหวะที่เธอถูพื้นเสร็จ พอเงยขึ้นก็เห็นสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
จากมุมของเธอ สวี่เยว่หรูเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใกล้ชิดกับผู้ชายมาก รวม ๆ แล้ว ดูเหมือนมีอะไรสักอย่าง
ความคิดเธอเริ่มฟุ้งซ่าน ก้มลงมือไม้ถูพื้นในมือแล้วหันขวับเดินไปทางห้องกาแฟทันที
ตอนเธอออกมาจากห้องกาแฟ สวี่เยว่หรูผูกเนคไทเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เรียบร้อยค่ะ ประธานเผย”
สีหน้าของสวี่เยว่หรูเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ตอนที่เธอมาทำงานที่เผยซื่อแรก ๆ เผลลี่เชินส่งเธอไปเรียนรู้การผูกเนคไท แต่ผ่านไปสองปีก็ยังไม่เคยได้ผูกให้เขาสักที ตอนนี้เธออาจจะไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ แต่ว่าผลงานที่ออกมาก็ถือว่าดีใช้ได้
เผยลี่เชินเดินเข้าไปในห้องทำงาน ตู้หนังสือที่อยู่หน้าประตูมีกระจกอยู่บานหนึ่งและยังสามารถส่องเห็นครึ่งท่อนบนได้พอดี
เขาแค่มองแวบเดียวก็หันหน้ามา มองสวี่เยว่หรูด้วยสายตาเยือกเย็น “ผูกเบี้ยว กลับไปฝึกร้อยรอบ”
หน้าที่ยิ้มแย้มของสวี่เยว่หรูแข็งชาไปชั่วขณะ เธอมองไปที่เนคไทของเผยลี่เชิน และมองไปที่สีหน้าอันเย็นเฉียบของเขา ชักสีหน้าเบา ๆ
ก็แค่เบี้ยวนิ๊ดดดดเดียวเอง
เผยลี่เชินยักคิ้ว “มีปัญหามั้ยครับ”
“ไม่มีค่ะ เดี๋ยวฉันกลับไปฝึกวันนี้เลยค่ะ”
เมื่อกี้ยังสะใจกับการเหยียดหยามอยู่ จู่ ๆ สวี่เยว่หรูที่ท่าทางจองหองกลับหายไปในพริบตา เดินกลับไปออฟฟิศตัวเองอย่างหมดแรง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่มองเห็นทุกอย่างและกำลังลังเลอยู่ว่าจะกลับออฟฟิศตัวเองหรือไม่ เงยหน้าปุ้บก็เห็นว่าเผยลี่เชินกำลังจ้องมาที่เธออยู่
ผู้ชายยกมือกระชากเนคไทตรงคอออกมา “มานี่”
ไป๋เสว่เอ๋อได้ยินรีบเดินไป พึ่งจะก้าวเข้ามาในห้องทำงาน เผยลี่เชินเอื้อมมือปิดประตูห้องทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจเข้าลึก ๆ สายตามองไปที่เนคไทในมือผู้ชาย โน้มตัวไปรับเนคไทมาจากมือเขา
“ฉันเอง”
เผยลี่เชินไม่ได้ว่าอะไร ยืนมองเธออยู่กับที่
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินขึ้นมาครึ่งก้าว เขย่งปลายเท้าวนเนคไทมาจากหลังคอผู้ชาย ลมหายใจอันเผ่วร้อนของผู้ชายแตะที่หน้าผากเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อค่อย ๆ ดึงเนคไททั้งสองข้างมา ผูกเงื่อนด้วยท่าทางชำนาญ
เมื่อก่อนคุณแม่ไป๋เคยจ้างครูสอนมารยาทที่มืออาชีพที่สุด สอนมารยาทต่าง ๆ ให้กับเธอ และยังสอนข้อควรรู้ในทางแต่งกายให้เธอ เธอไม่เพียงแต่ชำนาญเท่านั้น เธอยังสามารถผูกรูปแบบที่หลากหลายอีกด้วย
ขณะที่เธอกำลังจะทำขั้นตอนสุดท้าย จู่ ๆ รู้สึกถึงความตึงที่เอว ทั้งตัวเอนแนบไปบนตัวผู้ชาย
ไป๋เสว่เอ๋อเงยหน้ามองด้วยความตกใจ สบตากับผู้ชาย “เมื่อกี้โดนแกล้งทำไมไม่มาหาผม”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ทำตัวไม่ถูก ก้มหน้าลง รีบทำขั้นตอนสุดท้ายให้เสร็จ “ฉันไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ความสัมพันธ์ของพวกเรา”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนไปนิดหน่อย
ผู้หญิงที่เสนอตัวเข้ามาหาเขามากมายก่ายกอง แต่ผู้หญิงที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขา เธอเป็นคนแรก