สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 6-10

ตอนที่ 6-10

บทที่6 ไม่มีลู่ทางให้ถอย
  ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าส่งสัญญาณ ก่อนจะแยกออกมาหวังจะเดินไปยังลานจอดรถ
  แต่พวกนักข่าวไม่ได้คิดจะปล่อยเธอไปตั้งแต่แรก หนึ่งในนั้นเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินออกไปก็รีบฉุดลากยั้งเธอเอาไว้เสียก่อน
  หญิงสาวที่กำลังจะเดินลงบันไดไม่ทันจะได้ยั้งตัว ก็เริ่มทรงตัวไม่อยู่ ทั้งตัวล้มตกลงไปที่พื้น ขาเธอแดงเป็นจ้ำมันชาเสียจนรู้สึกเจ็บ
  อยู่ๆก็เกิดเรื่องทำเอานักข่าวที่ล้อมอยู่ตกใจ
  คนที่เป็นคนทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ล้มมองไปยังเธอก่อนจะรีบแบมือกางออกเฉไฉราวกับไม่ได้ทำอะไรผิด “ทุกคนก็เห็นนะ เธอล้มลงไปเอง ไม่ได้เกี่ยวกับฉันเสียหน่อย”
  คนถูกกล่าวถึงไม่ได้พูดอะไรตอกกลับ ริมฝีปากบางเม้มแน่น มือทั้งสองที่ค้ำยันพื้นค่อยๆยกขึ้นมา ความแสบร้อนจากแผลที่ข้อเท้ายังคงมาพร้อมกับเลือดที่ไหลซิบๆรอบๆบาดแผลนั่น เธอพยายามเป่าลมจากปากแผ่วๆ เพื่อให้ความเย็นช่วยชำระความเจ็บของบาดแผลนั่นให้ดีขึ้นไม่มากก็น้อย
  เธอกัดฟันทนความเจ็บนั่นก่อนจะรีบเดินกลับตรงไปที่รถ
  นักข่าวทั้งหมดตื่นตะลึงไปชั่วครู่ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าใครในนั้นก็หูยออกมาซะเสียงดัง “ผู้หญิงคนนี้หน้าหนาเสียจริงๆ ถึงขนาดนี้แล้วก็ยังทำตัวเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวย ไม่รู้เลยเผลอๆวันพรุ่งนี้ก็อาจจะล้มละลายเละไปหมด แล้วยังจะโกหกไปทั่วอีก”
  ในอาคารตึกเผยซื่อ เผยลีเชินทำเพียงยืนอยู่หน้าหน้าต่างกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานในล็อบบี้และมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง และเพราะความเรียบเฉยนั่นทำเอาคนรอบข้างคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าอีกคนคิดอะไรอยู่
  รอจนไป๋เสว่อเอ๋อร์ขึ้นรถขับออกไปร่างสูงจึงยอมที่จะเอ่ยปากสั่ง “ไปจัดการพวกคนข้างนอกให้เรียบร้อย”
  “รับทราบค่ะประธานเผย”
  ……
  ตั้งแต่ที่ออกมาจากเผยซื่อ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ตรงดิ่งสู่ไป๋ซื่อในทันที
  ตอนนี้บริษัทเหลือพนักงานไม่มากแล้ว จะมีก็แต่พนักงานเก่าๆที่ตามคุณพ่อถังมาตั้งแต่แรกๆ และหนึ่งในนั้นก็คือเลขาส้ง
  ทันทีที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ออกมาจากลิฟต์ ก็เห็นเลขาส้งถือเอกสารปึกใหญ่เดินสวนออกมาทันที สีหน้าไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
  เธอรู้สึกเป็นห่วง มองไปยังเลขาส้งก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
  “ประธานไป๋ ธนาคารทางนั้นเร่งให้เราคืนเงินโดยด่วน พวกเขาแจ้งมาว่าถ้าภายในอาทิตย์ไม่มีเงินเอาไปให้ ก็คงเอาคฤหาสน์ที่คุณหนูกับคุณหญิงอยู่ไปประมูลขายแล้ว เผยซื่อทางนั้น…”
  วันนี้เกิดข่าวใหญ่ขนาดนั้น เธอคิดไว้อยู่แล้วว่าทางธนาคารจะต้องรีบดำเนินเรื่องเข้าไปอีก ก็แค่ไม่คิดว่ามันจะรีบเร่งขนาดนี้ เธอมองสีหน้าที่ซีดเซียวของเลขาของเธอเองที่จัดการเรื่องทั้งกลางวันและกลางคืน ก็เริ่มที่จะทนไม่ไหว “เลขาส้ง เธอยังจำคุณชายจ้าวที่แต่ก่อนพยายามที่จะนัดฉันหลายต่อหลายครั้งนั่นได้ไหม สำหรับคนนี้เธอคิดว่าเขาเป็นยังไง?”
