ตอนที่ 53 แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา
ลู่ผิงชวนฟังเนื้อความในไฟล์เสียง สีหน้าเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนต้น เผยลี่เชิน มองไปยัง ไป๋เสว่เอ๋อร์ พยักหน้าไปทางเธอเล็กน้อย ไป๋ไสว่เอ๋อร์เข้าใจในทันที จึงเก็บปากกาอัดเสียงลงเดี๋ยวนั้น
มุมปากของเขายกขึ้น เงยหน้ามองไปทางลู่ผิงชวนด้วยจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว “รองนายกเทศมนตรี ได้ยินหมดแล้วใช่ไหมครับ?”
ลู่ผิงชวนยกมือขึ้นตบโต๊ะ สีหน้าบิดเบี้ยวถมึงทึง “ไอ้เด็กเปรต ชักจะมากเกินไปแล้ว!”
เผยลี่เชิน ยิ้มบาง รอให้เขาใจเย็นลงอย่างสงบ จากนั้นจึงยกแก้วเหล้าขึ้น เอ่ยพลางหัวเราะ “ท่านอย่าเพิ่งโมโหไปสิครับ ถึงอย่างไรแพ้ชนะก็เป็นธรรมดาของชีวิต หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ใช่ไหม?”
ความหมายของเผยลี่เชิน ลู่ผิงชวนย่อมฟังออก
เขาพยายามเก็บอารมณ์ พยักหน้าไปทางเผยลี่เชิน “ คุณพูดถูก แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ทำให้ผมโมโหก็คือชิงอวี่ลูกชายไม่เอาไหนคนนี้ ถ้าหากเขาได้เรื่องอย่างคุณสักครึ่งหนึ่ง ผมคงไม่ต้องเครียดขนาดนั้น!”
เผยลี่เชินยิ้มแย้ม หลุบสายตาลง ไม่เอ่ยอะไร
ลู่ผิงชวนพูดโน่นพูดนี่เสียมากมาย แต่ไม่ยอมเอ่ยถึงที่ดินผืนนั้น เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการปฏิเสธ สมกับเป็นลุงของลู่ชิงอวี่จริงๆ สำเภาเดียวกันทั้งคู่
เผยลี่เชินเงียบไปสักครู่หนึ่ง มองไปทางลู่ผิงชวนแล้วพูดต่อ “คุณควรจะรู้ดี ว่าเพื่อดำเนินการโปรเจกต์หนานไห่ เผยซื่อส่งคนมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่มีที่ดินหนึ่งที่ไม่ยังเคยคว้าไปได้สักที ที่ดินผืนนี้ก็คือที่ดินที่คุณชายลู่พูดถึง เรื่องนี้คุณคงไม่รู้ แต่ว่าตอนนี้ผลตัดสินแพ้ชนะได้ออกมาแล้ว คุณคิดว่าถ้าหากคุณชายลู่ยังคงเหยียบที่ดินผืนนั้นไม่ปล่อย…”
เผยลี่เชินไม่ยอมพูดให้จบเพราะต้องการไว้หน้าแก่ลู่ผิงชวน ที่ดินผืนนี้หากพูดไปแล้ว ถ้าหากไม่ใช่ลู่ผิงชวนเหยียบไว้ ก็คงถูกกลุ่มเผยซื่อของพวกเขาคว้าไปนานแล้ว แต่ที่ยังพูดว่าถูกลู่ผิงชวนเหยียบไว้ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจไว้หน้าให้แก่ลู่ผิงชวน
ตอนนี้เผยลี่เชินมีหลักฐานเสียงอยู่ในมือ หากว่าเขาโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ อาจจะก่อปัญหาใหญ่ให้กับลู่ผิงชวน เขาเข้าใจถึงข้อได้ข้อเสียในจุดนี้ และรู้ว่าเวลานี้จะไม่ถอยก็คงไม่ได้
ลู่ผิงชวนหัวเราะหึ ๆ หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อน “วางใจเถอะครับประธานเผย ไอ้หนูชิงอวี่นั่นติดหนี้ แต่ผมจะไม่ยอมติดค้างใครแน่นอน เรื่องที่ดินผืนนั้นผมจะจัดการให้”
“งั้นคงต้องรบกวนท่านรองนายกเทศมนตรีแล้วครับ” เผยลี่เชินยิ้มที่มุมปาก ยกแก้วเหล้าไปทางเขา
ลู่ผิงชวนได้แต่ยอมรับ ว่าต้องปล่อยที่ดินผืนนั้นเสียแล้ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินลู่ผิงชวนพูดประโยคนี้ จึงถอนใจอย่างโล่งอก
จากนั้นเผยลี่เชินกลับลู่ผิงชวนต่างดื่มเหล้าพลางคุยกันไปพลาง พูดคุยกันถึงการเจริญเติบโตของเมืองหนานไห่ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งสองคุยกันอย่างออกรส
“เมืองนี้จะพัฒนาต่อไปได้จำเป็นต้องถูกผลักดันจากคนหนุ่มมากความสามารถอย่างคุณ มีหัวคิดแผนการและเงินทุน ไม่เกินสามถึงห้า ปี ก็จะสามารถผลักดันอุตสาหกรรมและบ้านเมืองให้รุ่งเรืองได้ ประธานเผย ผมล่ะชื่นชมคุณจริงๆ ที่คุณสามารถมาพัฒนาเมืองหนานไห่ของเราได้ ผมเองก็รู้สึกยินดี!”
ลู่ผิงชวนเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น ชูแก้วเหล้าขึ้นเพื่ออวยพรให้แก่เผยลี่เชิน
“บ้านเมืองจะพัฒนาไปได้หรือไม่ สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือต้องมองที่ผู้นำอย่างพวกท่าน ถ้าหากผู้นำอย่างพวกท่านนำทางได้ดี มีใจกว้างขวาง ย่อมสามารถนำพาเมืองหนึ่ง ให้มุ่งไปสู่อนาคตได้ ดังนั้นควรเป็นพวกเราต่างหากที่ต้องดื่มอวยพรให้ท่าน”
เผยลี่เชินพูดพลางลุกขึ้นยืน ชูแก้วเหล้าไปทางลู่ผิงชวน
บทสนทนารูปแบบนี้ ในสายตาของไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นว่าเป็นการชื่นชมกันและกัน เผยลี่เชินพูดสองสามคำเพื่อยกย่องลู่ผิงชวน แต่เขาปฏิเสธไม่กล้ารับ
ทว่าคำพูดพวกนี้ใคร ๆ ต่างก็ชื่นชอบ ลู่ผิงชวนเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขาหัวเราะเสียงดังสองครั้ง เอ่ยเรียกเผยลี่เชินอย่างร่าเริง “ประธานเผยชื่นชมกันเกินไปแล้ว กินข้าวกันเถอะ!”
หลังผลัดกันชื่นชมเรื่องธุรกิจ บรรยากาศก็ผ่อนคลายจากช่วงแรกลงมาก ของหวาน จานผลไม้ล้วนถูกนำมาเสิร์ฟ มื้ออาหารเองก็ดำเนินมาถึงช่วงท้าย
ลู่ผิงชวนดื่มเข้าไปไม่น้อย สีหน้าเริ่มมีเลือดฝาด แต่ยังคงมีสติสัมปชัญญะดี
“ประธานเผย เราได้มาพบกันวันนี้ ช่างน่าเสียดายที่เจอกันช้าไป ผมเองก็พอดูรู้ว่าคุณเป็นคนหนุ่มที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง จึงมีเรื่องอยากไหว้วานคุณหน่อย ไม่ทราบว่าคุณจะยอมตกลงหรือไม่”
“ท่านรองนายกเทศมนตรีเชิญพูด หากมีอะไรที่ผมช่วยได้ ผมก็ยินดี”
ลู่ผิงชวนสีหน้าจริงจัง “ไม่ทราบว่าคุณตั้งใจจะอยู่หนานไห่นานแค่ไหน?”
“ยังไม่แน่ใจครับ หากทางบริษัทมีเรื่องเร่งด่วน ก็อาจกลับเร็วหน่อย”
“อ้อ!” ลู่ผิงชวนตะโกนขึ้นมาทันที ก้มหน้าต่ำ ไม่พูดไม่จาอะไรเนิ่นนาน
จังหวะนั้นเผยลี่เชินเอ่ยปากถาม “ท่านรองนายกเทศมนตรีมีอะไรอยากให้ผมช่วยก็พูดมาเถอะครับ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่”
“คืออย่างนี้ครับ ลูกสาวของผมเรียนบริหารธุรกิจอยู่ที่อังกฤษ ตอนนี้จบปริญญาโท หลังจากกลับประเทศมาแล้วยังหางานไม่ได้ ในใจผมรู้ดีว่าลูกมีความสามารถแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ไว้ใจฝากให้คนรู้จักในแวดวงธุรกิจอยู่ดี ผมอยากให้เธอได้เรียนรู้อย่างจริงจัง คิดไปคิดมา ก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไร…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินลู่ผิงชวนพูดแบบนั้น สัญชาตญาณลูกผู้หญิงบอกกับเธอว่า ลู่ผิงชวนตั้งใจจะฝากฝังลูกสาวตนเองกับเผยลี่เชินนั่นเอง!
เป็นดังที่คาด หลังจากนั้นลู่ผิงชวนมองยังเผยลี่เชิน เอ่ยปาก “ประธานเผย ผมเห็นคุณอายุยังไม่มาก รุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวผม ทั้งประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ถ้าอย่างไรคุณช่วยดูแลลูกสาวผม อย่างน้อยให้เธอเข้าใจสถานการณ์พื้นฐานของบริษัทสักหน่อย…”
แววตาของเผยลี่เชินเปล่งประกายเยือกเย็น ใบหน้าเปื้อนยิ้ม “รองนายกเทศมนตรีครับ เท่าที่ผมรู้ คุณชายลู่เองก็มีบริษัทของตนเองไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่ให้ลูกสาวไปเรียนรู้ที่นั่นล่ะครับ ทั้งสองคนเองก็รู้จักมักคุ้นกันดี แบบนี้จะไม่ดีกว่าหรือครับ?”
ลู่ผิงชวนรีบปัดมือไปมา ตะโกนเสียงดัง “ไม่ได้ ๆ! คุณเองก็เคยพบชิงอวี่ ไม่มีความสุขุมสักนิด ให้เขาดูแลลูกสาวผมไม่วางใจ!”
“ผมเข้าใจว่าประธานเผยมีธุระยุ่งมาก ผมรับประกันว่าจะไม่ให้ลูกสาวก่อความวุ่นวาย แค่ให้เธอติดตามคุณเรียนรู้งานก็พอแล้ว ต่อให้ทำงานเลขาเป็นผู้ช่วยผมก็ไม่ว่าอะไร คุณคิดว่ายังไงครับ?”
ลู่ผิงชวนพูดถึงขนาดนี้แล้ว เผยลี่เชินเองหากยังปฏิเสธ จะถือว่าไม่เห็นแก่น้ำใจเขา
แต่ไม่ว่าอย่างไร หากเขาตอบรับก็จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว
ลู่ผิงชวนคนนี้เป็นผู้มากชั้นเชิงโดยแท้ แม้ต้องอ่อนข้อให้ในเรื่องที่ดิน แต่ก็โจมตีกลับในด้านอื่น ไม่เปิดช่องทางให้ปฏิเสธ
ลู่ผิงชวนเห็นเผยลี่เชินรั้งรอไม่เอ่ยปาก เขาจึงลุกขึ้นยืน ชูแก้วเหล้า “ประธานเผย ถ้าหากคุณคิดว่าทำได้ ผมขอขอบพระคุณถึงที่สุด แต่ถ้าหากคุณไม่สะดวกใจก็ถือซะว่าเราไม่เคยพบกัน ยังคงมิตรภาพกันต่อไป!”
เขาพูดด้วยท่าทีเกรงใจ แต่กลับไม่ให้ทางเลือกเผยลี่เชินเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ ตอนนี้ที่ดินนั้นก็อยู่ในมือของลู่ผิงชวน เขาจึงปฏิเสธไม่ได้ง่ายดายนัก
หลังชั่งใจอยู่สักพัก เผยลี่เชินก็พยักหน้า ยิ้มน้อยมองทางลู่ผิงชวน “ในเมื่อท่านรองนายกเทศมนตรีพูดถึงขนาดนี้ ผมเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมต้องอธิบายให้ชัดเจน ผมไม่อาจรับประกันได้ว่าผลจะเป็นอย่างไร เพราะผมเองก็มีธุระมากมายจริง ๆ”
ลู่ผิงชวนพยักหน้า ยื่นมือมาทางเขา “แน่นอนอยู่แล้ว! ผมเข้าใจ ประธานเผย มา…เรามาชนแก้วกันเถอะ!”
เผยลี่เชินชูแก้วขึ้น ดื่มเหล้าแก้วนั้นจนหมด
เขาวางแก้วลง ขณะกำลังจะนั่ง สายตาเลื่อนผ่านมายังหญิงสาวที่อยู่เคียงข้าง ประหลาดใจเล็กน้อย
เขาตาฝาดไปหรือเปล่า? ไป๋เสว่เอ๋อร์ดูท่าไม่ค่อยสบายใจนัก