ตอนที่ 115 มีแฟนไหม
เก้าอี้ล้มลงไปข้างหลัง ทำให้อู๋จวิ้นล้มลงกับพื้น เพราะขาเก้าอี้หักทั้งสองข้าง
อู๋จวิ้นสีหน้าบิดเบี้ยว ร่างของเขาล้มลงกับพื้น สองมือยังคงถูกมัดไว้ ขยับตัวไม่ได้
ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ก้าวไปข้างหน้า พยุงอู๋จวิ้นขึ้นมา หยุดอยู่ตรงหน้าเผยลี่เชิน
ดวงตาของเผยลี่เชินเต็มไปด้วยความเย็นชา “พูด…ทำไมถึงทำร้ายเธอ?” จนถึงตอนนี้เขาไม่เหลือความอดทนแล้ว
อู๋จวิ้นหัวเราะเบาๆ “ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเธอ เล่นกับใครไม่เล่น ดันมาเล่นกับน้องสาวฉัน”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว “แล้วน้องสาวเป็นใคร?”
อู๋จวิ้นได้แต่หัวเราะไม่ยอมตอบคำถามนี้
เผยลี่เชินมองด้วยสายตาเย็นชา “อู๋จวิ้น ฉันสืบหาตัวแกจนเจอ มีรึที่ฉันจะสืบหาตัวน้องสาวแกไม่ได้?”
เขาขี้เกียจจะเสียเวลา การรีบพูดจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เผยลี่เชินเห็นสีหน้าของอู๋จวิ้นเปลี่ยนไป เขาจึงก้าวไปข้างหน้า จ้องมองเขาแล้วพูดต่อ “แกจะไม่พูดก็ไม่เป็นไร ฉันไปสืบเองก็ได้ หลังจากได้เบาะแสมาแล้ว ฉันก็จะใช้วิธีเดียวกันที่แกทำกับไป๋เสว่เอ๋อร์ แต่ลูกน้องของฉันไม่รู้ว่ามือจะหนักหรือเบา จนทำให้น้องสาวแกต้องเกิดเรื่องจริงๆ”
“แกกล้ารึ!” สีหน้าอู๋จวิ้นเปลี่ยนไป ดวงตาดูร้อนรนกระวนกระวาย
เผยลี่เชินพูดเสียงเย็นเรียบ “พูดมา ใครคือน้องสาวแก ทำไมต้องทำร้ายไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วย”
อู๋จวิ้นถอนหายใจ ลังเลอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ตัดสินใจพูด “ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะไป๋เสว่เอ๋อร์ไล่น้องสาวฉันออก จนทำให้รู้สึกอับอาย ฉันก็คงไม่ทำร้ายเธอ!”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว หยุดคิดชั่วคราวแล้วก็คิดออกทันที เมื่อไม่นานมานี้ไป๋เสว่เอ๋อร์ไล่พนักงานฝึกหัดคนหนึ่งออกจากบริษัท ถ้าเขาจำไม่ผิด เธอน่าจะชื่ออู๋เจียเจีย
เผยลี่เชินกำมือแน่น รู้สึกละอายใจ เสียใจ
เรื่องไล่อู๋เจียเจียออก เขาเป็นคนสั่งให้ไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นคนจัดการ คิดไม่ถึงว่าเพราะเรื่องนี้ทำให้เธอต้องรับเคราะห์กรรมแบบนี้
ถ้าตอนแรกเขาให้ฝ่ายบุคคลเป็นคนดูแลเรื่องอู๋เจียเจีย ก็คงไม่มีใครกล้าเอาเรื่องนี้ไปทำร้ายไป๋เสว่เอ๋อร์ เรื่องนี้จะว่าไปคนผิดก็คือเขาเอง
หัวใจของเผยลี่เชนเหมือนถูกบีบ จนแทบหายใจไม่ออก
อู๋จวิ้นเห็นเขาไม่พูดอะไรจึงหัวเราะเสียงเย็น “เลขาคนหนึ่งใช้วิธีเหมือนหมาลอบกัด ดูถูกน้องสาวฉัน แล้วยังไล่เธอออก คิดซิว่าเธอสมควรโดนไหม?”
หน้าผากของเผยลี่เชินปรากฏเป็นเส้นเลือดสีเขียว เขาก้าวเท้าไปข้างหน้า ยื่นมือไปจับที่คอเสื้อเขา แล้วจับเขายกขึ้น “ทำร้ายเธอก็เท่ากับทำร้ายฉันด้วย”
ด้วยกำลังของมือเขา ทำให้อู๋จวิ้นหายใจไม่ออก สีหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง
เผยลี่เชินปล่อยตัวเขา ผลักเขาลงกับพื้นและสั่งให้ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ “ซ้อมจนกว่ามันจะสำนึกผิด แล้วจับมันส่งให้ตำรวจจัดการ”
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเจตนาทำร้ายร่างกาย ถ้าตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง ขอเพียงเขาไม่ยอมความ อู๋จวิ้นไม่มีทางรอดจากคดีนี้แน่
เผยลี่เชินเดินออกมาจากห้องพร้อมกับถอนหายใจ เดิมทีเขานึกว่าตัวเองไม่มีทางปกป้องดูแลไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ แต่นึกไม่ถึงว่า คนที่ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ก็คือเขาเอง
กู้หลี่เหลียงเดินมาหาเขามองเผยลี่เชินที่มีสีหน้าไม่สู้ดี จึงถามอย่างรวดเร็ว “มีอะไรผิดปกติกับเรื่องนี้หรือเปล่า?”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นลึก “หมอนี่ฝากนายไว้ก่อน ลงโทษเสร็จแล้วช่วยส่งให้ตำรวจจัดการต่อด้วยนะ”
“ได้” กู้หลี่เหลียงรับปาก เดินไปพร้อมกับเผยลี่เชิน “อ้อ…มีอีกเรื่อง เมื่อกี้ฉันเห็นเผยอี้ด้วย”
“อืม” เผยลี่เชินจิตใจยังสับสน จึงไม่มีกะจิตกะใจจะคิดอะไร
“นายรู้ไหมว่าเขามากับใคร?”
เผยลี่เชินคิ้วย่นไม่พูดอะไร
กู้หลี่เหลียงเดินเข้าไปใกล้ พูดด้วยเสียงเบาๆ “เขามากับเสิ่นหรูเฟิง เปิดห้องพิเศษพร้อมเรียกหาสาวๆ สองสามคน”
สีหน้าของเผยลี่เชินเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินดังนี้ เผยอี้มากับเสิ่นหรูเฟิง ทำให้รู้สึกถึงความผิดปกติ
บริษัทตระกูลเสิ่นเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองไห่เฉิง มีการพัฒนาและเติบโตที่ดี ไม่เพียงแต่เป็นคู่แข่งของเผยซื่อ บริษัทของพวกเขาทั้งสองยังมีผลประโยชน์ทับซ้อนกันอีกด้วย ในแวดวงธุรกิจคงยากที่จะร่วมมือกันได้
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ตระกูลเสิ่นโดดเด่นไม่น้อย เป็นคู่แข่งเผยซื่ออย่างชัดเจน แต่ไม่สามารถเอาชนะเผยซื่อได้
เสิ่นหรูเฟิงเป็นลูกชายคนที่สองของคุณท่านเสิ่น เสิ่นหรูชวนลูกชายคนโตของตระกูลเสิ่นไม่ชอบทำธุรกิจการค้า ความฝันของเขาคือการช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้คุณท่านเสิ่นไม่พอใจ ดังนั้นความหวังทั้งหมดจึงตกอยู่กับเสิ่นหรูเฟิง
แต่เสิ่นหรูเฟิงเป็นคนทำธุรกิจที่ใช้วิธีการที่ดุร้ายและโหดเหี้ยม เผยอี้อยู่กับเขา มีจุดประสงค์อะไรกัน เขาก็ไม่แน่ใจ แต่ในมุมมองของเขา มันไม่ใช่เรื่องดีแน่น
กู้หลี่เหลียงมองเผยลี่เชินที่ไม่พูดอะไรอยู่นาน จึงถามต่อ “ถ้างั้น ฉันจะส่งสาวๆ ไปสืบแล้วกลับมารายงาน?”
เผยลี่เชินเงยหน้ามอง “นายคิดว่าเสิ่นหรูเฟิงโง่หรือไง?”
ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญพวกเขาจะไม่พูดต่อหน้าคนนอก พวกเขาเรียกสาวๆ เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีใจจะไปสืบเรื่องนี้ ถ้าเผยอี้กับเสิ่นหรูเฟิงคิดจะทำอะไรก็ตาม ช้าเร็วเขาก็ต้องรู้อยู่ดี
ตอนนี้ เขาอยากออกจากโยวหลันไปหาไป๋เสว่เอ๋อร์ที่โรงพยาบาล พอคิดว่าเธอถูกทำร้ายเพราะเขา ใจเขาเหมือนถูกทิ่มแทง ช่างเจ็บปวด
เดินไปตามทางเดิน เผยลี่เชินคิดถึงลู่อี้หลิงที่ตามเข้ามาด้วย เขาก้าวเดินพร้อมมองไปยังกู้หลี่เหลียง “ลู่อี้หลิงไปรึยัง?”
“ยัง…เธอยังรอนายอยู่” กู้หลี่เหลียงพูดพร้อมจ้องมองเขา “นายเหมือนดอกท้อเบ่งบาน จึงมีผู้หญิงติดสอยห้อยตามนายอย่างนี้”
“ฉันไปแล้ว ให้นายดูแลเธอให้ดี ฐานะของเธอไม่ธรรมดา”
เผยลี่เชินกำชับเสร็จแล้วรีบเดินไปทางห้องโถงเพื่อออกไปด้านนอก
………………..
ในห้องวอร์ดโรงพยาบาล ไป๋เสว่เอ๋อร์ใช้ตะเกียบกวนอาหารค่ำที่อยู่ในชาม ดูไม่มีความสุข.
ตลอดทั้งวัน เผยลี่เชินไม่โผล่มาให้เห็น ทั้งโทรศัพท์ ข้อความก็ไม่มีเลย
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เธอรู้สึกโหวงเหวง กินอะไรไม่ลง
เธอให้โจ๋วฝันอยู่คุยเป็นเพื่อนเธอแก้เซ็ง โจ๋วฝันเห็นเธอเขี่ยข้าวไปมา ไม่กินสักที จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “คุณไป๋ อาหารวันนี้ไม่ถูกปากหรือครับ?”
“เปล่า” ไป๋เสว่เอ๋อรื๋วางตะเกียบในมือลง
โจ๋วฝันจึงลองถามดูใหม่ “เป็นเพราะคุณชายเผยไม่อยู่ใช่ไหมครับ?”
สองวันมานี้เธอสนิทสนมกับโจ๋วฝัน บางครั้งเธอสามารถพูดได้โดยไม่ต้องปิดบัง เธอแค่ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ แก้มของเธอรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“อะไร เปล่า ไม่ใช่” ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบปฏิเสธ เห็นโจ๋วฝันมีรอยยิ้มปรากฏในดวงตา เธอจึงแกล้งถาม “โจ๋วฝัน เธอมีแฟนรึยัง?”
โจ๋วฝันเองตะลึงที่ได้ยินคำถามนี้ แต่ก็ตอบกลับ “ไม่มีครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มแล้วถามอีก “นายก็ไม่ได้ขี้เหร่ แถมยังเตะต่อยเก่ง แต่ทำไมถึงยังไม่มีแฟน?”
เธอถามไม่กี่ประโยค โจ๋วฝันก็หน้าแดง ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นสีหน้าโจ๋วฝันเปลี่ยนไป ก็รู้สึกสบายใจขึ้นนิดหน่อย
โจ๋วฝันเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์แกล้งถามเขาแบบนั้น จึงถามกลับ “แล้วคุณล่ะครับ มีแฟนรึยัง?”
“ฉัน….” ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึง ภาพของเผยลี่เชินก็ปรากฏในสมองของเธอ
เขา จะนับเป็นแฟนเธอได้ไหม?