  “จ้าว… จ้าวหยางหลิน?”
  “ใช่ เขานั่นล่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า “เธอไปส่งข้อความให้เขา บอกว่าฉันช่วงนี้มีเวลาว่าง ดูว่าเขาพอที่จะมีเวลาว่างออกมาสักหน่อยไหม…”
  “ท่านประธานแบบนี้มันไม่ได้นะคะ!” ว่ายังไม่ทันไร ประโยคก็เลขาส้งก็ว่าลั่นตัดจบ
  จ้าวหยางหลินนั่นเป็นพวกเศรษฐีใหม่ มารยาทวัฒนธรรมแทบจะเรียกว่าไม่มี นอกเสียจากมีเงิน คนร้ายกาจน่ารังเกียจแบบนั้น ไปเจอจะมีอะไรดีขึ้นกัน?
  ไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าใจความเป็นห่วงของเลขาของเธออย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในตอนนี้เธอและไป๋ซื่อกำลังตกอยู่ในทางที่มืดบอด ที่อย่างน้อยถ้ามีสักความหวังนึงก็ไม่อยากที่จะไม่ลองดู
  ใจที่ขมขื่น เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังปลอบโยนเลขาส้งหรือว่าตัวของเธอเอง “ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้มันแย่ไปแล้วมันจะแย่ลงไปกว่านี้ได้ถึงไหนกัน? …ฉันจะดูแลตัวเอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
  “แต่ว่า”
  “ไม่ต้องพูดแล้วส้ง ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน แต่เวลานี้อะไรจะเกิด ฉันก็ไม่กลัวทั้งนั้น” แน่นอนว่าเส้นทางนี้นั้นแสนเดินลำบาก แต่เธอก็ไม่รู้ ไม่มีลู่ทางให้ถอยอีกต่อไปแล้ว

บทที่7 ควรจะรู้สึกยังไง
  เช้าวันรุ่งขึ้น
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นมาตั้งแต่เช้าๆ เปิดคอมพิวเตอร์เช็คดูพวกข่าวรายงานที่มีความเกี่ยวข้องกับไป๋ซื่อ ไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะแม้แต่ข่าวของเธอเมื่อวานก็หายไป
  สันนิษฐานว่าข่าวพวกนี้จะไปกระทบกับชื่อเสียงของตระกูลเผยเข้าให้ ดังนั้นพวกเขาจึงริเริ่มที่จะลบรายงานออนไลน์ทั้งหมดพอคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็อดจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาไม่ได้
  ช่วงบ่าย เธอไปที่บริษัทและจัดการเตรียมเอกสารเงินกู้ หอบหิ้วเอกสารนั้นขับรถตรงดิ่งไปยังโรงแรมที่นัดไว้กับจ้าวหยางหลิน ก่อนจะออกมา เลขาของเธอก็จัดการยัดผงยาซองเล็กเพื่อเป็นตัวช่วยในการให้เธอหลบหลีกออกมาอย่างปลอดภัยถ้าหากเกิดอะไรขึ้น
  ช่างเป็นช่วงจังหวะเหมาะเจาะ ทันทีที่เธอออกมาก็เป็นช่วงเวลาเร่งด่วนทันทีไป๋เสว่เอ๋อร์รถติดอยู่นานพอสมควร ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะออกถนนสายหลักแต่ออกไปได้ไม่ทันไรยางรถก็ดูเหมือนจะโดนอะไรเจาะรั่วทันที
  ถนนเส้นนี้กำลังอยู่ระหว่างปรับปรุง ปกติแล้วไม่มีคนมาใช้ ไป๋เสว่อเอ๋อร์หยิบโทรศัพท์มาดูเวลา แน่นอนว่ายิ่งทำให้เธอร้อนรน แต่ก็ทำได้เพียงแค่ควบคุมมันและโทรเรียกรถลากมาจัดการ
  รู้สึกแย่ได้ไม่นาน ไฟหน้ารถคู่หนึ่งที่ส่องมาจากทางด้านหลังก็มาหยุดอยู่ข้างเธอ
  หน้าต่างของทางเบาะหลังค่อยๆเลื่อนลงอย่างช้าๆ เผยใบหน้าเผยลี่เชินที่แสนเยือกเย็นแต่กลับหล่อเหล่านั้นให้เห็นเต็มตา
  “รถเสียเหรอ?”
