ตอนที่ 73 ยังจะต้องเกรงใจแบบนี้อีกเหรอ
เผยอี้เงยหน้ามอง เผชิญหน้าจ้องกับสายตาของเผยลี่เชินสองวินาทีก็หนีหน้าออก เบนสายตากวาดมองเรือนร่างของไป๋เสว่เอ๋อ
เขาอดกลั้นอารมณ์ไว้ แกล้งทำเป็นย้อนถาม “ฉันไม่รู้จริงๆว่าฉันทำอะไร?”
เผยลี่เชินหัวเราะเย้ย จากที่หนังหลังตรงพิเก้าอี้อยู่ ค่อยๆเชิดคางมองไปที่เผยอี้ สายตามองด้วยความไม่สบอารมณ์
“เรื่องมาถึงทุกวันนี้ยังจะมาปิดบังฉันอีกเหรอ แกนี่เห็นฉันเป็นคนโง่หรือไง”
“ฉันจะกล้าได้ยังไง?” เผยอี้หัวเราะเย้ย มองไปที่เผยลี่เชิน
บรรยากาศตอนนี้เต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งสองตึงเครียดต่างคนต่างไม่ยอม ไป๋เสว่เอ๋อยืนมองอยู่ด้านข้าง รู้สึกว่าเหมือนตัวเองถูกบีบเป็นเส้นตรง จะขยับก็ไม่กล้าขยับไปไหนสักนิด
“พี่ทั้งชาญฉลาดและเก่งดาจขนาดนั้น ไปถึงเมืองหนานไห่ก็ได้ที่ดินผืนนั้นมาทันที จะให้ผมกล้าถือดีกับพี่ได้ยังไงกัน? แต่ทว่าฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าไปทำเรื่องอะไรให้พี่โกรธกันแน่”
เผยอี้ยังไม่ทันพูดจบ เผยลี่เชินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รีบลุกขึ้นมาทันที มือควานหยิบเอกสารที่อยู่ตรงหน้า เขวี้ยงออกไปตรงหน้าเขา
“เพี้ยะ!”
เอกสารหนึ่งกองลงตรงขาของเผยอี้ และตกลงไปที่ข้างขาของเขา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันใด ความโกรธเริ่มปะทุขึ้นออกจากดวงตา ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา เผยลี่เชินก็รีบเดินไปถึงหน้าโต๊ะทำงานแล้ว
เขาอยู่ห่างจากเผยอี้ไม่ถึงหนึ่งเมตร ทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ รู้สึกโกรธจนตัวสั่น ”เผยอี้ ฉันจะขอเตือนแกไว้ เครือเผยซื่อไม่ได้มีไว้ให้แกมาฝึกฝนฝีมือ แม้ว่าอยากจะบริหารและวางอำนาจ ก็ต้องมีความสามารถในการบริหาร! โปรเจคพวกนี้ที่แกอนุมัติไป ความเสียหายทั้งหมดแกต้องรับผิดชอบเพียงผู้เดียว!”
ทรัพย์สินทั้งหมดของเครือเผยซื่อ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่มาจากน้ำพักน้ำแรงหยาดเงื่อเลือดชีวิตของคุณท่านเผยทั้งนั้น การที่เผยอี้มาทำลายล้างแบบนี้ช่างเป็นเรื่องที่ทนไม่ได้ซะจริง โปรเจคเหล่านี้ เขาเซ็นชื่อแล้วก็มีความหมายว่ามีผลใช้ได้แล้ว เงินพวกนี้แม้ว่าพวกเขาไม่อยากจ่ายแต่ก็ต้องจำยอมจ่ายออกไป และเงินที่จ่ายออกไปก็แลกอะไรกลับมาไม่ได้เลย ทั้งหมดนี้ก็เหมือนเอาเงินมาโปรยเล่น!
ธุรกิจไม่ใช่เกมส์ พวกเขามาสร้างหลักปักฐานที่เมืองหนานไห่ได้อย่างมั่นคงแบบนี้ ไม่เพียงใช้แต่ความสร้างมารถสร้างขึ้นมา แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการที่ตระกูลเผยรอบคอบทุกขั้นตอน ทุกโครงการมีการประเมินความเสี่ยง จึงทำให้เมื่อพวกเขาลงทุนที่ไหนก็จะได้กลับมาซึ่งผลกำไรที่งดงาม แต่ก็เป็นเพราะเผยอี้มาโดยตลอด พวกเขาตระกูลเผยจึงจำต้องทำโครงการล้มเหลวพวกนั้น
อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างรวดเร็ว เผยอี้จ้องตาเผยลี่เชิน ดวงตาทั้งสองจ้องจนจะเค้นออกมาเป็นสายเลือด เขากำหมัดแน่น ราวกับจะออกหมัดชกไปที่เผยลี่เชินในวินาทีถัดไป
สีหน้าของเผยลี่เชินนิ่งและเย็นชา สายตาแฝงไปด้วยความเกลียดชังที่เขาไม่ได้แสดงออกมาบ่อยนัก เขายืนตรงอยู่ต่อหน้าเผยอี้ ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด พลังของเขาเปี่ยมล้น ได้เปรียบกว่าเขาเป็นไหนๆ
“ฉันไม่สนว่าแกจะใช้วิธีไหนมาทำลายให้ตกต่ำถึงขีดสุด มิฉะนั้นฉันจะไม่สนใจอะไร ปลดแกออกจากตำแหน่งไปเลย”
เผยลี่เชินพูดขึ้นมาแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังตบหน้าเขาอยู่ เผยอี้กำหมัดแน่น กัดฟันพูดออกมา “เผยลี่เชิน พี่รู้ได้ไงว่าโครงการที่ฉันอนุมัติจะไม่ได้รับผลประโยชน์?”
