ตอนที่ 108 เยี่ยมพ่อ
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันกลับมาเห็นเผยลี่เชินเดินมาหาเธอ เธอตื่นเต้น เขาเดินถอยห่างจากตู้เสื้อผ้าไปครึ่งก้าว
“ไม่ต้องคะ เดี๋ยวฉันให้ป้าจางมาช่วยรูดให้คะ”
สายตาของเธอเหมือนกวางน้อยที่ตื่นกลัว เหมือนกลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอ
“ไม่ต้องกังวล” เผยลี่เชินยิ้มที่มุมปาก เขาเอื้อมมือจับไหล่เธอ เขาเดินก้าวไปข้างหน้า ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ตอบสนองใดๆ แต่รู้สึกว่าด้านหลังและเอวเธอแน่นขึ้น
เผยลี่เชินมองลงมาเห็นดวงตาใสซื่อ หัวใจเต้นแรงขณะเดียวกันก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
เขาหายใจเข้าลึกๆ มือข้างหนึ่งจับปลายซิป มืออีกข้างค่อยๆ ดึงซิปขึ้น
ผิวพรรณของหญิงสาวเนียนเรียบ รวมไปถึงด้านหลัง ขาวใสไร้ที่ติ โปร่งแสงเหมือนผ้าไหม นิ้วมือของเขาไปสัมผัสเข้าโดยบังเอิญ ทำให้เธอสะดุ้งตกใจ
รูดซิปไปถึงด้านบนสุด เผยลี่เชินรู้สึกร้อนที่ลำคอ จึงก้าวถอยหลังพร้อมไอเสียงเบาๆ “รูดเสร็จแล้ว”
พูดจบไม่รอให้ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดอะไรต่อ เขาหันหลังแล้วเดินออกไปอีกทาง
เดิมทีคิดว่าเขาจะพูดอะไรสักสองสามประโยคที่อาจทำให้เธอหน้าแดง แต่ผิดคาดดูเหมือนวันนี้เขาเคร่งขรึม
ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับมามีสติอีกครั้ง คิดถึงรื่องที่ต้องไปจัดการ ไม่อาจยืดเยื้ออยู่ได้ รีบเก็บข้าวของแล้วเดินออกไป
ก่อนออกไป ป้าจางเรียกเธอไว้ “คุณหนูไป๋ รอสักครู่คะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันกลับมา เห็นเธอถือกล่องกระดาษเข้ามา “คุณหนูไป๋ นี่เป็นคุกกี้ที่ป้าทำเองกับมือเมื่อตอนเช้า คุณเอาติดไปด้วย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึง ไม่มีการตอบสนองใดๆ ฟังเผยลี่เชินที่ดื่มกาแฟบนโต๊ะอาหารเช้าพูด “ฉันบอกให้ป้าจางทำให้ เธอเอาติดไปด้วย”
พอได้ฟังคำพูดนี้เธอก็เข้าใจ ที่แท้เขาต้องการมอบให้พ่อของเธอ คิดไม่ถึงว่าเขาจะรอบคอบขนาดนี้ เธอรู้สึกอบอุ่นใจ เงยหน้ามองป้าจาง “ขอบคุณคะ ป้าจาง”
ป้าจางหัวเราะ “ไม่เป็นไรคะ นี่เป็นสิ่งที่ป้าควรทำ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ออกจากคฤหาสน์ นั่งรถตรงไปที่เรือนจำเขตหลิงอัน เขตหลิงอันเป็นเขตชานเมืองไห่เฉิง ที่นั่นค่อนข้างรกร้าง จึงมีแต่โรงงานและเรือนจำ เธอนั่งรถจากที่นี่ไปถึงที่นั่นใช้เวลาครึ่งชั่วโมง
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทาง
การนั่งรถที่ยาวนานเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเมารถ หน้าซีดแต่ก็แข็งใจ ก้าวลงจากรถ
เธอมาครั้งนี้นำอาหารและเสื้อผ้ามาให้พ่อของเธอ ในห่อเสื้อผ้าเธอแอบใส่เงินไว้ด้วยเธอรออยู่ในห้องโถงประมาณสิบกว่านาที ก็ถูกนำตัวไปที่ห้องแยกเดี่ยว
เดินผ่านห้องขังเล็กบ้างใหญ่บ้าง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ถูกนำมาที่ห้องสุดท้าย
เธอและห้องข้างในถูกคั่นด้วยกระจกกันเสียง ต้องสื่อสารผ่านโทรศัพท์ ที่นั่นเป็นสถานที่โล่งไม่มีใครสักคน
เธอรออย่างกระวนกระวายใจ ไม่กี่นานทีประตูด้านในถูกเปิดออก มีผู้คุมเดินเข้ามา ไป๋เสว่เอ๋อร์หัวใจเต้นแรง นั่งตัวตรงแน่ว
ทันใดนั้นใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น พอได้เห็นใบหน้าของไป๋เจิ้งตงอย่างชัดเจน น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา
“พ่อ!”