  “เผย… ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
  ถนนเส้นนี้เป็นทางที่ใกล้ที่สุดที่จะไปโรงแรมตี้เหา แต่เพราะช่วงนี้ตรงนี้ซ่อมทางคนผ่านแน่นอนว่าจะต้องน้อยถึงขั้นน้อยมาก
  โรงแรมตี้เหาเป็นโรงแรมระดับหลายดาวที่มีชื่อเสียงของเมืองไห่เฉิง ผู้นำธุรกิจหลายๆท่านก็จะมาใช้ที่นี่ไว้คุยงานกิจการต่างๆ
  เผยลี่เชินไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาวตรงหน้า ทำเพียงแค่ใช้สายตาเหลือบมอง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไปตี้เหา? มาสิ เดี๋ยวผมไปส่ง”
  “ไม่เป็นไรค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ปฏิเสธอย่างไม่ต้องได้ทันคิด
  คำพูดในวันนั้นมันบอกทุกอย่างและพวกเขาสองคนคิดว่าคุยกันจนเข้าใจแล้ว ในตอนนี้เขาไม่อยากที่จะติดต่อหรือยุ่งเกี่ยวคนตระกูลเผยอีกต่อไป
  “นี่มันก็เย็นมากแล้ว คุณจะอยู่ให้หมาจรจัดแถวนี้มาหรือไง?” เสียงเย็นของผู้ชายคนเดิมตอบกลับมา
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ออกอาการสั่นเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะเผลอหลุดปากตอกคำกลับไปเสียงเบา “อย่างน้อยหมาจรจัดก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับคุณ”
  “ไป๋เสว่เอ๋อร์เธอจะพูดให้เสียงดังกว่านี้ก็ได้นะ”
  เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในนัยน์ตาของเจ้าของเสียงเรียก “ประธานเผย ฉันคุยกับคุณก็ไม่มีประโยชน์เพราะมันก็แค่การรู้จักกันแบบฉาบฉวย จริงๆก็คือไม่กล้ารบกวนประธานเผยให้ไปส่งหรอกค่ะ ฉันรอรถอยู่ตรงนี้ก็ได้”
  “งั้นเหรอ?”
  เผยลี่เชินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมเข้มดูเหมือนมีแววขี้เล่นแผ่ออกมาแทน “รู้จักกันแบบฉาบฉวยเหรอ? งั้นตอนเราอยู่บนเตียงกันตอนนั้นก็รู้จักกันแบบฉาบฉวยน่ะสิ?”
  “คุณนี่มัน…”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกรำคาญเล็กน้อย อยากจะว่าตอกหน้าอีกคนแต่ความปวดที่เท้าก็สำแดงฤทธิ์เข้าเสียก่อนพยายามหายใจเข้าออกตั้งสิ และนั่นก็ทำให้เผยลี่เชินเห็นความผิดปกติ
  สายตาเย็นชากลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มกวาดสายตามองอย่างรวดเร็ว เสียงที่เริ่มโต้ตอบกลับแข็งขึ้นเสียจนอดจะตกใจไม่ได้ “อย่าทำผมเสียเวลา มาขึ้นรถ!”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์สองมือกำเข้าให้กันแน่น สายตามองไปยังรอบด้าน เสาไฟริมถนนฝั่งตรงข้ามยังไม่ได้ซ่อม ความมืดมิดเสียยิ่งกว่าอะไรของสิ่งรอบตัวก็เริ่มฉายชัดขึ้นเสียจนใจเธออดที่จะหวาดๆไม่ได้
  ตัดสินใจอยู่พักนึงสุดท้ายก็เลือกขึ้นรถอีกคนไป
  ทันทีที่ปิดประตูรถ หันกลับไปก็เจอสายตาที่ดูแฝงไปด้วยล้อเลียนของอีกคน
  หญิงสาวค้อมหัวเล็กน้อยก่อนจะเสยหน้าหนี วันนี้เธอเจอเรื่องให้หลายอย่างจนแทบจะดูดวิญญาณเธอออกไปเสียหมด
  ทั้งสองคนไม่ได้คุยอะไรกันอีกตลอดทาง ใจจริงไป๋เสว่เอ๋อร์อยากที่จะคุยเรื่องคืนนั้นให้มันชัดเจน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เริ่มบทสนทนานั้น เพราะเธอกลัวที่จะต้องถูกกล่าวว่าให้เป็นความอัปยศอีกครั้ง
  ทันทีที่ถึงก็เปิดประตูจะลงจากรถ เสียงเรียกด้านหลังของเผยลี่เชินก็ทำให้ต้องกลับไปสนใจ
  “ไป๋เสว่เอ๋อร์”
  เจ้าของชื่อหยุด ก่อนจะหันกลับไปมองด้วยความสงสัย
  เธอหันไปเจอเผยลี่เชินแสนเย็นชาคนเดิม ที่ไม่นานเขาก็ว่าต่อเข้าให้ “ผมว่าสินค้าชิ้นเดียวกันยิ่งที่ซื้อขายมากขึ้นเรื่อยๆก็ไม่ต่างจากของไร้ค่า ผมว่าจุดนี้คุณควรจะเอากลับไปคิดดีๆอีกที”
  “คุณหมายความว่ายังไง?” เธอเริ่มที่จะขมวดคิ้ว
  เมื่อเห็นหน้าตาหญิงสาวเริ่มที่จะไม่ค่อยดี มุมปากของเผยลี่เชินก็เริ่มที่จะแย้มกว้าง เมื่อเห็นท่าทีตอบกลับที่ตนพอใจแล้ว ก็หันไปเอ่ยคนขับรถที่รอตอบรับคำสั่งอยู่ทันที “ไปกันเถอะ”
  “เผยลี่เชิน คุณกลับมาคุยกับฉันให้รู้เรื่องก่อนนะ!”