เผยลี่เชินเดินผ่านเขาพร้อมกวาดสายตาอันเย็นชามองอย่างรวดเร็ว “คำถามนี้ ยังต้องให้ฉันตอบอีกเหรอ?”
ผู้ชายคนนั้นพูดประโยคนี้จบ หันหลังกลับ เดินตรงไปยังหน้าต่างด้านหลัง ผ่านด้านข้างของไป๋เสว่เอ๋อ เอ่ยปากสั่ง “เชิญรองประธานเผยออกไป”
ไป๋เสว่เอ๋อเข้าใจ สายตามองไปยังเผยอี้ ลังเลอยู่สักพัก รีบเดินเข้าไป ผายมือออกสื่อความหมายเป็นนัย
สายตาของเผยอี้มองมาที่ใบหน้าของไป๋เสว่เอ๋อ กัดฟันเม้มปากจ้องไปที่เธอ แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา ก้าวอย่างฉับไวออกไปข้างนอก
เมื่อเห็นเผยอี้ออกไป ไป๋เสว่เอ๋อถอนหายใจโล่ง บรรยากาศเมื่อสักครู่ เธอเป็นกังวลว่าพวกเขาทั้งสองจะมีเรื่องต่อยตีกันขึ้นมาจริงๆ
เธอหันหลังกลับไป สายตาเหลือบไปมองเห็นเอกสารที่กองอยู่บนพื้น เดินก้มลงไปหยิบขึ้นมา
บนหน้าเอกสารมีตัวอักษรประทับอยู่หนึ่งแถว “แผนห้างฮั่นต๋าเขตเฉิงซี” ไป๋เสว่เอ๋อชะงักขึ้นมาทันที
ห้างฮั่นต๋านี้ เธอรู้จักดี ก่อนหน้านี้มีบริษัทมาซื้อที่ดินตรงนี้ จะเปิดทำธุรกิจให้เช่าสำนักงานกับโซนชุมชน สร้างตึกได้ครึ่งหนึ่ง เพราะทะเลาะกับผู้ร่วมหุ้น จึงไม่มีเงินทุนสร้างต่อ บริษัทผู้เป็นเจ้าของที่ชิงเงินที่ร้านค้าผู้เช่าจ่ายมาก่อนไปและหลบหนี เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้วุ่นวายไปทั้งเมืองหนานเฉิง
คาดไม่ถึงเลยว่าที่ดินที่เผยอี้เซ็นสัญญาไปจะเป็นที่ผืนนี้ มิน่าล่ะเผยลี่เชินโกรธมากมายขนาดนั้น
ไป๋เสว่เอ๋อสูดหายใจเข้าลึก ลุกขึ้นนำเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะของเผยลี่เชิน มองแผ่นหลังอันกว้างล่ำของผู้ชายผู้นี้ พูดขึ้นเบาๆ
“ประธานเผยคะ ยังมีเรื่องอะไรให้รับใช้อีกไหมคะ?”
เผยลี่เชินได้ยินดังนั้น ค่อยๆหันหลังกลับมา “พรุ่งนี้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูง คุณช่วยไปเตรียมให้หน่อย”
“รับทราบค่ะ” ไปเสว่เอ๋อรีบจดบันทึก ตอนที่เงยหน้าขึ้นไปมองเผยลี่เชินอีกครั้ง บังเอิญสบตากับเขาพอดี
สายตาของฝ่ายชายดูเหมือนไม่สบอารมณ์ หมองหม่นจนมองอะไรไม่ออก สายตาของเขาที่มองมาทำให้ไป๋เสว่เอ๋อรู้สึกปวดใจ กำลังจะเอ่ยปากถาม ก็ได้ยินเสียงของฝ่ายชายดังขึ้น “เย็นนี้กินข้าวด้วยกัน”
ไป๋เสว่เอ๋อลังเลอยู่สักพัก พูดตอบกลับ “โอเคค่ะ”
สถานที่ทานข้าวเย็นคือร้านหยินกุ้ยฝาง เป็นร้านอาหารจีนดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงมากในเมืองไห่เฉิง อาหารขึ้นชื่อของร้านนี้คือเป็ดย่างและนกพิราบย่าง
พวกเขานั่งอยู่ที่ชั้นสามที่นั่งติดหน้าต่าง ความรู้สึกของเสว่เอ๋อรู้สึกเซอร์ไพรส์จนพูดไม่ถูก ก่อนหน้านี้เธอชอบร้านอาหารแห่งนี้มาก หนึ่งเดือนต้องมาหลายครั้ง และ ยังชอบที่นั่งติดหน้าบนชั้นสามตรงนี้ด้วย แต่ต่อมาตระกูลไป๋เกิดเรื่องขึ้น เธอก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย
ไปเสว่เอ๋อเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรรึเปล่าคะ?”
เผยลี่เชินสบตา ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไร “ไม่ใช่วันพิเศษแล้วจะมาไม่ได้เหรอ?”
ไป๋เสว่เอ๋อพูดไม่ออก หัวเราะ ไม่กล้าพูดต่ออีก
หลังจากที่เผยลี่เชินเปิดเมนูไปมา พูดสั่งอาหารขึ้น “เป็ดย่างหนึ่งตัว นกพิราบย่างสองตัว ผัดกระเพาะหมู ขนมถั่วเขียว แล้วก็บะหมี่เกี๊ยว”
ไป๋เสว่เอ๋อได้ยินเขาสั่งอาหาร หันหน้าไปมองเผยลี่เชินด้วยความตกตะลึง อาหารที่เขาสั่งไปเมื่อสักครู้ ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูที่เธอต้องสั่งทุกครั้งมาที่หยินกุ้ยฟาง!
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ไป๋เสว่เอ๋อจึงจะเรียกสติกลับมาได้ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน ร้านอาหารแห่งนี้ ที่นั่งเหมือนกัน อาหารเหมือนกัน ทำไมช่างบังเอิญขนาดนี้ล่ะ?
เมื่อเผยลี่เชินสั่งอาหารเสร็จ เงยหน้าขึ้นมองไป๋เสว่เอ๋อ “คุณอยากสั่งอะไรเพิ่มอีกรึเปล่า?”
“ไม่แล้วค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อได้สติ ส่ายหน้าไปมา รีบเอาเมนูที่อยู่ในมือยื่นส่งให้พนักงาน
พนักงานเก็บเมนูพร้อมหันหลังกลับออกไป
เผยลี่เชินไม่เพียงแต่รินน้ำชาด้วยท่าทีอ่อนน้อม เขาวางแก้วลง เหลือบตาขึ้นมาเห็นผู้หญิงตรงข้ามกำลังนั่งจ้องเขาอยู่
ไป๋เสว่เอ๋อสูดหายใจลึก อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “คุณ…รู้ได้ยังไงคะ?”
เขารู้ร้านอาหารที่เธอชอบ ที่นั่งที่ชอบและอาหารที่ชอบได้อย่างไรกัน
เผยลี่เชินเห็นสีหน้าตกตะลึงของฝ่ายหญิง ยิ้มมุมปากขึ้นมา “เพียงแค่ผมอยากรู้ ไม่มีอะไรที่ผมจะรู้ไม่ได้ด้วยเหรอ?”
ไป๋เสว่เอ๋อรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่าเผยลี่เชินจะตั้งใจทำในสิ่งที่เธอชอบให้ทั้งจองร้านอาหารและพาเธอมาที่นี่
เสียงของฝ่ายชายยังดังขึ้นมาต่อ “พรุ่งนี้ผมจะแจ้งฝ่ายการเงินให้เพิ่มเงินเดือนให้คุณอีก20เปอร์เซนต์”
ไป๋เสว่เอ๋อตะลึง มองไปที่เผยลี่เชินด้วยความไม่เข้าใจ
ทั้งพาเธอมาทานอาหารในร้านที่เธอชอบ ทั้งขึ้นเงินเดือนให้ นี่มัน…..
เผยลี่เชินเห็นท่าทีของเธอก็เข้าใจทันที พูดขึ้น “ครั้งนี้ที่ไปทำงานต่างเมืองกับผม คุณแสดงฝีมือได้ดีมาก รางวัลพวกนี้เป็นสิ่งที่คุณควรได้รับ”
ไป๋เสว่เอ๋อตกใจ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเผยลี่เชินชมตนเองอย่างจริงจังขนาดนี้ ใจของเธอเต้นแรง เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก “ขอบคุณค่ะประธานเผย”
คำพูดเมื่อครู่เธอพลั้งปากพูดออกมาเอง ด้วยความรู้สึกตกใจทำอะไรไม่ถูก
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อสงบสติอารมณ์ได้ เธอเห็นว่าสีหน้าของผู้ชายตรงข้ามดูนิ่งไป
เสียงของฝ่ายชายดังขึ้นอีกครั้ง “ตอนนี้คุณจะมาเกรงใจอะไรกับผมอีกครับ?”