ตอนที่ 101 เอาขยะไปทิ้ง
เผยลี่เชินหรี่ตาเล็กน้อย แน่ใจว่าตัวเองมองไม่ผิด คุณแม่ไป๋ลากเผยอี้เข้าไปคุย แต่ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ข้างๆ
ใจเขาเหมือนถูกบีบอัดจนแน่นพูดอะไรไม่ออก เขารู้ว่าไป๋เสว่เอ๋อร์และเผยอี้เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมาก่อน แต่พวกเขาแยกทางกันนานแล้ว แต่ทำไมช่วงนี้ถึงได้ดูติดต่อกันบ่อยจัง
ในสำนักงานเขาเห็นพวกเขาสองคนสนิทสนมกัน วันนี้เขาก็เห็นกับตาตัวเองว่าเผยอี้ไปบ้านของไป๋เสว่เอ๋อร์ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ขอตัวกลับบ้านก่อน แต่กลับไม่บอกเขาว่าที่กลับเร็วเพราะไปพบเผยอี้
ดีที่เขาไปหาเพื่อนที่สตูดิโอเพื่อเลือกชุดให้เธอเป็นของขวัญ คิดไม่ถึงว่าจะเห็นฉากนี้
มือของเผยลี่เชินที่กำมือถืออยู่ก็กำมือถือแน่นกว่าเดิม จากนั้นก็มองไปที่อื่นและสั่งเจิงหง “กลับรถ”
เจิงหงมองออกว่าอารมณ์ของเผยลี่เชินแปรปรวนอย่างหนัก ไม่กล้าถามอะไรมาก รีบขับรถอย่างรวดเร็ว
ที่หน้าประตูบ้าน คุณแม่ไป๋มองเผยอี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“แม่ไม่ถ่วงเวลาคุณแล้ว เผยอี้ไปทำธุระของคุณเถอะ ขับรถดีๆ นะ”
“ครับคุณน้า วันหลังค่อยคุยกัน” เผยอี้พูดจบก็หันหลังกลับไปที่รถ
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองออกไปข้างนอกแบบไม่ตั้งใจ มองเห็นรถคุ้นๆ คันหนึ่ง ใจเต้นแรง เบิกตาโพลงมองอยู่หลายเที่ยว
รถขับออกไปไกลแล้ว เธอมองไม่ชัดว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร แต่แน่ใจว่าเป็นรถของเผยลี่เชิน เพราะทั้งสี ทั้งรูปแบบรถ เหมือนกัน
หรือว่าจะเป็นเผยลี่เชิน? แต่เขาจะมาทำอะไร?
คุณแม่ไป๋มองไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่พูดอะไรตั้งนาน อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับแขนเธอ “เสว่เอ๋อร์ เผยอี้ไปแล้ว ลูกไม่ได้ทักทายเขาสักคำเลย?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับมามีสติอีกครั้ง กวาดตามองเผยอี้ที่กำลังขึ้นรถ เธอไม่มีกะจิตกะใจค่อยๆ แกะมือของแม่ออก โดยไม่พูดอะไรแล้วกลับขึ้นห้องไป
“ลูกคนนี้” คุณแม่ไป๋ถลึงตา หันกลับไปมองเผยอี้แล้วพูดขอโทษขอโพย “เธอไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลย เอาไว้น้าจะคุยกับเธอเอง”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับถึงห้องรีบคว้าโทรศัพท์ที่อยู่บนเตียง ไม่มีสายที่โทรเข้าไม่มีแม้กระทั่งข้อความ ตอนนี้ใจเธอว่างเปล่า กลับนึกถึงเมื่อกี้ที่สังเกตเห็นรถคันนั้นโดยไม่ตั้งใจ ใจรู้สึกว้าวุ่น
ถ้าเมื่อกี้คนที่มาคือเผยลี่เชินจริง ไม่แน่ว่าเขาอาจเห็นเธอ เห็นแม่และเผยอี้อยู่ด้วยกัน ถ้าเป็นอย่างนั้น เผยลี่เชินจะเข้าใจผิดไหมนะ?
ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตู “เสว่เอ๋อร์”
สติกลับมาที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ พอหันกลับมาเห็นคุณแม่ไป๋เปิดประตูหน้อง
“มีอะไรคะแม่?”
สีหน้าของคุณแม่ไป๋ไม่ค่อยดี คิ้วขมวดเข้าหากัน “แม่อุตส่าห์ตั้งใจนัดเดทให้ลูก โอกาสดีๆ แบบนี้ทำไมไม่รู้จักคว้าไว้ ถ้าลูกได้ลงเอยกับเผยอี้ ต่อไปพวกเราจะได้ไม่ต้องลำบาก”
“แม่…..” ใบหน้าไป๋เสว่เอ๋อร์บึ้งตึงขึ้นมาทันที
“หนูไม่มีทางลงเอยกับเผยอี้ได้ หนูจะไม่ยอมอยู่กับเขาเพราะเงินหรอกคะ”
คุณแม่ไป๋เสียงสูง “ง้นลูกจะยอมให้พวกเราลำบากแบบนี้เนี่ยนะ เสว่เอ๋อร์ทำไมไม่เข้าใจความหวังดีของแม่บ้างเลย พ่อแกก็พึ่งพาอะไรไม่ได้”
สมองของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกมึนเหมือนถูกคนต่อยหลังจากได้ยินประโยคนั้น “ทำไมถึงพูดว่าพ่อพึ่งพาไม่ได้ เขาก็แค่ทำผิดพลาด ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้ออกมา ไม่ว่าจะรอเขากี่ปี หนูก็จะรอเขาออกมา”
คุณแม่ไป๋มองไป๋เสว่เอ๋อร์ อยากยื่นมือไปจับมือเธอ แต่เธอดันถอยหลังเพื่อไม่ให้แม่จับมือเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกแน่นออก ไม่รู้ทำไมวันนี้แม่ของเธอดูเหมือนคนแปลกหน้า เธอหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดเสียงแข็ง “หนูไม่เข้าใจชีวิตที่เป็นอยู่แบบนี้ของพวกเราเป็นอย่างไร? กินอิ่ม มีเสื้อผ้าใส่ มีที่ให้นอน แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ? แม่ยังต้องการอะไรอีก?”
คุณแม่ไป๋เดินไปข้างหน้า “เสว่เอ๋อร์ฟังแม่นะ แม่ไม่อยากเห็นลูกลำบาก…”
“หนูก็ไม่รู้สึกลำบากตรงไหน นับจากวันนี้ถ้าหากแม่เชิญเผยอี้มาทานข้าวที่บ้านอีก อย่าเรียกหนูมาพบเขาอีกนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยื่นคำขาด พร้อมเอื้อมมือหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป
ยี่สิบกว่าปีมานี้ เธอไม่เคยทะเลาะกับคุณแม่ไป๋เลยสักครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สองคนแม่ลูกมีความเห็นขัดแย้งกัน นึกไม่ถึงเลยว่าเป็นเพราะเรื่องนี้
ไป๋เสว่เอ๋อร์ออกมาจากบ้านทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จะไปที่ไหน คิดไปคิดมาก็เรียกรถแท็กซี่ไปคฤหาสน์เผยซื่อ
กลับมาถึงคฤหาสน์เผยซื่อ ไป๋เสว่เอ๋อร์เปิดประตูก็พบป้าจางกำลังทำความสะอาด
ป้าจางออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูไป๋กลับมาแล้ว?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้ารับพร้อมกับคำถาม “เผยลี่เชินอยู่ไหมคะ?”
“คุณผู้ชายออกไปตั้งแต่เช้าตอนนี้ยังไม่กลับเลยคะ คงจะรับประทานอาหารข้างนอก”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนี้จึงขมวดคิ้ว ตื่นเต้นเล็กน้อย
ป้าจางเห็นสีหน้าของเธอไม่ค่อยดี อดไม่ได้ที่จะถาม “คุณหนูไป๋มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ? ให้ป้าโทรหาคุณผู้ชายไหมคะ?”
“ไม่ต้องคะป้าจาง” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้เธอ เดินขึ้นบันไดกลับไปที่ห้องตัวเอง
เธอไม่แน่ใจว่ารถที่เห็นเป็นรถของเผยลี่เชินหรือไม่ ดังนั้นตอนนี้จึงได้แต่นั่งรอเขากลับมา แล้วลองถามเขาดู
รอตลอดทั้งบ่ายเผยลี่เชินก็ยังไม่กลับมา ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งไม่ติดจึงลงไปชั้นล่างเทน้ำดื่ม
เธอจึงถือโอกาสนี้ถามป้าจาง “ป้าจางคะ เผยลี่เชินโทรศัพท์กลับมาบ้างไหมคะ?”
“ไม่มีคะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกผิดหวัง พอดีเห็นคนรับใช้ถือถุงใบเล็กใบน้อยกลับมา ดูเหมือนเป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร จึงนึกขึ้นได้ในทันทีว่า วันนั้นในสำนักงานเผยลี่เชินอยากให้เธอเรียนวิธีทำซุปไก่ตุ๋น
ไป๋เสว่เอ๋อร์กระวีกระวาดลุกขึ้นเดินไปทางห้องครัว “ป้าจางหนูอยากเรียนทำซุปไก่ตุ๋นกับป้า ป้าสะดวกสอนหนูไหมคะ?”
ป้าจางประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้ารับ พร้อมกับพูดว่า “ได้คะ คุณผู้ชายชอบดื่มซุปไก่ตุ๋นฝีมือป้า ถ้าคุณผู้ชายรู้ว่าคุณเรียนทำซุปไก่ตุ๋นเพื่อเขา เขาต้องดีใจแน่นอนไ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ฟังที่ป้าจางพูดก็รู้สึกหน้าแดงตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เธออารมณ์ดีขึ้นมาก เธอม้วนแขนเสื้อแล้วเดินไปด้านหน้า ช่วยพวกเขาถือวัตถุดิบไปที่ห้องครัว….
หลังจากนั้นสองสามชั่วโมงผ่านไป รถก็จอดสนิทอยู่ในโรงรถ เผยลี่เชินลงจากรถขณะกำลังจะปิดประตูรถ ก็เหลือบไปเห็นกล่องของขวัญที่อยู่ที่นั่งด้านหลังรถ เขามองด้วยสายตาเย็นชา
เขาละสายตาจากล่องของขวัญนั้นแล้วออกคำสั่งโดยใบหน้าปราศจากอารมณ์ “เจิงหง เอาขยะในรถไปทิ้งด้วย”
เจิงหงตะลึงลงจากรถเห็นกล่องของขวัญห่ออย่างดี ลังเลอยู่เล็กน้อย “คุณผู้ชาย นี่มันกล่องเสื้อผ้าของขวัญของคุณหนูไป๋ไม่ใช่หรือครับ แล้วทำไม…”
เขาพูดตัดบทเจิงหงด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ให้เอาไปทิ้งก็ไปทิ้งซิ”
พูดจบเขาก็เดินกลับห้อง ขณะอยู่ที่ประตูกำลังเปลี่ยนรองเท้า ก็ได้ยินเสียงป้าจางดังมาจากห้องครัว “คุณผู้ชายกลับมาแล้ว”
“คุณผู้ชายทานข้าวมารึยังคะ” ป้าจางเดินเข้าไปหา รับเสื้อนอกจากมือของเผยลี่เชนแล้วแขวนไว้ที่ไม้แขวนด้านข้าง
“กินแล้ว” เผยลี่เชินตอบด้วยเสียงเรียบๆ จากนั้นก็เดินไปทางบันได
“คุณผู้ชาย” ป้าจางยังไม่พบความผิดสังเกตของเผยลี่เชิน “วันนี้คุณหนูไป๋มาเรียนตุ๋นซุปไก่กับป้า ตุ๋นอยู่สองสามชั่วโมงกำลังได้ที่เลย ต้องการดื่มร้อนๆ สักหน่อยไหมคะ?”
ขณะที่เธอพูดไป๋เสว่เอ๋อร์ก็โผล่หน้าออกมาจากห้องครัว เมื่อได้เห็นเผยลี่เชิน สายตาของเธอดูเป็นประกาย
พอดีเผยลี่เชินเงยหน้าไปมอง สายตาทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน อารมณ์ของเผยลี่เชินก็ดูเย็นชามากยิ่งขึ้น
“ไม่ต้อง”
หลังจากที่มองไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ชั่วขณะ เผยลี่เชินก็ละสายตา น้ำเสียงเย็นยะเยือกสิ้นดี
ไป๋เสว่เอ๋อร์คิ้วย่น ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
หรือว่ารถที่เธอเห็นตอนที่อยู่ที่บ้านเธอเป็นรถของเผยลี่เชินจริงๆ ?