  เธอล่ะอยากที่จะบุกเข้าไปจี้ถามให้เสียรู้เรื่อง แต่รถก็ขับผ่านไปเร็วเสียจนไม่นานก็หายไปจากระยะสายตา
  คำพูดของเขาราวกับการตบหน้าเธอเสียฉาดใหญ่ เป็นรอยแน่นติดอยู่บนใบหน้า ปวดแสบปวดร้อนจนถึงที่สุด

บทที่8 ถูกสวมเขา
  ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินเข้ามาในโรงแรม คำพูดที่ชายคนนั้นทิ้งไว้ยังคงแว่ววนอยู่ในหูเธอไม่หาย
  จ้าวหยางหลินมารอที่ล็อบบี้สักพักแล้ว ทันทีที่เจอเธอก็รีบเอ่ย “คุณหนูไป๋ ไม่ได้เจอกันนานเลยจริงๆนะครับเนี่ย!”
  คนโดนทักทายเก็บอาการความรู้สึกขยะแขยงในใจไว้ รวมถึงการฝืนยิ้มตอบกลับนี่ด้วย “สวัสดีค่ะ ประธานจ้าว”
  “ไอหยา… ไม่ต้องมาสุภาพแล้ว ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ คุณหนูไป๋เต็มใจที่จะมานั่งกินข้าวกับผม”
  ขณะที่พูดก็ไม่วายเอื้อมมือไปโอบรอบไหล่เธอ แถมยังออกแรงกดโอบเข้ามาอย่างเนียนๆ
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้คิดเลยว่าหมอนี่จะกล้าได้ขนาดนี้ สถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนก็กล้าที่จะทำอะไรเปิดเผยแบบนี้ แต่รอยยิ้มที่วาดอยู่บนหน้าอีกคนก็อยู่ได้ไม่นาน
  ไม่ทันที่จะผลักอีกคนออกไป ก็ต้องเงยหน้ามองตามสายตาที่ทำให้อีกคนหุบยิ้มลง …เผยอี้
  เผยอี้กำลังโอบหญิงสาวที่ใส่ชุดค่อนข้างเปิดเผยร่างกาย ถ้าเธอจำไม่ผิด น่าจะเป็นคนๆเดียวกันกับวันนั้นที่เธอเจอที่คอนโดของอีกคน
  คืนนั้นเธอมองหญิงสาวตรงหน้าไม่ชัด แต่วันนี้กลับชัดเจนแจ่มแจ้ง ผู้หญิงคนนี้คือ
  จินจิงจิง ดาราหญิงยอดนิยมในวงการบันเทิง
  จริงๆแล้วเผยอี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะมาเจอไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นี่ สายตาไล่จากใบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะเหลือบไปเห็นมือปลาหมึกของจ้าวหยางหลินที่โอบอยู่บนไหล่ของอีกคน
  ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ได้ทันที นัยน์ตาแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยเล็กๆ ก่อนจะเดินตรงไปหาคนตรงหน้า “ไป๋เสว่เอ๋อร์ คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าเธอที่พึ่งจะจบความสัมพันธ์กับฉัน แค่ไม่นานก็เจอที่พักพิงใหม่เสียแล้ว”
  เธอแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นคนที่กำลังเดินตรงมาก่อนจะหันไปยิ้มชวนคนข้างกายเข้าให้แทน ตอนนี้เธอยู่กับจ้าวหยางหลิน เขาไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับเผยอี้ “ประธานจ้าว เหมือนกับว่าวันนี้พวกเราจะยังไม่ได้กินข้าวเย็น ฉันว่าหาอะไรกินหน่อยก็ดีเหมือนกันว่าไหมคะ?”
  ปกติไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สวยอยู่มากแล้ว ยิ่งมาทำอะไรแบบนี้ แบบที่แทบจะผู้ชายทุกคนอยากจะมีโอกาสที่จะได้รับ แล้วคิดเหรอว่าคนอย่างจ้าวหยางหลินจะไม่ยอม?
  สายตาของจ้าวหยางหลินตอนนี้ก็มีแต่คนสวยตรงหน้า เขาไม่ได้ใส่ใจสนใจสิ่งรอบตัวอะไรใดๆเลยสักนิด ไม่สนแม้แต่มองดูชายหนุ่มที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าคือใคร “ได้สิ ได้ๆๆ คุณหนูไป๋หิวก็รีบบอกผมสิ ผมจัดการจองโต๊ะแล้วก็สั่งอาหารไว้ให้เรียบร้อย พวกเราไปถึงก็เรียกผู้จัดการจัดการเสิร์ฟอาหารก็พอ!”
  เมื่อทั้งสองกำลังจะเดินไป เผยอี้เหลือบมองก่อนที่จะยกมือขึ้นเพื่อจะหยุดหญิงสาวที่กำลังจะเดินผ่านไปกับชายหนุ่มอีกคนตรงหน้า แต่จินจิงจิงที่เกาะติดเข้าก็คว้าไหล่ยื้อเขาไว้เสียก่อน “เป็นอะไรไปคะคุณชายอี้ คุณหนูไป๋ดูจะมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ พวกเราก็อย่าไปขัดพวกเขาเลยว่าไหมคะ?”
  สีหน้าของเผยอี้ยิ่งดูโมโหเข้าไปใหญ่ ดวงตาคมหันขวับกลับมาจ้องหญิงสาวข้างกายเย็นยะเยือก
  เหมือนจินจิงจิงจะไม่เห็นสัญญาณไม่ดีนั้น ยิ่งสาวยังคงออดอ้อนต่อ “คุณชายอี้ คุณก็ไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว คุณก็เห็นหนิ คุณหนูไป๋จริงๆก็เก่งไม่น้อย บางทีเธอก็หาที่เกาะใหม่ได้ตั้งนานแล้ว ดูท่าทางสนิทสนมของพวกเขาสิ มันเหมือนคนพึ่งรู้จักกันเสียที่ไหน…อ๊ะ!”
  ทันทีที่พูดจบ เผยอี้ที่ใบหน้าเกร็งแน่นเสียจนหน้าผากขึ้นนูน ก็หันกลับมาง้างมือเข้าตบฉาดที่ใบหน้าหญิงสาวข้างกายทันที
  เสียงการกระทำรุนแรงที่ดังลั่นน่ะแน่นอนว่าเป็นจุดสนใจของคนทั้งล็อบบี้
  จินจิงจิงรู้สึกเจ็บเสียจนใบหน้าแดงก่ำ ไม่ทันพูดต่อให้มากความ มือหนาคนตรงหน้าก็รวบคอเธอมาบีบแน่น “เธอพูดแบบนี้ได้ยังไง! เธอมันก็แค่นักแสดงระดับต่ำ ถ้าไม่ใช่เพราะเงินของฉัน เธอจะมาคลานขึ้นเตียงของฉันไหม?”
  เผยอี้โกรธมากเสียจนหน้าดำหน้าแดง ท่าทางสง่างามและอ่อนโยนถูกตัดออกไปราวกับคนละคน จินจิงจิงตื่นตระหนกรีบละล่ำละลักอธิบายกับอีกคน “ม ไม่ใช่นะคะ คุณชายอี้ …ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!”
  “งั้นไหนเธอลองบอกให้ฉันฟังซิ ว่าเธอหมายความว่ายังไง?” เขาก้มลงมองจินจิงจิง สายตาน่ากลัวราวกับจะฆ่าคนได้ “ฉันจะบอกเธอให้นะ ต่อให้ไป๋เสว่เอ๋อร์จะเป็นของที่ฉันไม่ได้ต้องการ และต่อให้จะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะมาพล่ามมั่วที่นี่ได้ เข้าใจไหม?”
  “ฉัน ฉ ฉันเข้าใจแล้ว”

บทที่9 เธอก็จะพนันสักตั้งเหมือนกัน
  ลิฟต์ค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้น รวมไปถึงจ้าวหยางหลินที่ค่อยๆเนียนเข้ามาใกล้อย่างคนได้คืบจะเอาศอก “ไป๋เสว่เอ๋อร์ตัวคุณหอมมากเลย วันนี้ฉีดน้ำหอมมาเหรอครับ?”