เธอเรียกพ่อด้วยความตื่นเต้น จนลมไปว่าเธอไม่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูด
ไป๋เจิ้งตงนั่งตรงข้ามกับเธอ พอได้เห็นหน้าเธอ ใบหน้าที่แต่เดิมเย็นชาก็ดูมีชีวิตชีวาทันที สองมือประสานกัน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบเข้ากับหู
“พ่อสบายดีไหม?”
น้ำเสียงของไป๋เสว่เอ๋อร์สั่นเล็กน้อย น้ำตายังคงไหลออกมา มองดูชายสูงวัยที่อยู่ตรงหน้า อารมณ์สั่นไหว
“เสว่เอ๋อร์….พ่อสบายดี” ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋เจิ้งตง
น้ำตาของไป๋เสว่เอ๋อร์เหมือนไข่มุกที่แตกหัก ไหลไม่หยุด “พ่อ…พ่อไม่รู้หรอกว่าหนูห่วงพ่อมากขนาดไหน”
“เอาละ…..อย่าร้องไห้เลย พ่อก็ยังสบายดีเห็นไหม? แต่หนูซิ ผอมไปนะ ขอบตาคล้ำ ที่ผ่านมาหนูคงลำบากไม่น้อย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ปาดน้ำตายิ้มให้พ่อ “หนูไม่เป็นไรคะ….พ่อ หนูสบายดี”
ทั้งสองไม่ได้เจอกันนาน จึงถามแต่สารทุกข์สุกดิบ อารมณ์ของไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ สงบลง จากนั้นก็พูดคุยเรื่องที่ไป๋ซื่อล้มละลายกับไป๋เจิ้งตง
ไป๋เจิ้งตงถอนหายใจ “เป็นอย่างที่พ่อคิด เฮ้อ…พ่อผิดเอง เดินมาผิดทางทำให้หนูและแม่ต้องพลอยลำบากเพราะพ่อ”
“พ่อ…พ่ออย่าพูดแบบนั้น ถึงแม้ไป๋ซื่อจะล้มละลาย ขอเพียงแต่พวกเรายังอยู่ดีมีสุข ก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้หนูทำงานกับเผยลี่เชิน มีเงินเดือนสามารถดูแลตัวเองและแม่ได้คะ”
ไป๋เจิ้งตงได้ยินชื่อเผยลี่เชิน ดวงตาของเขาเปล่งประกาย “ลูกทำงานกับเผยลี่เชินรึ?”
“คะ….ครั้งนี้ที่หนูได้เจอกับพ่อ ก็เป็นเพราะเขาช่วยจัดการให้”
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเผยลี่เชิน เธอไม่คิดจะบอกพ่อ”
ไป๋เจิ้งตงได้ยินดังนั้นก็ได้แต่พยักหน้า “พ่อดูคนไม่ผิดจริงๆ เขาเป็นคนดีมีความสามารถ พึ่งพาอาศัยได้ ลูกทำงานกับเขา ได้เรียนรู้ธุรกิจจากเขา พ่อได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกสบายใจ”
ก่อนหน้านี้เขาเคยขอเผยลี่เชินเป็นการส่วนตัว ให้ช่วยดูแลลูกสาว คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำตามที่ขอไว้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่งยิ้มพร้อมกับพูดเบาๆ “พ่อ….วางใจเถอะคะ หนูจะเรียนรู้จากเขา พ่อไม่ต้องกังวลหนูกับแม่สบายดี”
ไป๋เจิ้งตงพยักหน้า แต่ไม่นานสีหน้าดูเคร่งเครียด “เสว่เอ๋อร์ ครั้งนี้พ่อติดคุกสามปี ถ้าหากพ่อทำดี ก็จะได้ออกจากคุกก่อนกำหนด ดังนั้นลูกไม่ต้องร้อนใจ ดูแลตัวเองดีๆ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนี้ น้ำตาไหลออกมา พยักหน้ารับ “พ่อ…หนูเข้าใจแล้ว หนูจะรอพ่อออกมาคะ”
ไป๋เจิ้งตงยังกำชับอีกว่า “ยังมีอีก พ่ออยู่ในนี้สบายดี เผยลี่เชินช่วยเหลือพ่อไว้ไม่น้อย พ่ออยากให้ลูกขอบคุณเขาแทนพ่อด้วย”
“รู้แล้วคะ”
เรื่องนี้เธอเองก็รู้สึกติดค้างเขาไม่น้อย ถ้าหากมีโอกาสก็ต้องชดใช้คืนให้เขาแน่นอน
“ถูกต้อง” ไป๋เจิ้งตงน้ำเสียงเข้มขึ้น “ยังมีอีกเรื่อง”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูพ่อที่ท่าทางขึงขัง “ทำไมคะ?”
เขาลดเสียงลงมา “เรื่องที่เกิดกับไป๋ซื่อไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พ่อทำผิด เรื่องมาถึงขั้นนี้พ่อพูดอะไรได้ ตอนแรกของเรื่องมีคนใส่ร้ายพ่อ”
“อะไรนะคะ?” ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว
“เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่หนูกับเผยลี่เชินจะแต่งงานกัน ทำไมมันบังเอิญขนาดนี้ หนูไม่คิดบางรึ?”
คำพูดของไป๋เจิ้งตงเหมือนเสียงฟ้าผ่า และปลุกสติของเธอให้ตื่นขึ้น เธอไม่เคยนำทั้งสองเหตุการณ์มาเชื่อมโยงกันเลย แต่ตอนนี้เรื่องมันดูท่าจะไม่ง่ายเสียแล้ว
“พ่อไม่รู้ว่าใครเป็นคนใส่ร้าย มีจุดประสงค์อะไร พ่อเองก็ไม่แน่ใจ กลัวแต่ว่าวันนี้เขาอยู่ในที่ลับ ส่วนพวกเราอยู่ในที่แจ้ง…..”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนี้ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกไม่สบายใจ
“ดังนั้นเสว่เอ๋อร์ลูกต้องระวังตัวให้ดี พ่อกลัวว่าเขาคนนั้นจะพุ่งเป้ามาที่ลูกแทน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจ เงยหน้ามองพ่อด้วยใจที่เป็นสุข
ไป๋เจิ้งตงเห็นสีหน้าซีดเผือดของเธอจึงปลอบประโลม “เสว่เอ๋อาร์ไม่ต้องกลัว ลูกแค่ระวังตัวแล้วลองสืบดูว่าเป็นใคร แล้วระวังตัว เตรียมพร้อมไว้ เข้าใจไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า รับปากเขา
เมื่อก่อนเธอเป็นผู้หญิงอายุน้อยที่สุดในตระกูล คิดว่าชีวิตของคนเราราบรื่น แต่มาตอนนี้ไม่เป็นแบบที่เธอคิด แม้แต่วันนี้ที่เธอเองรู้สึกว่าเหมือนจะเอาตัวไม่รอด
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามองไป๋เจิ้งหงกำลังจะพูดต่อ แต่ผู้คุมด้านข้างส่งเสียงเตือน “หมดเวลาแล้ว”