ตอนที่ 64 มือไหนทำร้ายเธอ
รถขับไปอย่างช้าๆ ตามถนนสองข้างทางของถนนเต็มไปด้วยความว่างเปล่า นอกจากเสียงฝนตกแล้ว เผยลี่เชินก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
ในที่สุดก็ขับรถมาถึงถนที่ตั้งของโรงแรม ถนนดูรกร้างมากขึ้น สองข้างทางมีร้านค้าเล็กๆ กระจากอยู่ไม่มาก
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว สายตาของเขากวาดมองไปตามถนนและร้านค้า ทันใดก็มองเห็นเงายืนอยู่ตรงประตูร้านค้า เขาตื่นเต้นเล็กน้อยพร้อมสั่งให้เจิงหงขับรถช้าลง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่หน้าประตูร้านค้า เนื้อตัวเปียกปอน ผมยาวของเธอพันกันยุ่งเหยิงเนื่องจากเปียกฝน เธอกอดแขนไว้ร่างกายหนาวสั่นไปทั้งตัว
เจ้าของร้านเป็นชายอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ เขามองเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่หน้าร้านเป็นเวลานาน เขามองดูอยู่สักพักสังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ผอมเพรียว ใบหน้าดูดี นอกจากจุดที่น่าอาย นอกนั้นดูดีหมด
ในเวลานี้บริเวณโดยรอบไม่มีใคร มีแต่หญิงสาวโดดเดี่ยวยืนอยู่หน้าประตูร้านเขา เขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยได้อย่างไรกัน?
เจ้าของร้านใจเต้นไม่เป็นจังหวะ จึงหยิบถ้วยกระดาษเติมน้ำอุ่น ผลักประตูแล้วเดินออกไป “คุณครับ นี่คือ….”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเสียงรีบหันกลับมาตามเสียงเห็นชายหัวล้านนิดหน่อย เดินออกมาจากในร้านพร้อมกับยกน้ำส่งให้เธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลเล็กน้อยแล้วส่งยิ้มให้เขา “เถ้าแก่ ฉันขอยืนหลบฝนที่นี่สักพัก ฝนซาแล้วก็จะไป”
เจ้าของร้านมองใบหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ รู้สึกตะลึงและหลงใหลในความสวยของเธอ เขายังคงส่งแก้วน้ำให้เธอ “ไม่เป็นไร คุณดื่มน้ำก่อนเถอะ อากาศมันหนาวนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กล่าวขอบคุณ ยื่นมือรับแก้ว
เจ้าของร้านยื่นข้อเสนอ “ถ้างั้นเข้ามาหลบฝนข้างในก่อน ข้างนอกฝนตกหนักมาก”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูเสื้อผ้าและรองเท้าที่เปียกโชก ส่ายหัวด้วยความลังเลใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยืนข้างนอกอีกสักครู่ ไม่อยากให้คุณต้องลำบาก ขอบคุณมากคะ เถ้าแก่”
เสื้อผ้าและรองเท้าของเธอเปียกมาก ถ้าหากเข้าไปข้างในคงทำให้พื้นเปียกไปด้วย เจ้าของร้านให้เธอยืนอยู่ข้างนอกสำหรับเธอก็เพียงพอแล้ว
“ไม่เป็นไร ไม่ลำบากหรอก เข้าไปข้างในเถอะ”
เจ้าของร้านเชื้อเชิญ ยื่นมือมาจับข้อมือของไป๋เสว่เอ๋อร์
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกตะลึงเกือบทำแก้วน้ำในมือตก เธอก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว พยายามสลัดมือให้หลุดจากมือเจ้าของร้าน เธอคาดไม่ถึงว่าเขาพูดไปพูดมา มือไม้เริ่มเคลื่อนไหว
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าเห็นสายตาของเจ้าของร้านไม่ชอบมาพากล ขณะที่ขวัญผวาก็รีบวางแก้วน้ำไว้ที่โต๊ะด้านข้าง แล้วผลักเขาออกไปเต็มแรง
เจ้าของร้านยังไม่ยอมปล่อยมือ ลากไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าไปข้างในบ้าน “ไม่เป็นไร เข้าไปหลบฝนข้างในผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดฟันแน่น ในดวงตามองเห็นเขาจะลากเข้าไปในห้อง เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ทันใดนั้นด้านข้างก็ปรากฏเงาสูงใหญ่ แขนยาวใหญ่ของอีกฝั่งยื่นออกมาจับที่ข้อมือของเจ้าของร้านอย่างรวดเร็ว
“ปล่อยมือ” ชายคนนั้นพูดเสียงดังเต็มที่ บรรยากาศเย็นยะเยือกทันที
เจ้าของร้านถูกจับที่มือ ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสี ร้องเสียงดังรีบปล่อยมือของไป๋เสว่เอ๋อร์พร้อมกับถอยห่างออกไปสองสามก้าว
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกตะลึงแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เห็นเผยลี่เชินเดินมาข้างหน้า ขู่บังคับเจ้าของร้าน ใบหน้าของเจ้าของร้านดูหวาดกลัว รีบวิ่งกลับเข้าไปในร้าน
เผยลี่เชินหันหลังกลับมา มองมาที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ ใบหน้าเหมือนคนตกใจ ไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปที่สายตาของเขา จิตใจรู้สึกลึกลับ
เธออยากอธิบาย แต่ไม่รอให้พูดอะไรเลย เผยลี่เชินหันหลังกลับมาลากเธอออกจากหน้าร้านไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปที่ร่างของชายที่มีนิสัยก้าวร้าว แล้วมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที เธอรีบตามเขาและพยายามที่จะหยุดเขา
โดยปกติเผยลี่เชินก็เป็นคนเย็นชาไร้อารมณ์ความรู้สึก ยิ่งมาตอนนี้เขาดื่มไวน์ไปมาก พอมีแรงกระตุ้น ก็เข้าไปลงไม้ลงมือกับเจ้าของร้าน เป็นเรื่องแน่
แต่เมื่อตามทันมันก็สายเกินไป เผยลี่เชินกระชากคอเสื้อของเจ้าของร้าน เขาเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ ศีรษะของเจ้าของร้านเกือบจะถูกเขายกขึ้น
ใบหน้าของเผยลี่เชินดูเศร้าหมองแต่ก็ดูน่ากลัว ดวงตามืดมน “มือข้างไหนของคุณทำร้ายเธอ?”
ด้วยเสียงเหมือนฟ้าร้อง เจ้าของร้านรู้สึกหวาดกลัวตั้งนานแล้ว เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว พูดตลอดเวลา “ผม….ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่อยากให้เธอเข้าไปข้างในหลบฝน”
“หลบฝน?” มือของเผยลี่เชินดึงแรงขึ้น ดึงชายคนนี้เข้าหาตัวเขา
เสียงของเจ้าของร้านสั่นเทา ไม่กล้าพูดโกหก “ขอโทษ…ขอโทษ…ผมหลงผิดไปชั่วขณะ ผมไม่กล้าแล้ว….”
สายตาอันโหดร้ายของเผยลี่เชินจ้องมองเขา แล้วยื่นอีกมือหนึ่งออกมาทันที จับมือขวาของเขาแล้วบิดอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง “ก๊อก” ทำให้สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนไป
เธอเดินไปข้างหน้าอยากจะพูดเตือนสติ แต่เผยลี่เชินปล่อยมือเสียก่อน เจ้าของร้านทรุดลงกับพื้น อีกมือก็นวดคลำมือข้างนั้น เจ็บแปล๊บๆ
สายตาของเผยลี่เชินจ้องมองมาที่เธอสักครู่แล้วเดินออกไปข้างนอก เจิงหงรออยู่ด้านนอก มือกางร่มแล้วถือร่มไว้ พอเห็นเผยลี่เชินออกมา ก็เดินเข้าไปกางร่มให้
เผยลี่เชินเดินไปที่ประตูรถโดยไม่หยุดและเดินตรงไปที่รถทิศเดียวกับที่ฝนตก
เมื่อสักครู่เขาอยู่ในรถกว่าจะหาไป๋เสว่เอ๋อร์เจอก็ไม่ใช่ง่าย แต่พอให้เจิงหงกลับรถมาก็เห็นชายวัยกลางคนฉุดกระชากไป๋เสว่เอ๋อร์ ทำให้โกรธมาก แล้ววิ่งฝ่าฝนตรงเข้าไปหาทันที
ในเมื่อเปียกโชกขนาดนี้ก็ไม่ต้องใช้ร่มแล้ว
เจิงหงรีบตามเผยลี่เชิน ส่งร่มอีกคันให้ไป๋เสว่เอ๋อร์
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบเดินตามพวกเขา จิตใจไม่เป็นสุข
เดิมทีเธอคิดว่าเผยลี่เชินจะทิ้งเธอไม่สนใจใยดีเธอแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะย้อนกลับมาตามหาเธอ
ความรู้สึกสับสนแพร่กระจายอยู่ในใจของเธอ มองดูเงาที่อยู่ข้างหน้าเธอ ไป๋เสว่เอ๋อร์กำร่มในมือจนแน่น รีบเดินตามเขาไป
ก่อนจะจากไป เขาบอกให้เธอทบทวนตัวเองให้ดี แต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ผิด
หลังจากขึ้นรถเผยลี่เชินนั่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ เจิงหงก็ขับรถอย่างเงียบๆ นอกจากเสียงน้ำหยดจากเสื้อผ้าของพวกเขาแล้ว ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก
ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่ด้านหลังของเบาะ ตรงมุมประตูแล้วหดให้ตัวเล็กที่สุด แม้แต่เสียงหายใจก็พยายามให้ค่อยที่สุด
รถขับผ่านออกมาแล้วสองสามถนน ภายในรถก็ยังคงเงียบไม่มีเสียงใดๆ เจิงหงรู้สึกว่าบรรยากาสแบบนี้มันน่าอึดอัด เขาจึงเสนอความคิดเบา “คุณผู้ชายครับ เปิดวิทยุฟังไหมครับ?”
ขณะพูดก็เอื้อมมือไปเปิดวิทยุ เสียงเพิ่งจะดัง เผยลี่เชินก็ออกคำสั่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ปิดซะ”
เจิงหงเอื้อมมือไปปิด ภายในรถกลับมาเงียบอีกครั้ง
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก หันออกไปมองนอกหน้าต่าง ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างๆ “รู้ความผิดของตัวเองหรือยัง?”
ไม่มีเสียงรับกลับมา ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังฟัง รู้สึกแน่นที่อก
เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วหยุดสักครู่ก่อนพูดว่า “ฉันผิดตรงที่ไม่ควรเจ้ากี้เจ้าการ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรควรปรึกษาคุณก่อนล่วงหน้า”
เผยลี่เชินฟังแล้วสีหน้ายังคงนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆ “ยังมีอะไรอีก?”