  โชคดีที่ลิฟต์ถึงชั้นพอดี ไป๋เสว่เอ๋อร์โค้งหลบถอยห่างได้พอดี ก่อนจะส่งยิ้มเป็นกันเองเนียนๆไป “ประธานจ้าว ถึงแล้วค่ะ”
  ความสวยงามของคนตรงหน้าราวกับโจรที่หวังจะมาหลอกล่อเขาให้ลุ่มหลง แม้อีกคนจะพยายามเว้นระยะห่างแต่จ้าวหยางหลินก็ไม่ได้รู้สึกโมโหแต่อย่างใด ซ้ำเขายังเป็นต่อเสียอีก อีกคนเป็นเหยื่อ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกคนจะยังหลบออกจากกรงเขาได้อีกไหม?
  หลังจากเข้าห้องมา จ้าวหยางหลินในใจแทบไม่ได้สนใจข้อความบนเอกสาร ในหัวเขามีแค่การชักชวนดื่มและเรื่องที่จะลวนลามคนตรงหน้า
  แค่มองก็ทำให้เธอรับรู้ว่าเธอเอาไม่อยู่ ก่อนจะรีบหาข้ออ้างไปเข้าห้องน้ำ
  ยืนตรงอ่างล้างมือ หญิงสาวตัดสินใจหยิบซองยาออกมาจากกระเป๋า พนันกันสักตั้งละกัน
  หันกลับออกมาจากห้องน้ำ เดินไปได้ไม่เท่าไหร่หัวก็ชนเข้ากับคนที่เดินสวนมาเข้าให้
  “ใครเนี่ย ไม่มีตามองทางเดินหรือไง?”
  เสียงที่แสนคุ้นนี่มัน…
  ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะเจอใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ราคาแพงของจินจิงจิง
  “คุณหนูไป๋นี่เอง เรามาคุยกันหน่อยไหม?”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้สนใจ เธอทำแค่ก้มลงหยิบของที่ตกตอนชนไว้ก่อนจะเดินละออกมา
  “นังบ้านั่น ยังจะมาแอ๊บทำตัวหยิ่งอีก”
  จินจิงๆกระทืบเท้าอย่างระบายอารมณ์โกรธ ก่อนจะก้มลงมองและหยิบมันขึ้นมาเมื่อเห็นว่ามีซองยาใบเล็กตกอยู่บนพื้น
  หลังจากนั้นดวงตาก็แปลเปลี่ยนเป็นสุกวาว มองตามทางที่ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินห่างออกไป
  ทันทีที่ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินกลับถึงห้อง เธอล้วงหยิบถุงสำคัญที่เธอเก็บไว้ ถุงยาไม่มีงั้นเหรอ?
  เสียงกดกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ก่อนจะเป็นพนักงานของโรงแรมเดินเข้ามา ในมือมีเหล้าชั้นดี “ท่านประธานจ้าว เหล้าขวดนี้เป็นสิ่งที่ทางเราตั้งใจเตรียมมามอบให้”
  “โอเคๆ วางไว้นั่นล่ะ นายออกไปได้ละ” จ้าวหยางหลินรีบพูดอย่างคนใจร้อน
  ก่อนที่เขาจะหันกลับมายิ้มอย่างมีเลศนัย “ไป๋เสว่เอ๋อร์ ตอนที่คุณออกไปสักครู่ผมก็พอจะได้อ่านเอกสารอย่างละเอียดแล้ว เงื่อนไขของคุณน่าสนใจมาก ผมก็ไม่ได้เป็นคนไม่มีเหตุผลหรอกนะ แต่ว่าหากคุณดื่มเหล้านี้หมด ผมก็ค่อยตัดสินใจเซ็นต์มัน คุณว่าเป็นไง?”
  คิดแล้วคิดอีก เธอก็สามารถดื่มได้แค่เหล้าที่เทเต็มแก้วแค่แก้วเดียวเท่านั้น ตอนนี้ตระกูลไป๋จะขัดอะไรจ้าวหยางหลินเขาได้กันนะ
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ดื่มมันลงไป ทันทีที่ผ่านลำคอเธอก็รู้สึกถึงความร้อนผ่าว รู้สึกยาวไปจนถึงความร้อนวาบของแอลกอร์ฮอลที่ลากผ่านไปจนถึงกระเพาะ
  “ดีๆๆ! คุณหนูไป๋ช่างเป็นคนตรงไปตรงมาเสียจริง”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่ายหัวเล็กน้อยอย่างคนตั้งสติ ภาพตรงหน้าเริ่มเบลอมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงหน้าของจ้าวหยางหลินก็ยังแทบมองไม่ชัด ฤทธิ์เหล้ามันออกเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?
  “ประธานจ้าว คือฉันมีเรื่อง…”
  หูเริ่มฟังเสียงทุกอย่างเป็นเสียงแว่ว ยังไม่ทันที่เธอจะตอบจบ วิสัยทัศน์รอบด้านก็เริ่มที่จะดับมืด รวมไปถึงร่างของเธอที่ไร้เรี่ยวแรงเสียจนเป็นศูนย์
  จิตสำนึกยังคงพอจะรับรู้สึกถึงมือร้อนที่แตะต้องไปทั่วร่างกาย
  แน่นอนว่าโดนยาเข้าไปแน่ๆ…
  ทันทีที่คิดได้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หมดสติไปโดยสมบูรณ์
  ที่มุมทางเดินด้านนอกห้องส่วนตัว จินจิงจิงดึงเงินสดออกมาจากกระเป๋าสตางค์อย่างสะใจ หยิบเงินเอาให้พนักงานคนที่เมื่อกี้เอาเหล้าเข้าไปให้จ้าวหยางหลิน
  ทันทีที่พนักงานเดินออกไป จินจิงจิงก็ขยำกระดาษที่ห่อยาในมือเป็นกลมๆและทิ้งลงไปในถังขยะ “นังบ้าไป๋เสว่เอ๋อร์ยังจะมาทำตัวหยิ่งผยองอีก คิดจะสู้กับฉันเหรอ”
  ทันทีที่ว่าจบเธอก็เหยียบเข้าให้ที่หัวของรองเท้าส้นสูงก่อนจะไม่ตอบอะไรและเดินเข้าไปในลิฟต์ทันที
  ไม่นานก็มีอีกสองคนเดินตามทางเดินมา
  หนึ่งในนั้นเดินตรงไปที่ถังขยะอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงกลุ่มกระดาษขนาดเล็กออกมาและตรวจดูอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็กดดมกลิ่นตรงจมูก สีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจในทันที “ท่านครับ นี่มันเป็นการวางยา!”

บทที่10 ช่างเป็นผู้หญิงที่โง่เสียจริง
  ทันทีที่ที่ได้ยินเรื่องวางยาเข้า เผยลี่เชินดวงตาแคบลงพร้อมเปลวไฟที่เริ่มปะทุราวกับนกฟินิกซ์ สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความโมโหแทบจะในทันที ส่งเสียง “อืม” ในลำคอตอบกลับก่อนจะว่าต่อ “ไปเตรียมรถ และก็ให้คนของโรงแรมไปเช็คดูว่าห้องของเผยอี้อยู่ไหน”
  “รับทราบครับท่าน!”
  คนขับรถรีบวิ่งออกไป
  เผยลี่เชิยกมือขึ้นมาปลดเนคไทออกแล้วมองไปยังประตูบานนั้นที่ปิดสนิท
  ……
  ภายในห้อง
  เสื้อผ้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ถูกดึงเสียจนยับยู่ยี่ เผยผิวขาวที่แสนเนียนปรากฏต่อสายตา แต่กลับยังคงเหลือร่องรอยรักครั้งก่อนที่ถูกทิ้งไว้เฉกเช่นกัน
  จ้าวหยางหลินมองเห็นดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือทันที “ยัยโสเภณีสกปรก! ฉันก็นึกว่าเป็นเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แต่กลายเป็นถูกคนอื่นเล่นมาแล้วไม่รู้กี่คนต่อกี่คน แล้วยังจะมาตอแหลฉันอีกงั้นเหรอ? ไอ้เราก็นึกว่าเป็นคุณหนูที่ได้ยากแสนยาก แต่กลับกลายเป็นพวกขายบริการดีๆนี่เอง”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงรู้สึกพร่ามัว ร่างกายไร้เรี่ยวแรงใดๆ ตอนนี้เธอทำได้แค่กัดปากตัวเอง
  หญิงสาวรับรู้ถึงมืออวบอ้วนนั่นสัมผัสที่ตัว เธอเลยพยายามที่จะฝืนยันตัวลุกขึ้น “นาย…นาย ไสหัวออกไป….”
  “ไสหัวไปงั้นเหรอ? เดี๋ยวไม่นานจะเปลี่ยนเป็นขอให้ฉันช่วยต่างหาก!” จ้าวหยางหลินตะโกนลั่นอย่างเดือดๆ ก่อนจะผลักหญิงสาวแล้วจัดการฉีกกระโปรงนั่นอย่างรุนแรง
  จ้าวหยางหลินมองด้วยสายตานิ่งเรียบ มือเขาสั่นด้วยความโมโหไปเสียหมด “ไง แม่โสเภณี ยังจะมาทำเป็นเก่ง อยากตายหรือไง?”
  ปัง!
  เกิดเสียงดังขึ้นทางด้านหลัง ก่อนที่ประตูห้องจะถูกเท้าของคนปริศนาทำให้เปิดออก!
