ตอนที่ 95 งานนี้มีแต่เธอเท่านั้นที่ช่วยได้
เมื่อเห็นสีหน้าของเธอไม่ต้อนรับนัก ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “เพื่อป้องกันเรื่องที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ฉันจึงต้องสำรองข้อมูลเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดส่วนที่คลุมเครือหรือไม่ชัดเจนหลังจากนี้ค่ะ”
อู๋เจียเจียแบะปาก พร้อมกลอกตามองบน “ฉันเข้ามาทำงานที่นี่เมื่อเดือนก่อน อยู่ที่บริษัทนี้มาได้เดือนกว่าแล้ว ปกติ ฉันกับโจวเลี่ยงไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน มีแค่บังเอิญไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน 1 ครั้ง แล้วก็ไปร้องเพลงด้วยกันตอนสุดสัปดาห์ อะไรทำนองนั้น”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถามต่อ “ถ้าอย่างนั้น คุณเคยได้ยินเขาพูดเรื่องงบประมาณสำหรับการส่งเสริมกิจกรรมไหมคะ”
อู๋เจียเจียนิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ค่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองเรื่องราวออกทั้งหมดจากปฏิกิริยาอันเล็กน้อยของอู๋เจียเจีย เธอจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ค่ะ ฉันทราบแล้ว ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณช่วยหลบไปทีค่ะ ฉันอยากจะถามเพื่อนร่วมงานของคุณสักครู่”
อู๋เจียเจียได้แต่กลอกตามองบน พร้อมกับเคี้ยวหมากฝรั่งและเดินออกไปอย่างช้าๆ
เมื่อเห็นว่าเธอเดินไปไกลแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงเข้าไปสอบถามพนักงานฝ่ายการตลาดถึงรายละเอียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์สอบถามพนักงานทุกคนครบแล้ว ในใจของเธอนั้นเห็นภาพชัดเจน เพื่อนร่วมงานทั้งแผนกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างอู๋เจียเจียและโจวเลี่ยงนั้นไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นเล่า ทั้งสองคนมักจะอยู่ด้วยกันสองต่อสองในออฟฟิศ และแต่ละครั้งก็มักจะนานเกิน 1 ชั่วโมง
สถานการณ์แบบนี้เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนมีปัญหา โจวเลี่ยงถูกไล่ออกไปแล้ว ส่วนอู๋เจียเจียก็ไม่สามารถให้เธออยู่ที่นี่ต่อไปได้อีก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เธอกลับไปยังแผนกการตลาด และมุ่งตรงไปยังโต๊ะด้านหน้าสำนักงานของอู๋เจียเจียในทันที เธอเอามือเท้าโต๊ะเอาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขอโทษนะคะ หลังจากสอบถามแล้ว ทางบริษัทคงต้องขอให้คุณลาออกค่ะ”
“อะไรนะ” อู๋เจียเจียวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ “ครั้งนี้จะไล่ฉันออกอย่างนั้นเหรอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบเธอโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “คุณทำงานที่นี่มาได้เดือนกว่า แต่ทางบริษัทได้เล็งเห็นว่าคุณเป็นนักศึกษาฝึกงาน ดังนั้น ทางบริษัทจะจ่ายเงินเดือนให้กับคุณจำนวน 2 เดือน เพื่อถือว่าเป็นค่าชดเชย”
“ใครอยากได้ค่าชดเชยของเธอกัน!” อู๋เจียเจียลุกขึ้นยืนในทันที ความโกรธถาโถมเข้ามาในแววตาของเธอ “เธอมาที่นี่แล้วเล่นบทตำรวจถามเรื่องนั้นที เรื่องนี้ที ฉันจะบอกเธอให้นะว่าพี่ชายฉันเป็นตำรวจ เขายังไม่เห็นทำแบบนี้เลยสักนิด คิดว่าตัวเองเป็นใครกันน่ะ”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอรู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมา “ขอโทษนะคะ แต่ว่านี่คือการตัดสินใจของบริษัทค่ะ”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์พูดจบ เธอก็หมุนตัวเตรียมเดินจากไป ทว่าทันใดนั้น อู๋เจียเจียกลับเดินมาข้างหน้าเธอ และขวางทางไม่ให้เธอเดินไปในทันที
สายตาของเธอหยุดอยู่ที่ป้ายชื่อบริเวณหน้าอกของไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่สักครู่ หลังจากที่เธอมองเห็นชื่อของไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างชัดเจน เธอก็หัวเราะอย่างเย็นชา “ชื่อไป๋เสว่เอ๋อร์สินะ ได้ ฉันจะจำชื่อของเธอเอาไว้!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันทำงานอยู่ที่นี่ตลอด ไม่จำเป็นหรอกค่ะ”
“นี่เธอ!” อู๋เจียเจียโกรธจนหน้าแดงก่ำ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้อู๋เจียเจีย “ขอให้คุณเจองานที่เข้ากับคุณเร็วๆ นะคะ”
เมื่อเธอพูดจบ เธอก็เดินอ้อมอู๋เจียเจียและจากไป
อู๋เจียเจียที่ยืนอยู่ด้านหลังของไป๋เสว่เอ๋อร์กระทืบเท้าไม่หยุด เธอเดินออกไปด้านนอก และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อโทรหาใครบางคน “พี่ ฉันถูกไล่ออกจากบริษัท! มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อไป๋เสว่เอ๋อร์…”
หลังจากเดินออกมาจากฝ่ายการตลาด ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เดินตรงไปที่ประตูทางเข้าลิฟต์ ระหว่างที่เธอกำลังรอลิฟต์อยู่ เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู
ปรากฏว่ามีสายที่ไม่ได้รับหลายสายจากฉีเฟิง ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เธอจึงตัดสินใจโทรกลับไปหา “สวัสดีค่ะ ผู้ช่วยฉี”
“เลขาไป๋ คุณอยู่ที่ไหน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่สักพัก “ฉันอยู่ที่ฝ่ายการตลาดค่ะ”
“คุณรีบกลับมาที่นี่เร็ว ท่านประธานบอกว่ามีเรื่องต้องให้คุณช่วย”
หลังจากฟังฉีเฟิงผู้ตรงไปตรงมา กลับพูดจาอย่างตะกุกตะกัก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างประหลาด
“ให้ช่วยอะไรงั้นเหรอ ท่านประธานเป็นอะไรไปน่ะ”
“งานนี้มีแต่เธอเท่านั้นที่ช่วยได้”
สิ่งที่ฉีเฟิงพูดในโทรศัพท์เองก็ไม่ชัดเจนนัก เขารอให้ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบกลับมาที่สำนักงานประธานกรรมการ เมื่อเธอมาถึงก็เห็นฉีเฟิงยืนรออยู่ที่ประตูทางเข้าอยู่ไกลๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเพิ่งจะได้เห็นว่าฉีเฟิงเองก็มีเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจได้ จนต้องอาศัยเธอให้มาช่วยตัดสินใจ
เมื่อเธอเดินใกล้เข้ามา ฉีเฟิงก็พูดกับเธอว่า “เขาไป๋ ท่านประธานกำลังรอคุณอยู่ในห้องทำงาน”
“ค่ะ” สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์จริงจังขึ้น เมื่อเธอเดินถึงยังประตูทางเข้า เธอก็เคาะประตู และหลังจากที่เธอได้ยินเสียงตอบรับ เธอก็เดินเข้าไป
เมื่อประตูเปิดเข้าไป ภาพที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาของเธอ ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึงไปครู่หนึ่ง
เผยลี่เชินกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าห้องทำงาน ที่ด้านบนของโต๊ะมีกระติกเก็บความร้อนวางอยู่ และที่ด้านข้างของเขามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย… เหอหย่าหาน
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เผยลี่เชินและเหอหย่าหานต่างมองมาทางเสียงที่ได้ยินนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ณ ช่วงเวลานั้นเอง ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่รู้ว่าควรจะวางมือทั้งสองข้างของเธอไว้ตรงไหนดี
ครู่หนึ่ง เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า แล้วที่ฉีเฟิงพูดว่า “งานนี้มีแต่เธอเท่านั้นที่ช่วยได้” มันหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ
เห็นได้ชัดว่าที่เรียกเธอมาก็เพื่อให้มาช่วยเล่นละครตบตาคุณหนูเหออีกแล้ว
“ท่านประธาน ฉันมารายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในฝ่ายการตลาดค่ะ…”
“อืม” เผยลี่เชินตอบรับอย่างขอไปที แต่สายตาของเขากลับมองไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างลึกซึ้ง
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ก้าวเข้ามาได้เพียงสองก้าว เหอหย่าหานก็พูดขึ้นมาอย่างไม่สนใจใครว่า “เลขาไป๋ ไม่เห็นหรือไงว่าท่านประธานกำลังยุ่งอยู่”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์มองเห็นกระติกเก็บความร้อนที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอก็ยิ้มขึ้นมา ขณะที่เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ เหอหย่าหานก็หันกลับไปมองเผยลี่เชิน น้ำเสียงของเธอใจเย็นและนุ่มนวลขึ้นอย่างมาก “ลี่เชินคะ นี่คือซุปตังกุยกับปลิงทะเลที่ได้พ่อครัวของฉันปรุงด้วยสูตรลับขึ้นชื่อ นอกจากจะอร่อยแล้วยังทำให้ร่างกายแข็งแรงนะคะ คุณทานเยอะๆ สิคะ คุณพ่อของฉันเป็นคนสั่งให้ฉันเอามาให้คุณโดยเฉพาะ”
เผยลี่เชินตอบรับด้วยสีหน้าราบเรียบ “ครับ”
เมื่อเหอหย่าหานพูดจบ เธอหันศีรษะกลับมาและเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงยืนอยู่ในห้องทำงาน เธอขมวดคิ้วแน่น
ไม่ว่าเหอหย่าหานจะพูดอะไร ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยังคงสาวเท้าก้าวเข้ามา เธอเดินผ่านเหอหย่าหานและมุ่งตรงไปหยุดที่ด้านข้างของเผยลี่เชินในทันที ก้มลงมองกระติกเก็บความร้อนใบนั้น และยิ้มขึ้นที่มุมปาก “คุณหนูเหอ ซุปปลิงทะเลชามนี้ไม่เลวทีเดียวค่ะ”
จากนั้น เธอก็ยิ้มและมองไปที่เผยลี่เชินอย่างเงียบๆ พร้อมกับพูดเชิงตำหนิตัวเองว่า “ซุปไก่ตุ๋นที่ฉันทำมาให้คุณคราวก่อน รสชาติเทียบไม่ได้กับซุปของคุณหนูเหอเลยนะคะ”
เธอทำซุปไก๋ตุ๋นมาให้เขางั้นหรือ
สายตาของเผยลี่เชินนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เข้าใจในทันที ท่าทีที่นิ่งขรึมของเขาเมื่อครู่กลับผ่อนคลายขึ้นมาก พร้อมกับตอบเธอไปว่า “แต่ผมชอบนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์และเหอหย่าหานต่างอึ้งไปชั่วครู่
คำพูดของเผยลี่เชินนอกจากจะชัดเจนเกินบรรยายแล้ว เหอหย่าหานไม่ใช่คนโง่ เธอย่อมฟังแล้วเข้าใจอย่างแน่นอน
สีหน้าของเธอซีดเผือด สายตาของเธอจ้องมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ กำปั้นของเธอกำแน่นขนัด
เผยลี่เชินอาศัยโอกาสนั้นวางช้านในมือของเขาลง และเงยหน้ามองไป๋เสว่เอ๋อร์ สายตาของเขาช่างหวานหยดย้อยราวกับน้ำผึ้งที่พร้อมจะหยดลงได้ทุกเมื่อ “มื้อเย็นวันนี้ผมยังอยากทานซุปไก่ตุ๋นฝีมือของคุณ คุณคิดว่าอย่างไร”
ไป๋เสว่เอ๋อร์นึกไม่ถึงว่าเผยลี่เชินจะแสดงได้สมบทบาทถึงเพียงนี้ เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อเธอรู้ตัวอีกที เธอก็ตอบรับด้วยการพยักหน้าไปเสียแล้ว “ได้ค่ะ ฉันจะทำให้คุณ”
สีหน้าของเหอหย่าหานที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้นทั้งซีดและแดงก่ำ ช่างดูไม่ได้เอาเสียเลย เธอลุกพรวดขึ้นในทันที และจ้องมองไปที่ภาพ “ความรักอันหวานซึ้ง” ที่อยู่เบื้องหน้าของทั้งสองคน จนเธอได้แต่นิ่งเงียบ ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เป็นเวลานาน
เหยหย่าหานขบฟันด้วยความโกรธ “ลี่เชิน!”
เผยลี่เชินละสายตาจากไป๋เสว่เอ๋อร์ หันไปมองเหอหย่าหาน สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเฉยเมยในทันที “มีอะไรเหรอ”
ดวงตาของเหอหย่าหานแดงก่ำ เธอพูดไม่ออกสักคำ ได้แต่มองเผยลี่เชินสลับกับมองไป๋เสว่เอ๋อร์ ทันใดนั้นเธอก็หมุนตัวและรีบก้าวออกไปจากห้อง
เมื่อเสียง “ตึง” ของประตูปิดดังขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา
เธอรู้ดีว่านี่ยังคงเป็นเวลาทำงาน ตอนที่เธอกำลังถอยหลังออกไปครึ่งก้าว เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นเผยลี่เชินกำลังจ้องมองเธอด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก
“ท่านประธานคะ ฉันให้อู๋เจียเจียที่อยู่ฝ่ายการตลาดลาออกแล้วค่ะ”
“อืม” เผยลี่เชินไม่ได้ตอบอะไรมาก ครู่ต่อมา เขาก็กลับถามเธอในทันที “ไป๋เสว่เอ๋อร์ คุณทำซุปไก่ตุ๋นเป็นด้วยเหรอ”