ตอนที่ 94 รายงานงบประมาณเท็จ
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินมาหาเธอถึงที่นี่เพื่อต้องการที่จะบอกเธอด้วยตัวเอง ใครก็ตามที่มีสายตาแหลมคมพอ ก็คงจะมองดูออกในทันทีว่าเธอจงใจเปิดทางให้สวี่เยว่หรูสามารถก้าวต่อไปได้แต่โดยดี ทว่าใครจะไปคาดคิดว่าสวี่เยว่หรูกลับเลือกที่จะตีหน้านิ่งแบบนี้
หลังจากที่ทั้งคู่เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยิ้มและพูดว่า “ถ้าเลขาสวี่ไม่ยอมกลับไป ฉันก็จะกลับไปบอกท่านประธานเผยแบบนั้นค่ะ”
ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดอยู่นั้น เธอก็หมุนตัว เตรียมที่จะเดินจากไป
สีหน้าของสวี่เยว่หรูเปลี่ยนไปในทันที รีบเอ่ยปากเรียกเธอให้หยุด “เดี๋ยว! ใครบอกว่าฉันจะไม่กลับไปกัน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หมุนตัวกลับมาและจ้องมองไปที่สวี่เยว่หรู เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่รีบร้อน “เลขาสวี่ อันที่จริงแล้ว ฉันพร้อมที่จะทำงานร่วมกับคุณนะคะ ถ้าหากพวกเราสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสงบสุข ฉันคิดว่าเราสองคนคงจะสามารถเป็นมือซ้ายมือขวาให้กับประธานเผยได้ ครั้งนี้ที่ฉันมาที่นี่ ก็เพื่อมาขอโทษคุณด้วย ในอดีต ถ้ามีตรงไหนที่ฉันทำผิดพลาดไป ฉันขอให้คุณอภัยให้ฉันด้วย และฉันหวังว่าหลังจากนี้ เราสองคนจะสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดีนะคะ”
“นี่คือสิ่งที่ฉันอยากจะพูดค่ะ คุณลองไปคิดทบทวนดูให้ดีเถอะค่ะ” ทันทีที่ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดจบ เธอก็หมุนตัวและก้าวเดินจากไป
สวี่เยว่หรูยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน และยังคงขมวดคิ้วอยู่เช่นนั้นต่อไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์คนนี้ วันนี้เป็นอะไรไปกัน หรือว่าเธอจะยอมเป็นฝ่ายลดอคติที่เคยมี และหันมาทำดีกับสวี่เยว่หรูแล้วงั้นหรือ
อ้อ หรือว่าไป๋เสว่เอ๋อร์จะคิดว่าเพียงแค่พูดเพราะๆ ไม่กี่ประโยคก็สามารถที่จะโน้มน้าวเธอได้แล้วสินะ ไร้สาระ! นับตั้งแต่วันที่ไป๋เสว่เอ๋อร์เหยียบเข้ามาที่เผยซื่อและทำงานต่างๆ ร่วมกับเผยลี่เชิน สวี่เยว่หรูและความแค้นภายในตัวของเธอก็ได้ก่อปมขึ้นแล้วตั้งแต่ตอนนั้น!
อนาคตยังอีกไกล ไม่ช้าก็เร็ว เธอจะทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียที!
ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น บริษัทได้จัดการประชุมประจำเดือนขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงเข้าร่วมการประชุมพร้อมกับเผยลี่เชิน
การประชุมประจำเดือนนั้นมีขึ้นเพื่อให้ผู้จัดการแผนกของทุกแผนกได้รายงานสรุปผลและรายงานความคืบหน้าของการดำเนินงานในเดือนที่แล้ว และเมื่อถึงคราวของผู้จัดการฝ่ายการตลาดเป็นคนรายงานนั้น “ท่านประธานเผย กิจกรรมการตลาดออฟไลน์นี้ท่านเป็นคนอนุมัติ แต่ว่าเมื่อปลายเดือนก่อน ตอนที่ผมไปขอรายงานจากฝ่ายการเงิน แบบฟอร์มรายงานนั้นกลับถูกตีกลับมาทั้งหมด ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
เผยลี่เชินเงยหน้าขึ้นและกวาดสายตามองไปยังผู้จัดการฝ่ายการตลาดอย่างเย็นชา “ตอนนั้น ผมเซ็นอนุมัติกิจกรรมนี้ให้จัดขึ้นเพียงหนึ่งที่ต่อเดือน ถ้าหากมีกรณีพิเศษให้เป็นสองที่ต่อเดือน แต่เดือนนี้ใบรายงานที่คุณส่งไปเมื่อครั้งก่อนมีทั้งหมด 4 ใบ ผมเองก็อยากได้คำอธิบายจากคุณ”
“ท่านประธานครับ ท่านเองก็ทราบดี ช่วงนี้มีคนสนใจเข้าร่วมอย่างมาก การส่งเสริมกิจกรรมนี้ออกไปก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก การจัดกิจกรรมขึ้นในหลายๆ ที่ภายในเดือนเดียวนี้ ทุกๆ ที่ให้ผลตอบรับที่ดีกว่าการจัดกิจกรรมในหลายๆ เดือนเสียอีก…”
สายตาของเผยลี่เชินเข้มลึกมากยิ่งขึ้น “แต่ว่ารายการค่าใช้จ่ายของคุณไม่ถูกต้อง ทุกรายการนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินกว่างบประมาณเดิมที่ตั้งไว้ เมื่อรวมแต่ละรายการเข้าไว้ด้วยกัน จำนวนเงินเหล่านั้นก็ไม่น้อยทีเดียว”
“นั่นเป็นเพราะว่ามีคนให้ความสนใจอย่างมาก ทำให้แต่ละรายการมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเล็กน้อย…”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น เผยลี่เชินนำปากกาหมึกซึมที่ถืออยู่ในมือวางลงบนโต๊ะ และเงยหน้าหันไปมองที่ผู้จัดการคนนั้น “ผู้จัดการโจว คุณทำงานอยู่ที่เผยซื่อมานานเท่าไรแล้ว”
เมื่อโจวเลี่ยงถูกเผยลี่เชินถามแบบนี้ เขาตะลึงไปครู่หนึ่ง หน้าผากของเขาเหงื่อออก “3 ปีแล้วครับ”
เผยลี่เชินยืดตัวตรง “อยู่มา 3 ปีแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรงั้นเหรอ จะโกงทั้งทีก็ทำให้มันซับซ้อนหน่อยสิ”
สีหน้าของโจวเลี่ยงเปลี่ยนไป เขามองหน้าเผยลี่เชินอย่างหวาดกลัวและรีบอธิบายในทันที “ท่านประธาน! ผมไม่ได้โกงนะครับ”
“ดี งั้นก็อธิบายให้ผมฟังสิว่า ค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมกิจกรรมของเดือนนี้และเดือนที่แล้ว รวมถึงค่าเช่าสถานที่ ทั้งหมดคิดเป็นเงินเท่าไหร่”
“ค่าเช่าสถานที่คิดเป็น… เมื่อคิดรวมกับที่คุยกันเรียบร้อยที่ตลาดแล้ววันนั้น ปกติแล้ว กิจกรรมนี้จะต้องขอเช่าสถานที่ไม่น้อยทีเดียว ถ้าจะพูดให้ชัดคือ….”
โจวเลี่ยงพูดตอบอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ แม้เขาจะอธิบายอยู่นาน แต่ก็ไม่อาจบอกตัวเลขที่แน่ชัดออกมาได้
เผยลี่เชินหันไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อเธอเห็นเข้าก็รู้ในทันที เธอจึงรับช่วงต่อจากโจวเลี่ยง “ค่าเช่าพื้นที่ภายในตลาด เมื่อดูจากสถานที่ตั้งแล้ว ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 10,000 หยวน เมื่อดูตามสถานการณ์ที่คุณได้รายงานมานั้น ค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่ภายในตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 หยวน แต่ว่าตอนที่เราจัดกิจกรรมเมื่อคราวก่อนนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 หยวนเท่านั้น”
เผยลี่เชินมองตรงไปที่โจวเลี่ยง “คุณยังอยากฟังต่อไหม”
สีหน้าของโจวเลี่ยงซีดเผือดในทันที “ท่านประธาน! ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น! แต่เป็นอู๋เจียเจีย นักศึกษาฝึกงานที่เพิ่งมาใหม่ในแผนกของเราต่างหาก เธอ… เธอบอกว่าปกติแล้วเวลาที่พวกเราทำงบประมาณไปให้ฝ่ายการเงิน ฝ่ายการเงินก็มักจะอนุมัติในทันที ผมถึงได้สับสนไปครู่หนึ่ง…”
เผยลี่เชินมองโจวเลี่ยงอย่างเย็นชา พร้อมกับกวาดสายตามองไปยังผู้จัดการแผนกอื่นๆ ส่วนใหญ่นั่งตัวตรงและไม่ขยับเขยื้อน พวกเขาแม้แต่จะหายใจนั้นก็ยังไม่กล้า
“ท่านประธาน! อู๋เจียเจียคือหายนะ ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามาในบริษัทแห่งนี้ เธอก็หลอกล่อผม เธอเป็นคนยุยงให้ผมทำแบบนี้ ท่านประธาน ผมยินดีที่จะถูกลงโทษครับ…”
เผยลี่เชินพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า “ดี ในเมื่อคุณยอมที่จะถูกลงโทษ งั้นคุณก็รีบไปที่แผนกบุคคลแล้วลาออกเสีย”
“ท่านประธาน ให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ ผมรับรองว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน…”
เผยลี่เชินโบกมือส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ข้างนอกห้อง เรียกรปภ.เข้ามาพาตัวโจวเลี่ยงออกไป
บรรยากาศภายในห้องประชุมเงียบสงัด เผยลี่เชินเอามือเท้าโต๊ะ พร้อมกับกวาดสายตามองไปยังผู้เข้าร่วมประชุม “ถือเสียว่านี่คือบทเรียน ประชุมกันต่อเถอะ”
เมื่อการประชุมเสร็จสิ้นลง เผยลี่เชินเดินออกไปยังทางเดินยาวที่ไร้ผู้คน เขาเจตนาค่อยๆ เดินให้ช้าลง เพื่อรอหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังของเขาให้เดินตามเขาทัน
เขามองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ และพูดเบาๆ ว่า “ทำได้ไม่เลวนี่”
อันที่จริงเรื่องนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ต่างหากที่เป็นคนพบเห็นถึงความผิดปกติของค่าใช้จ่าย แต่ก่อนงบประมาณของแต่ละแผนกจะถูกส่งให้กับฝ่ายการเงิน ฝ่ายการเงินจะตรวจสอบดู 1 รอบ และถ้าหากไม่พบปัญหาอะไร ฝ่ายการเงินก็จะรวบรวมและส่งเอกสารทั้งหมดไปให้เผยลี่เชิน หลังจากที่เขาตรวจดูและลงนามเรียบร้อยแล้ว ฝ่ายการเงินถึงจะอนุมัติได้
หลังจากที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้รับแบบฟอร์มจากฝ่ายการเงินแล้ว เธอจะตรวจดูก่อน 1 รอบ สุดท้ายเธอจึงค้นพบว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่พบในรายงานของฝ่ายการตลาดครั้งนี้สูงกว่าค่าใช้จ่ายที่ประมาณเอาไว้ไม่น้อยทีเดียว เธอจึงโทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้ที่ดูแลเรื่องค่าเช่าสถานที่ด้วยตัวเอง เพื่อถามถึงค่าใช้จ่ายในแต่ละรายการ ทำให้เธอได้พบกับข้อผิดพลาดนี้
เมื่อได้ยินคำชมจากเผยลี่เชิน ไป๋เสว่เอ๋อร์เขินเล็กน้อย เธอยิ้มและกระซิบตอบเขาว่า “เป็นเรื่องที่ฉันต้องทำอยู่แล้วค่ะ”
ทันใดนั้น เธอก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เธอจึงมองไปที่ชายหนุ่ม และกระซิบถามเขาว่า “อ้อ ท่านประธาน คุณต้องการที่จะตรวจสอบฝ่ายการตลาดหรือเปล่าคะ”
สายตาของเผยลี่เชินนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาไตร่ตรองอยู่สักพักและค่อยๆ พูดออกมาว่า “ไม่ต้อง ฉันจะให้ฉีเฟิงไปตรวจสอบฝ่ายการตลาดเอง แต่ว่าอู๋เจียเจียคนนั้น คุณช่วยไปตรวจสอบทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดเรื่องที่ว่าเป็นความจริง ก็รีบให้เธอออกโดยเร็วที่สุด”
“รับทราบค่ะ”
ณ พื้นที่สำนักงานของแผนกการตลาด พนักงานทุกคนต่างพากันรวมตัวและกระซิบกระซาบถึงเรื่องนี้ ที่โต๊ะตัวหนึ่งด้านหน้าสำนักงานซึ่งตั้งอยู่ตรงมุมห้องพอดี อู๋เจียเจียในวัย 20 ต้นๆ กำลังเคี้ยวหมากฝรั่ง เมื่อเธอได้ยินเหล่าพนักงานพูดถึงเหตุการณ์ที่ผู้จัดการโจวถูกพาไปยังฝ่ายบุคคล เธอก็พึมพำเบาๆ อย่างเย็นชาว่า “สมน้ำหน้า!”
ไม่นาน ก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมกับเตือนให้ลดเสียงลง “เลิกเมาท์กันได้แล้ว คนจากสำนักงานประธานกรรมการบริษัทมาแล้วนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ภายในห้องก็เงียบขึ้นมาขั่วขณะในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินมาพร้อมกับพนักงานคนหนึ่งที่อยู่ฝ่ายการตลาดพอดี เธอจึงถามอย่างสุภาพว่า “ฉันมาหาอู๋เจียเจียที่อยู่แผนกของพวกคุณค่ะ”
ทุกคนมองตรงไปที่มุมห้อง อู๋เจียเจียยืนขึ้นอย่างช้าๆ
ระหว่างที่รอให้เธอเดินผ่านโต๊ะในสำนักงานเหล่านั้นมาหา ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้เห็นสภาพการแต่งตัวของเธอ กางเกงที่มีรอยขาดเต็มไปหมด รองเท้าบู๊ทมาร์ติน การแต่งกายแบบนี้ไม่มีส่วนไหนที่สอดคล้องกับกฎระเบียบว่าด้วยเรื่องการแต่งกายของเผยซื่อเลยสักนิดเดียว
อู๋เจียเจียมองไป๋เสว่เอ๋อร์ และเอ่ยปากถามเธอว่า “มีธุระอะไร”
“คุณช่วยออกมาข้างนอกหน่อย ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณ”
สายตาของอู๋เจียเจียมองไป๋เสว่เอ๋อร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า และไม่มีความคิดที่จะขยับใดๆ “เรื่องที่ว่า คุยกันตรงนี้ไม่ได้เหรอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วและนิ่งไปชั่วครู่ “ได้ ถ้าอย่างนั้นก็คุยกันตรงนี้แล้วกัน”
อู๋เจียเจียพยักหน้ารับ เธอมองดูไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างดูแคลน “เชิญค่ะ”
“ได้ยินโจวเลี่ยงบอกว่า คุณเกี่ยวข้องกับรายงานงบประมาณเท็จในครั้งนี้ใช่ไหมคะ”
อู๋เจียเจียเบิกตาโพลง “เกี่ยวข้องกับฉันอย่างไร ฉันเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานเท่านั้น ใครจะไปกล้ากัน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เปิดบันทึกเสียงที่อัดเอาไว้ในแท็บเล็ตที่เธอถืออยู่ในมือ “ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยบอกฉันว่าคุณเข้ามาทำงานเมื่อไร และปกติคุณกับโจวเลี่ยงมีความสัมพันธ์กันอย่างไร”
เมื่ออู๋เจียเจียเห็นท่าทีของไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอก็ขมวดคิ้ว “นี่คุณกำลังซักถามนักโทษอยู่เหรอ”