  จ้าวหยางหลินถูกขัดจังหวะแทบจะทันที ปากหนาสบถคำหยาบรัว สายตาจ้องมองคนมาใหม่ดีๆใบหน้าที่เคยคิดจะหาเรื่องกลับซีดลงเสียแทบจะทันที มือไม้จัดเสื้อตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะยิ้มอย่างประหม่า “ท่านประธาน ผ …เผย ท่าน ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรครับเนี่ย?”
  เผยลี่เชินค่อยๆเดินเข้าไป ดวงตาคมเฉียบกวาดมองทั่วตัวไป๋เสว่เอ๋อร์ก่อนจะถอดสูทไปคลุมร่างของหญิงตรงหน้า ไม่มีรอยยิ้มในดวงตาของเขา “พอดีฉันได้ยินว่าประธานจ้าวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน ก็เลยมาดู และมันก็จริงๆเสียด้วย”
  จ้าวหยางหลินโค้งตัวเลขน้อยก่อนจะถามขึ้น “ประธานเผย ท่านอย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ถ้าหากผมรู้ว่าคืนนี้ท่านจะมาที่นี่เหมือนกัน แน่นอนว่าผมจะรีบไปหาท่านโดยเร็ว อะไรทำให้ท่านมาที่นี่ได้? แค่เพียงถ้าหาก… ถ้าหากท่านตามหาผม มีอะไรจะสั่งการงั้นเหรอครับ?”
  “ไม่ต้องเกรงใจหรอกประธานจ้าว จริงๆแล้วก็ไม่ได้มาสั่งงานอะไรหรอก”
  “ความหมายของท่านคือ?”
  เผยลี่เชินเหล่มองหญิงสาวที่อยู่บนโซฟา “ฉันก็แค่อยากรู้ว่า จ้าวหยางหลินเอาความกล้าที่ไหนมาแตะต้องผู้หญิงของฉัน”
  จ้าวหยังหลินหูผึ่งแทบจะทันที รีบละล่ำละลักตอบ “ไม่… ไม่ใช่ ประธานเผย ท่าน… ที่ท่านพูดหมายถึง…”
  เผยลี่เชินแค่พูดออกมาอีกครั้ง “คนของฉัน”
  “แหะๆ ประธานเผยครับ ผมว่าท่านน่าจะเข้าใจอะไรผิด ผมกับคุณหนูไป๋ …ผม ผมแค่มาคุยธุรกิจกับคุณหนูไป๋ก็แค่นั้น…”
  ยังไม่ทันที่อีกคนจะพูดจบ เผยลี่เชินก็เตะเขาออกไปเพียงแค่ครั้งเดียว
  จ้าวหยางหลินถูกเตะเข้าอัดกำแพง มือจับท้องแน่นรวมถึงเสียงครวญครางของความเจ็บปวด
  เผยลี่เชินเหล่ตาลงมอง ก่อนจะคว้าเอวของไป๋เสว่เอ๋อร์เขามากอด
  “ประธานจ้าวน่าจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับเมืองไห่เฉิง และก็คงยังไม่รู้ว่ามาแตะต้องของๆฉันจะจ่ายราคาเท่าไหร่”
  “ไม่ๆๆ! ประธานเผย ท่านประธานครับ เพราะผมตาบอดเอง ผม ผมไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเอง ขอร้องท่านเถอะ ขอร้องอย่าเอาเรื่องผมเลย!”
  ไม่ได้รอให้อีกคนกล่าวจบ เจ้าของชื่อก็ออกมาอย่างไม่คิดจะมองย้อนกลับไป
  ในตอนนั้นคนขับรถทำได้แค่มองเรื่องที่เกิดภายในห้อง ก่อนจะปล่อยลมหายใจอย่างคนที่ช่วยอะไรไม่ได้
  เผยลี่เชินเกิดมาพร้อมกับความมีชื่อเสียง เขาไม่ชอบจะทำอะไรด้วยตัวเอง แต่ว่าตอนนี้…
  สถานการณ์ในตอนนี้…
  “ประธานเผยครับ! ท่านประธาน! มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆนะครับ!”
  “……”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกกอดอยู่ และก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงร้องอ้อนวอนของใครสักคนด้วยเหมือนกัน แต่ดวงตากลับลืมไม่ขึ้น
  เธอกัดริมฝีปากตัวเอง พยายามกระตุ้นความเจ็บปวดให้ตัวเอง สุดท้ายก็ลิ้มรสฝาดของเลือด ทั้งยังสัมผัสได้ถึงของเหลวที่ไหลตามมุมปากของเธอ
  ในความเจ็บปวด ก็มีคนมาจับคางของเธอ และบังคับให้มันคลายออก
  มือนั้นใหญ่และแข็งแรง แต่ที่มากไปกว่านั้นคือมันเต็มไปด้วยความปลอดภัย
  “ช ช่วย… ช่วยฉันด้วย”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท