สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 92

ตอนที่ 92

ตอนที่ 92 คุณคงกลัวแย่เลยใช่ไหม

เขา… แบบนี้มันผิดปกติชัดๆ !

ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงแรงกดที่บริเวณเอวของเธอ จากนั้นร่างของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มเสียแล้ว

เขานั่งพิงไปที่หัวเตียง ในขณะที่เธอกลับพิงไปที่ร่างกายของชายหนุ่ม ท่าทางนั้นแฝงไปด้วยความหมายที่คลุมเครือเป็นอย่างยิ่ง

แก้มของเธอมีสีชมพูเรื่อๆ จากความเขินอาย ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงหลบสายตาและเปลี่ยนเรื่องเสีย “ฉันไปส่งใบเรียกเก็บเงินที่ออกโดยโรงงานให้ฝ่ายการเงินไม่ทันก่อนเลิกงาน พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งให้เรียบร้อยค่ะ”

“ไม่เป็นไร”

เผยลี่เชินไม่สนใจสิ่งอื่นใด สายตาของเขายังคงทอดมองไปที่ใบหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างเปิดเผย

ไป๋เสว่เอ๋อร์ลูบใบหน้าของเธอ เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “หน้าของฉันมีอะไรติดอยู่เหรอคะ”

เผยลี่เชินยิ้มที่มุมปาก ทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือไปสัมผัสที่แก้มของเธอ พร้อมกับยิ้มและถามเธอว่า “สองสามวันมานี้คงทำให้คุณกลัวแย่เลยใช่ไหม”

ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งไปครู่หนึ่งและไม่พูดอะไร

ผู้ชายคนนี้ ทำไมจู่ๆ ถึงได้อ่อนโยนราวกับสายน้ำอย่างนี้ล่ะ สายตาของเขาที่มองเธอราวกับว่าจะมีน้ำผึ้งหยดลงมาจากดวงตาอย่างไรอย่างนั้น

“ปัง ปัง”

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของคนรับใช้ “คุณผู้ชายคะ โจ๊กเม็ดบัวได้แล้วค่ะ”

เผยลี่เชินลุกขึ้นในทันที เขาเดินไปที่ประตู รับถาดที่มีชามโจ๊กวางอยู่ และเดินถือกลับมา

ตั้งแต่กลางวันของวันนี้จนถึงหลังจากที่เธอไปถึงเขตหนานเฉิง นอกจากไป๋เสว่เอ๋อร์จะไม่ได้ทานอะไรเลยแล้ว แม้แต่น้ำ เธอก็ยังไม่ได้ดื่มเลยสักหยด ขาของเธอนั้นก็ได้รับบาดเจ็บ แถมยังต้องเดินทางไปๆ มาๆ ตลอดเวลา เธอเคยหิวจนตอนนี้กลับไม่รู้สึกหิวอีกต่อไปแล้ว

เผยลี่เชินยกชามโจ๊กมาหาเธอ เมื่อกลิ่นอันหอมหวานของโจ๊กลอยเข้ามาเตะจมูกของเธอ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกหิวขึ้นมาในทันที

“ให้ผมป้อนคุณดีไหม” เผยลี่เชินอารมณ์ดี พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นมองหญิงสาว

“ไม่ต้องหรอก ฉันทานเองได้…” ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดออกไปอย่างลังเล พร้อมเอื้อมมือออกไปรับชามโจ๊ก

การที่เผยลี่เชินจู่ๆ ใจดีกับเธอแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย

เมื่อได้ลิ้มรสโจ๊กเม็ดบัวร้อนๆ ลงไป ร่างกายของหญิงสาวก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เธอรู้สึกสบายตัวขึ้นมากทีเดียว ไป๋เสว่เอ๋อร์ตั้งใจจะลุกขึ้นจากเตียงและนำชามโจ๊กเม็ดบัวนั้นไปวางที่โต๊ะ แต่เมื่อเธอขยับตัว ยกขาให้ก้าวพ้นออกมาจากขอบเตียง เผยลี่เชินที่อ่านเอกสารอยู่นั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที

“อย่าขยับ” เขาลุกขึ้น และก้าวมาหาอย่างรวดเร็ว เขาเอื้อมมือมารับชามโจ๊กจากมือของเธอ “ไม่อยากหายอย่างนั้นเหรอ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ตอบเขา เธอได้แต่มองชายหนุ่มนำชามโจ๊กเม็ดบัววางไว้บนโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง ภายในใจของเธอนั้นอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

เผยลี่เชินหันกลับมา หยิบเอกสารที่เขาอ่านเมื่อสักครู่ และเดินมานั่งที่บริเวณข้างเตียง เขาอาศัยจังหวะนี้ ยื่นมือออกมาหาเธอ “มานี่สิ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ขยับตัวไปพิงเขาอย่างช้าๆ เธอเหลือบไปเห็นเอกสารจำนวนหนึ่งที่อยู่ในมือของเขา การประชุมแลกเปลี่ยนเพื่อการกุศลของย่านการค้าไห่เฉิง

การประชุมแลกเปลี่ยนเพื่อการกุศลงานนี้ เธอได้ยินมาว่าพ่อของเผยลี่เชินเคยเข้าร่วมมาก่อน มันจัดขึ้นโดยองค์กรการกุศลแห่งหนึ่งของไห่เฉิง เพื่อเชิญบรรดาบุคคลที่มีชื่อเสียงจากโลกธุรกิจให้มาเข้าร่วม โฆษณาบริษัทของพวกเขา และให้นักธุรกิจเหล่านั้นร่วมบริจาคเงินเล็กน้อยตามสะดวก

พูดง่ายๆ ก็คือ นี่เป็นงานที่ทั้งสองฝ่ายมีแต่ได้ประโยชน์ร่วมกัน นักธุรกิจได้บริจาคเงินเพื่อการกุศล และยังได้โฆษณาชื่อเสียงอันดีงามของบริษัทออกไปด้วย

ไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปที่เผยลี่เชิน “คุณต้องเข้าร่วมไหม”

เผยลี่เชินหันมามองเธอ “ปีนี้การประชุมแลกเปลี่ยนเพื่อการกุศลครบรอบ 10 ปีพอดี ทุกคนกระตือรือร้นอย่างมาก และอีกอย่างสิ้นปีนี้บริษัทมีแผนการใหญ่ อาศัยโอกาสนี้ในการประกาศข่าวสำคัญมีแต่ผลดี ไม่มีผลเสียอะไรทั้งนั้น”

“เพียงแต่ว่า การประชุมแลกเปลี่ยนของปีนี้กับปีที่แล้วไม่เหมือนกัน มีการเพิ่มกิจกรรมโดยรวมมากขึ้น” เผยลี่เชินนำเอกสารเหล่านั้นส่งให้หญิงสาวอ่าน “คุณลองดูสิ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์อ่านเนื้อหาทั้งหมดอย่างคร่าวๆ ตอนนี้เธอเข้าใจรายละเอียดของงานนี้ในเบื้องต้นแล้ว สำหรับปีนี้ พิธีการระดมทุนไม่เรียบง่ายเหมือนกับปีที่แล้ว และยังมีการเพิ่มเติมกิจกรรมบางอย่างเข้ามา เมื่อดูจากกิจกรรมทั้งหมดนี้ ไม่เพียงแต่ต้องการกำลังในการกระจายข่าวสารแล้ว สุดท้ายยังต้องเลือกทูตการกุศลแห่งย่านการค้าไห่เฉิงออกมาอีกด้วย

ทูตการกุศลมีได้แค่เพียงคนเดียว แน่นอนว่าเขาหรือเธอคือตัวแทนของชื่อเสียงเกียรติยศอันสูงสุด ผู้ประกอบการที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตการกุศล จะต้องเป็นตัวแทนที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดผลดีที่สุด และสามารถส่งต่อพลังเชิงบวกได้ดีที่สุดในกิจกรรมนี้ โดยที่ทุกคนต่างยอมรับในฝีมือของเขาหรือเธอ

“ดูดีทีเดียว วิธีการนี้จะช่วยให้บริษัทต่างๆ เป็นที่รู้จักกว่าเดิม แต่ว่าตำแหน่งทูตการกุศลดูจะไม่ง่ายนะคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์มองเผยลี่เชิน เพื่อขอความคิดเห็นจากเขา

“อืม ดังนั้น ในเมื่อเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้แล้ว ก็ต้องมุ่งมั่นเพื่อคว้าตำแหน่งนี้มาให้ได้” เผยลี่เชินหยิบเอกสารขึ้นมา น้ำเสียงของเขาจริงจังอย่างมาก

“คุณจะเข้าร่วมจริงๆ เหรอคะ”

หญิงสาวเพิ่งอ่านในส่วนของคำแนะนำจบ กิจกรรมในครั้งนี้มีทั้งการไปยังสถานสงเคราะห์เพื่อบริจาคและส่งมอบความรักความอบอุ่น ปีนเขาเพื่อระดมหาเงินทุน งานเลี้ยงขอบคุณสวัสดิการสำหรับเด็ก และงานระดมทุนอย่างเป็นทางการในตอนท้าย กิจกรรมตัวอย่างพวกนี้ ถ้าหากเข้าร่วมแล้ว จะต้องกินเวลาไม่น้อยแน่นอน

เผยลี่เชินพยักหน้า สายตาของเขาเหลือบมองไปยังเธอครู่หนึ่ง “กิจกรรมพวกนี้ต้องเข้าร่วมเป็นคู่ คุณไปกับผมก็แล้วกัน”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่มีเหตุผลมากพอที่จะปฏิเสธได้ เธอจึงได้แต่พยักหน้าตอบตกลง และเมื่อนี่เป็นการพยายามอย่างหนักเพื่องานการกุศลของไห่เฉิงด้วยแล้ว ไม่มีทางส่งผลเสียแน่นอน

“ในเมื่อคุณตอบตกลงแล้ว เพราะฉะนั้น 2-3 วันนี้ คุณจะต้องอาศัยอยู่กับผมที่นี่ก่อน รักษาอาการบาดเจ็บให้หายดี ตอนที่ปีนเขา คุณจะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระให้ผมคอยดูแล” เมื่อเผยลี่เชินพูดจบ เขาก็ก้าวเท้าพร้อมที่จะเดินออกไป

ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลครู่หนึ่ง และรีบเรียกเขาให้หยุด “ฉัน… ทำไมฉันจะต้องอยู่ที่นี่ด้วยล่ะคะ” เธออยู่ที่บ้านก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้นี่นา

ถ้าเธออาศัยอยู่ที่บ้านของเผยลี่เชินแห่งนี้ เธอจะต้องสูญเสียอิสรภาพทั้งหมดไปแน่นอน ความจริง ในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างจากนั้นมากเสียเท่าไร ถึงแม้เธอจะตอบตกลงเขาไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ตอบตกลงที่จะอยู่ด้วยกันกับเขานี่นา

เผยลี่เชินเดินไปสักพัก และขมวดคิ้วถามหญิงสาว “คุณไม่เต็มใจงั้นเหรอ”

“ฉัน…” ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เธอสบตาชายหนุ่ม และตัดสินใจเงียบลงในทันที

ชายหนุ่มเดินกลับมา มองดูไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นั่งอยู่บนเตียง เขาค่อยๆ โน้มตัวลงอย่างช้าๆ และวางมือทั้งสองข้างของเขาไว้ที่ข้างตัวของหญิงสาวทั้งสองด้าน จ้องลึกไปที่ดวงตาของหญิงสาว ด้วยความหงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“คุณวางใจเถอะ ผมจะดูแลคุณเป็นอย่างดี”

นี่เปรียบเหมือนกับการตักเตือนและการบอกกล่าวด้วยความเป็นห่วง ไป๋เสว่เอ๋อร์หมดข้ออ้างที่จะตอบโต้ได้ไปชั่วขณะ แต่เธอกลับเข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าสิ่งที่เขาพูดในครั้งนี้ยากที่จะปฏิเสธได้ เธอทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับเท่านั้น “ค่ะ…”

เมื่อได้เห็นสีหน้าของเธอ เผยลี่เชินยิ้มที่มุมปาก สายตาของเขาพึงพอใจอย่างมาก ครั้นจะลุกขึ้น สายตาของเขาก็เหลือบไปมองเห็นบางสิ่งที่บริเวณที่ว่างข้างๆ บนเตียง

สายตาของเขานิ่งไปครู่หนึ่ง เขาลุกขึ้น และใช้มือเอื้อมไปหยิบนามบัตรที่ตกอยู่บนเตียงขึ้นมา

ไป๋เสว่เอ๋อร์เริ่มแสดงท่าทีบางอย่าง เธอเงยหน้ามองนามบัตรที่อยู่ในมือของเขา สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปในทันที นั่นมัน…นามบัตรที่ประธานอู๋มอบให้เธอ!

“คุณอยากจะสอบถามอะไรงั้นเหรอ”

เผยลี่เชินมองหน้าไป๋เสว่เอ๋อร์ สีหน้าของเขาดูจริงจังเล็กน้อย เขารู้จัก “ถนนเฉิงชวน” ดี ถนนนี้มีชื่อเสียงอย่างมาก เพื่อปกปิดความลับของผู้คน การจะสอบถามข่าวสารบางชิ้นย่อมต้องอาศัยวิธีการบางอย่าง แต่ทว่าคนลักษณะนี้ 9 ใน 10 คนต่างอันตรายด้วยกันทั้งนั้น

ไป๋เสว่เอ๋อร์พยายามคิดหาเรื่องอื่นมามาพูดคุย แต่เธอกลับคิดไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรดี ขณะนั้น เผยลี่เชินก็เดาออกเสียแล้ว

นอกจากเรื่องคุณพ่อของเธอแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นใดอีกที่จะทำให้เธอต้องทุ่มเทสอบถามขนาดนี้

เผยลี่เชินขมวดคิ้ว “ถ้าอยากถามเรื่องคุณพ่อล่ะก็ ทำไมถึงไม่มาหาผมล่ะ”

เมื่อถูกเขาจับได้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องปิดบังอีกต่อไป “ฉันกลัวว่าฉันจะไปสร้างความลำบากให้คุณ”

นอกจากเผยลี่เชินจะช่วยเธอชำระเงินกู้ธนาคารแล้ว เขายังช่วยรักษาคฤหาสน์ตระกูลไป๋เอาไว้ และยังให้งานแก่เธอทำอีกด้วย แค่นี้เธอก็รู้สึกขอบคุณเขาเป็นอย่างมากแล้ว

เมื่อเผยลี่เชินเห็นท่าทีของหญิงสาว ภายในใจของเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ไป๋เสว่เอ๋อร์ เหตุผลที่ผมไม่ยอมนัดให้คุณกับคุณพ่อของคุณได้พบกัน นั่นก็เพราะว่าขั้นตอนและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีความเฉพาะตัวอยู่ คุณรู้ไหมว่าทำไมพ่อของคุณถึงถูกจับกุมเป็นเวลานานจนถึงตอนนี้ มันจะไม่มีเหตุผลทางคดีความอย่างนั้นเหรอ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามอง เธอรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาในจิตใจ

เผยลี่เชินยังคงพูดต่อว่า “เป็นเพราะว่าคนเบื้องบนกำลังรออยู่ ในเวลานี้ ถ้าใครไปข้องเกี่ยวกับเขา คนๆ นั้นก็จะถูกสอบสวน ยิงปืนนัดเดียว ได้นกทั้งรัง ตอนนี้คุณเข้าใจเหตุผลหรือยัง”

ไป๋เสว่เอ๋อร์กำชายเสื้อผ้าของเธอเอาไว้แน่น เธอเพิ่งจะเข้าใจในตอนนั้นเอง การมีส่วนในคดีอาชญากรรมทางการเงินนั้นง่ายมาก การตกลงแบบลับๆ ที่เต็มไปด้วยข้อตกลงที่แสนอันตรายและการสมรู้ร่วมคิดที่มีอำนาจเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ดูท่าแล้วจะไม่สามารถนับเป็นตัวเลขที่ชัดเจนได้

ไป๋เสว่เอ๋อร์ขบริมฝีปากของเธอ ร่างของเธอพลันเย็นขึ้นมา อาชญากรรมต้องถูกลงโทษ นั่นคือหลักการที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย เธอไม่มีความเห็นใดๆ เธอแค่อยากเจอพ่อของเธอ นั่นเกิดจากความรักที่อัดแน่นอยู่ในสายเลือด

ทันใดนั้น เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ “แต่ว่าผมอาจช่วยให้คุณกับคุณพ่อของคุณเจอกันได้นะ”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท